พยัคฆ์เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถยนต์ที่กำลังมุ่งหน้ากลับบริษัท ใบหน้าคมเรียบนิ่งจนน่ากลัว เพราะเขาต้องการอยู่เงียบ ๆ คนเดียว จึงให้จินนี่ไปขึ้นรถอีกคัน ซึ่งเธอก็ยอมแต่โดยดีด้วยไม่อยากขัดใจเขาตอนอารมณ์เสีย ในหัวของเขาตอนนี้เอาแต่ครุ่นคิดถึงหญิงสาวคนนั้นที่มองเขาด้วยสายตาดูถูก เธอทำให้เขานึกถึงใครบางคน
เมื่อวานนี้เด็กซ์เตอร์ ลาเทสต้าได้มอบตำแหน่งประธานบริษัทให้เขาอย่างเป็นทางการหลังจากได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการ ส่วนประกาศอย่างเป็นทางการจะตามมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ภาระความรับผิดชอบของบริษัททั้งหมดถูกถ่ายโอนมาที่เขา แต่ตอนนี้เขากำลังหงุดหงิดเมื่อนึกถึงเรื่องที่ทะเลาะกับเด็กนักศึกษาคนนั้น ถึงตอนนี้เขาจะยุ่งมากทว่าจิตใจกลับไม่สามารถสงบลงได้เลย เขาจะต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับหญิงสาวที่ชื่อเกวลินให้ได้ เธอทำให้จิตใจเขาว้าวุ่น และมันจะไม่สงบลงจนกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ เขาไม่สามารถทำอะไรได้ถ้ามีเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ในหัว ร่างสูงเดินเข้าไปในห้องทำงานด้วยใบหน้าเคร่งขรึมโดยมีเลขาเดินตามหลังอย่างประหม่า
“ผมมอบหมายงานให้คุณสืบเรื่องผู้หญิงคนนั้นหลายวันแล้วนะ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย เกิดอะไรขึ้น” เขาถามอย่างใจเย็น ความสงบไม่ค่อยเข้ากับใบหน้าเขานัก เพราะทุกคนรู้ดีว่าเขายังห่างไกลจากคำนี้อยู่มาก
“อืม... ท่านประธานครับ…” ปราโมทย์พูดตะกุกตะกักขณะกลืนน้ำลายอย่างประหม่า
“พูด!” ปราโมทย์ก้าวถอยหลังด้วยความกลัวจากเสียงของเจ้านายที่ดังราวกับฟ้าคำราม “ถ้าตอนนี้คุณยังรายงานเรื่องผู้หญิงคนนั้นให้ผมฟังไม่ได้ ก็อย่ามาให้ผมเห็นหน้าในบริษัทนี้อีก ผมไม่ต้องการผู้ช่วยที่ไร้ประโยชน์แบบคุณ”
“อืม… ท่าน... อืม... รายงานคือ…” ปราโมทย์ยังพูดตะกุกตะกักหลังจากที่หมุนตัวไปเผชิญหน้ากับพยัคฆ์ซึ่งตอนนี้แสดงออกชัดเจนว่ากำลังโกรธอยู่
“รายงานอยู่ที่ไหน” เขาถามอย่างหมดความอดทน
“พยัคฆ์ใจเย็น ๆ หน่อย...” เสียงนาวินดังขึ้นหน้าประตู ทำให้ปราโมทย์ถึงกับถอนหายใจโล่งอก
“มันเป็นงานง่าย ๆ ที่ฉันมอบให้เขานะ แค่สืบประวัติของเธอเองมันจะยากอะไรนักหนา ฉันรอมาหลายวันแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับรายงานจนถึงตอนนี้! ฉันรู้ว่างานง่าย ๆ แค่นี้ไม่กี่ชั่วโมงก็เสร็จ แล้วทำไมคราวนี้มันถึงต้องใช้เวลาหลายวันนัก!” พยัคฆ์ตะคอกใส่เมื่อเห็นนาวินเข้ามาในห้องทำงานด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“เราไม่ต้องสืบให้ยุ่งยากหรอกพยัคฆ์ นายแค่สงบสติอารมณ์ลง แล้วนายจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น” นาวินพยายามระงับความโกรธของอีกฝ่ายเพื่อช่วยปราโมทย์ที่กำลังจะเป็นลมอยู่รอมร่อ เขาทำมือให้เลขาหนุ่มออกไปซึ่งอีกคนก็รีบเดินอย่างรวดเร็ว หวังหลีกหนีความโกรธเกรี้ยวของประธานคนใหม่
“คุณจะไปไหน ผมต้องการรายงานเรื่องผู้หญิงคนนั้น” เมื่อเห็นเลขากำลังจะถึงประตู พยัคฆ์ก็ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง ปราโมทย์ชะงักอยู่หน้าประตูแล้วหันกลับมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ฉันเป็นคนสั่งให้เขาหยุดสืบเกี่ยวกับเธอเอง” นาวินเอ่ยขึ้น
“นายพูดว่าอะไรนะ” พยัคฆ์หันไปหานาวินด้วยความตกใจ
“ฉันสั่งให้พวกเขาหยุดสืบเอง” นาวินตอบอย่างสบาย ๆ ขณะที่มองดูใบหน้าโกรธเกรี้ยวของพยัคฆ์
“นายยกเลิกคำสั่งฉันได้ไง” เขามองหน้านาวินด้วยความไม่พอใจ ส่วนปราโมทย์รีบเดินออกไปทันทีเพราะขืนอยู่ต่ออีกนิดคงได้โดนลูกหลงเป็นแน่
“พยัคฆ์ดูนายสิ นี่มันมากเกินไปแล้วนะ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำอะไรนายหรือใครเลย ทำไมนายต้องโกรธเธอมากขนาดนี้ด้วย” นาวินถามอย่างหงุดหงิด พลันดวงตาของพยัคฆ์หรี่แคบลง แสดงให้เห็นว่าเขาโกรธมากเพียงใด นอกจากนาวินแล้วก็ไม่มีใครหยุดเขาได้อีกแน่ในเวลานี้
“แล้วนายเป็นใครถึงมาตัดสินว่าสิ่งที่ฉันทำมากเกินไป ผู้หญิงคนนั้นดูถูกฉันต่อหน้าแขกนะ นี่ยังไม่พอเหรอ” เขาโต้กลับอย่างเย็นชา ทว่านาวินกลับหัวเราะเยาะออกมาอย่างรำคาญ
นาวินได้รับมอบหมายให้ดูแลพยัคฆ์ และพยัคฆ์ก็เหมือนคนอื่น ๆ ในตระกูลลาเทสต้า หัวรั้น เอาแต่ใจ หยิ่งจองหอง ต่างกับนาวินที่เป็นคนมีความอดทนสูง และมีเพียงคนสายเลือดลาเทสต้าเท่านั้นที่จะเข้าใจกัน นาวินไม่เคยกลัวเวลาพยัคฆ์โกรธเลย พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทและยังเป็นญาติกันอีกด้วย ตอนที่ยังเด็กก็ได้รับการฝึกให้อยู่ทีมเดียวกัน
“ในตระกูลลาเทสต้าฉันเป็นพี่นาย และเป็นเพื่อนที่สนิทกับนายมากที่สุด เพราะงั้นอย่าใช้น้ำเสียงแบบนั้นกับฉัน” น้ำเสียงของนาวินเริ่มแข็งกระด้าง