“ฉันไม่ได้อยากรู้ชื่อเธอสักหน่อย ฉันแค่อยากได้ชุดนั้น” จินนี่กลอกตาพลางเดินเข้ามาหาปานวาด
“ฉันก็ไม่ได้อยากรู้เหมือนกันว่าคุณอยากได้ชุดไหน ฉันก็แค่จะซื้อชุดนั้น” เกวลินโต้กลับเสียงเย็นชา ก่อนหันไปบอกพนักงาน “เอาชุดใส่กล่องด้วยค่ะ จะได้คิดเงิน”
“พยัคฆ์คะ ทำอะไรสักอย่างสิคะ!” จินนี่อ้อนวอนอย่างหงุดหงิด ทันใดนั้นผู้จัดการก็รีบเดินหอบเข้ามา เธอทักทายพยัคฆ์อย่างสุภาพ
“สวัสดีค่ะคุณพยัคฆ์”
“คุณไปเจรจากับลูกค้าคนนั้นที เอาชุดสีแดงให้จินนี่ด้วย” พยัคฆ์เอ่ย มือล้วงกระเป๋ากางเกงโดยไม่ละสายตาจากเกวลิน
“รับทราบค่ะคุณพยัคฆ์” ผู้จัดการโค้งศีรษะ ก่อนจะหันไปหาปานวาดแล้วยิ้ม “คุณลูกค้าคะ คุณลูกค้าสนใจสีอื่นแทนไหมคะ ทางร้านเราจะสมนาคุณให้ด้วยค่ะ คุณลูกค้าสามารถเลือกรองเท้า กระเป๋า หรือเครื่องประดับได้ฟรีนะคะ ถือเป็นคำขอโทษจากทางร้านค่ะ”
ปานวาดที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับอ้าปากค้าง ก้มมองชุดที่ถืออยู่ในมือด้วยความเศร้า
“ไม่ค่ะ เพื่อนฉันอยากได้ชุดนี้เท่านั้น คุณผู้จัดการคะ เพียงเพราะพวกเขาดูมีอำนาจมากกว่า ก็เลยได้รับการปฏิบัติเหมือนอยู่เหนือคนอื่นงั้นเหรอคะ ราคาของชุดก็เท่ากันนี่ ไม่ว่าคุณจะขายให้ใครมันก็ราคาเท่าเดิม ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องนี้จบลงง่าย ๆ เพียงเพราะอิทธิพลของใครแน่” เกวลินกอดอกพูดอย่างไม่สนใจ เธอมองหน้าจินนี่ก่อนจะมองไปยังพยัคฆ์ ซึ่งเขาก็มองเธอกลับด้วยสายตาเย็นชาเช่นกัน
เจไดที่กลัวว่าเหตุการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้นั้นพูดอะไรไม่ออกเพราะรู้ดีว่าพยัคฆ์เป็นใคร
“ฉันพูดดี ๆ ด้วยแล้วนะ ทำไมไม่รับความใจดีนั้นไว้ซะล่ะ” พยัคฆ์จ้องตาหญิงสาวนิ่งงัน
“ไม่ต้องมามอบความใจดีให้หรอกค่ะ... คุณควรไปปลอบใจแฟนสาวของคุณแทนดีกว่า เพราะเธอคงไม่ได้ชุดนี้แน่” เธอยิ้มประชด
“นี่เธอคิดว่ากำลังพูดอยู่กับใครน่ะฮะ! คิดว่าตัวเองเป็นใครไม่ทราบ” จินนี่เอ่ยด้วยความโกรธ
“ฉันเป็นคนที่คุณไม่อยากยุ่งด้วยค่ะ...” เกวลินยิ้มหวาน ก่อนจะหันไปหาพยัคฆ์ที่ทำหน้าบึ้งด้วยความหงุดหงิด
“เกว...” เจไดขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะดึงแขนเธอไว้ ปานวาดเข้ามาสมทบด้วยเช่นกัน
“เกวหยุดก่อน นั่นคุณพยัคฆ์นะ พอเถอะ ไม่เป็นไร ฉันจะยกชุดนี้ให้แฟนเขาเอง เราไปกันเถอะ”
“ไม่! เธอลากฉันมาที่ร้านนี้ตั้งแต่เช้าเพราะชุดนั้นนะ เพราะงั้นเธอต้องซื้อมันไปด้วย” เกวลินยืนกรานขณะคว้าชุดจากมือปานวาดมาวางบนเคาน์เตอร์พร้อมกับแบล็กการ์ดด้วยความโกรธ
แคชเชียร์ไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ดี ด้วยทุกคนรู้ถึงอิทธิพลของตระกูลศศิวัตรเกียรติกุล และหากข่าวลือถูกต้อง พยัคฆ์กำลังจะขึ้นเป็นประธานบริษัทลาเทสต้า ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าองค์กรนี้ครอบครองเกือบทุกอย่างในประเทศนี้ อีกทั้งยังเป็นผู้นำมาเฟียมาหลายทศวรรษที่ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย
แต่เกวลินก็ดูเหมือนจะไม่ใช่นักศึกษาธรรมดา ๆ เหมือนกัน เพราะเธอมีแบล็กการ์ดที่มีชื่อเธอสลักอยู่ แม้แต่จินนี่ยังเบิกตากว้าง
พยัคฆ์เห็นแบล็กการ์ดเช่นกัน ทันใดนั้นเธอก็กลายเป็นบุคคลปริศนาสำหรับทุกคนทันที รวมถึงทายาทผู้โด่งดังของอาณาจักรศศิวัตรเกียรติกุลด้วย
ด้านจินนี่นั้นอยู่ในอาการงุนงงขณะจ้องมองแบล็กการ์ดที่ฝันอยากเป็นเจ้าของมาตลอดแต่ไม่เคยมีโอกาส การรู้ว่านักศึกษาคนนี้เป็นเจ้าของมัน ทำให้เธอเกิดความรู้สึกเกลียดชังขึ้นมาทันที
“เป็นแค่นักศึกษาแต่มีแบล็กการ์ดด้วย น่าสนใจดีนี่” จินนี่หัวเราะเยาะ
“อิจฉาเหรอคะ” เกวลินยิ้มเย้ยกลับ
“นี่เธอ!” จินนี่โกรธจัดที่ถูกจี้ใจดำ
“ทำไมคะ คุณโตขนาดนี้แล้วแต่มาทะเลาะกับเด็กนักศึกษา แถมยังแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวเหมือนเด็กขวบเดียวแบบนี้อีก ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เลย”
“แก นังเด็กบ้า กล้าดียังไงมาว่าฉันแบบนี้ ฮะ!” จินนี่ตะคอกใส่อย่างหมดมาด
“พอได้แล้ว!” เสียงทุ้มทรงพลังถูกเปล่งออกมาจนทุกคนในที่นั้นถึงกับสะดุ้ง ไม่เว้นแม้แต่จินนี่ที่คุมสติไม่อยู่และกำลังจะปรี่เข้าไปตบเกวลิน