วันนี้เกวลินแต่งตัวต่างไปจากทุกวัน เธอใส่กางเกงยีนสีเข้มแต่งขาดคู่กับเสื้อสเวตเตอร์สีเหลืองมัสตาร์ด และรองเท้าผ้าใบ เนื่องจากมีนัดไปเที่ยวห้างกับเพื่อนสนิททั้งสองอย่างที่ชอบทำร่วมกันในช่วงสุดสัปดาห์
“เกว มีเดรสตัวใหม่ที่ฉันอยากได้มากอยู่ด้วย มันเป็นรุ่นลิมิติดที่มีแค่สามสีเท่านั้น ฉันอยากได้สีแดงมาก ต้องไปซื้อเดี๋ยวนี้เลย เธอพาฉันไปที่ร้านนั้นก่อนนะ” ปานวาดอ้อนวอนขณะเดินเข้าไปในห้าง
“เอาสิ” เกวลินยิ้มขณะเดินจับมือเพื่อนสาว ส่วนเจไดเดินตามอย่างเงียบ ๆ ทั้งสามเดินขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ต้องการ
“ว้าว นี่ไงเกว” ปานวาดยิ้มสดใสพลางดึงแขนเกวลินออกจากลิฟต์ ดวงตาเปล่งประกายด้วยความสุขเมื่อเห็นชุดที่หมายตาไว้
“รีบเข้าไปกันเถอะ ขืนชักช้าจะมีคนมาแย่งไปนะ” เจไดเตือน
“ฉันขอดูชุดนี้สีแดงค่ะ” ปานวาดพูดกับพนักงานในร้าน พลางลูบชุดตัวอย่างด้วยความตื่นเต้น
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” พนักงานตอบด้วยรอยยิ้มก่อนหันหลังไปหยิบชุดสีแดงมาให้ดู เมื่อเดรสสีแดงปรากฏอยู่ตรงหน้า ดวงตาของปานวาดก็เปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม
“ตื่นเต้นทำไมวาด ชุดไหนมันก็เหมือน ๆ กันหมดไม่ใช่เหรอ” เจไดว่าอย่างไม่เข้าใจนัก
“นายไม่มีวันเข้าใจผู้หญิงหรอกเจได” ปานวาดบึนปากใส่เขา
“ไปจ่ายเงินกันเถอะ เราจะได้ไปดูอย่างอื่นกัน” เกวลินยิ้ม
“ฉันอยากได้ชุดเดรสสีแดงนั่น!” ทันใดนั้นทุกคนถึงกับชะงักเมื่อได้ยินเสียงแข็งกระด้างดังขึ้นมา ปานวาดกอดชุดไว้แน่นเมื่อเห็นบอดีการ์ดเดินเข้ามาในร้าน ก่อนจะมองไปเห็นคนที่เพิ่งเป็นข่าวเมื่อไม่กี่วันก่อน จินนี่ชี้ไปยังชุดที่ปานวาดกอดอยู่ “เอาชุดเดรสนั่นมาให้ฉัน ฉันอยากได้สีแดงตัวนั้น”
“แต่ฉันมาถึงก่อนนะ มันเป็นของฉัน” ปานวาดโต้กลับ
“แล้วยังไงล่ะ ฉันอยากได้ชุดนั้นนี่” จินนี่ยืนกราน หันไปทางแคชเชียร์เพื่อจะจ่ายเงินโดยไม่สนใจปานวาด แคชเชียร์สาวดูสับสนและกังวล ส่วนพนักงานคนอื่น ๆ มองดูสถานการณ์ด้วยความประหม่า ไม่รู้จะทำอย่างไรดี “ฉันบอกว่าฉันจะเอาชุดนั้นไง ไม่ได้ยินเหรอ ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร”
ระหว่างที่จินนี่กำลังตีหน้าบึ้งใส่พนักงานในร้าน น้ำเสียงทรงพลังก็ดังขึ้นมา ทำให้ทุกคนหันไปมองเป็นจุดเดียว
“ซื้อเสร็จหรือยัง ฉันยังมีประชุมรออยู่นะ”
“พยัคฆ์คะ ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมให้ฉันซื้อชุดที่เล็งไว้ เธอแย่งมันไปเฉยเลย” จินนี่ฟ้องชายหนุ่มทันที ปานวาดที่ได้ยินแบบนั้นก็เบิกตากว้างขึ้นมา
“ฉัน... ไม่ได้... แย่งสักหน่อย... ฉันมาถึงร้านก่อนนะคุณ” เธอพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“แต่ฉันชอบชุดนั้นค่ะพยัคฆ์” จินนี่เม้มริมฝีปาก ใช้น้ำเสียงสั่นเครือบีบน้ำตาเพื่อให้พยัคฆ์ช่วยเธอ “เด็กนั่นไม่ยอมยกให้ฉัน เธอตัดหน้าฉันไป”
ด้านแคชเชียร์ที่ยืนเงียบอยู่บีบมือแน่นด้วยไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร เธอจำพยัคฆ์ได้ว่าเขาเป็นใคร แต่ปานวาดก็มาถึงร้านก่อน เธอต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า แม้ว่าจินนี่จะใช้อำนาจมาข่มขู่คนอื่นก็ตาม ระหว่างนั้นพยัคฆ์มองไปทางปานวาดที่ยืนกอดชุดแน่นอยู่ จากนั้นหันไปหาพนักงานในร้าน
“มีชุดนั้นสีอื่นอีกไหม”
“มีสีน้ำเงินกับสีดำค่ะคุณพยัคฆ์” พนักงานตอบอย่างนอบน้อม
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็เอาสีอื่นไปสิ” เขาหันไปหาจินนี่
“แต่ฉันอยากได้สีแดงนะคะพยัคฆ์ ฉันไม่ชอบสีอื่น” จินนี่ตอบอย่างเอาแต่ใจ แถมยังกระทืบเท้าเหมือนเด็กอีกด้วย พยัคฆ์ถอนหายใจแล้วหันไปหาปานวาดที่กำลังมองมายังเขาเช่นกัน
“คุณเอาสีอื่นได้หรือเปล่า ช่วยยกชุดนั้นให้เราได้ไหม” เขาถามอย่างใจเย็น หากแต่คำพูดนั้นทำให้ปานวาดลำบากใจ เธอหันไปหาเกวลินด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
“ไม่ค่ะ เรามาถึงก่อน เพราะงั้นเรามีสิทธิ์ซื้อมัน” เกวลินเดินเข้าไปหาปานวาดอย่างปกป้องแล้วเอ่ยขึ้นมาหลังจากทนฟังมานาน
“แล้วเธอเป็นใคร” จินนี่ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ฉันชื่อเกวลิน” เธอตอบอย่างใจเย็นก่อนจะมองไปยังพยัคฆ์