ซือเหริน ช่วยลูกสาวจัดกระเป๋าเดินทาง เพราะเธอสำรวจแล้ว ว่าลูกสาวจัดไปเพียงของที่ใช้ในการทำงาน และเสื้อผ้าไม่กี่ชุด เธอให้แม่บ้านช่วยจัดพวกของใช้ประจำวันไปให้เยอะพอสมควร
" ม่ายเอ๋อ แหวนวงนี้ของลูก ติดตัวไว้นะห้ามถอดเด็ดขาด ถ้าไปถึงแล้วโทรมาบอกแม่ด้วย ม่ายเอ๋อ หากมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้ ขอให้ลูกใช้สติปัญญาของลูกในการดำเนินชีวิตต่อไป แม่รักลูก ขอให้ลูกแม่โชคดี "
" แม่คะ หนูก็รักแม่ หนูไม่อยู่ดูแลตัวเองให้ดีนะคะ ทานอาหารที่มีประโยชน์ และฝากดูแลป๊าด้วยนะคะ"
" จ้ะ ลูกนั่นแหละอย่ามัวทำงานจนลืมทานข้าวนะ รู้ไหม "
" ค่ะ แม่"
สองแม่ลูกกอดกัน อยู่นานก่อนที่แม่จะกลับห้องไปนอน คนเป็นแม่ถึงจะทำใจไว้แล้วแต่เธอก็ยังมีความหวังว่าจะไม่ใช่ครั้งนี้ก็เป็นได้ ตอนเช้าเสียวม่ายจะออกเดินทางไปสนามบินแต่เช้า และคิดว่าพ่อกับแม่คงจะไปส่งเธอ ส่วนพี่ๆ นั้นคงจะไปทำงาน พี่สามไม่ได้ค้างที่บ้านเพราะมีงานแต่เช้าและสาขาที่พี่สามคุมอยู่อีกเมืองจึงกลับไปพักที่คอนโด ในเมืองที่ทำงาน ส่วนพี่สาวนั้นคงออกเดินทางแต่เช้าเพราะรอส่งเธอที่บ้าน ตอนเช้าก่อน
***************************************
บ้าน อวี๋
จ้าวลู่ ที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัว กำลังบ่นให้กับลูกสะใภ้คนใหม่ ที่ยังไม่ออกมาจากห้องนอน เธอต้องเตรียมอาหารให้ทุกคนก่อนออกไปทำงาน โดยมีลูกสาวคนเล็กที่กำลังเตรียมตัวไปโรงเรียนและช่วยงานเธอเพียงเล็กน้อยส่วนสะใภ้ใหญ่นั้นต้องออกไปทำงานในเมืองแต่เช้าพร้อมลูกชายคนโต เธอจึงไม่ต้องช่วยงานบ้านแต่อย่างใดเพียงแต่ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเท่านั้น จ้าวลู่นั้นชอบสะใภ้ใหญ่อยู่แล้วจึงไม่เคยว่ากล่าวและอีกอย่างการที่มีลูกสะใภ้ทำงานโรงงานมีเงินเดือนก็เป็นหน้าเป็นตาไม่น้อย แม้แต่เสื้อผ้าลูกสะใภ้เธอก็ให้ลูกสาวคนเล็กเป็นคนซักให้ เดิมทีลูกชายลูกสะใภ้จะย้ายไปเช่าบ้านอยู่ในเมืองเพราะการเดินทางลำบาก แต่เธอไม่อยากให้ลูกชายไปอยู่ไกลบ้านจึงขอร้องให้อยู่บ้านและจะซื้อจักรยานให้จะได้เดินทางสะดวกและไปลงชื่อจองไว้แล้วจะได้ของประมาณเดือนหน้า และเพราะซื้อจักรยานใหม่ให้ลูกชายทำให้เงินกองกลางที่เธอเก็บเกือบหมดส่วนคูปองลูกชายเธอแลกมาได้จากโรงงาน ในวันหยุดเธอก็ไม่ได้ให้สะใภ้ใหญ่ทำอะไรเพราะอยากให้พักผ่อนบำรุงร่างกายจะได้มีหลานชายให้เธอเร็วๆ ยิ่งขึ้น
เช้านี้เสียวม่ายตื่นขึ้นมาเธอเห็นสามีนอนยังไม่ตื่น หลังจากเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวแล้ว เธอจึงไม่รู้ว่าต้องทำอะไรจึงนั่งรออยู่บนที่นอน ดีที่มีห้องน้ำแยกออกมาต่างหากทำให้สะดวกไม่ได้ออกไปใช้ห้องน้ำรวมกับบ้านใหญ่ ห้องของเธอนั้นต่อเติมออกมานอกตัวบ้านทำให้ไม่ค่อยได้ยินเสียงจากด้านนอกเท่าไหร่นัก แต่ก็พอได้ยินเสียงอยู่บ้างเพียงแต่เธอยังจับต้นชนปลายไม่ได้จึงไม่ได้สนใจ
ชางเหยียน ตื่นขึ้นมาเห็นภรรยานั่งมองอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงรีบลุกเก็บที่นอนทันที
" คุณตื่นนานแล้วเหรอครับ"
" เอ่อ ไม่ๆ ค่ะ " เสียวม่าย รู้สึกประหม่ามากจริงๆ นี่เป็นการอยู่กับคนอื่นครั้งแรก แม้จะเป็นสามีก็เถอะ
" ครับ ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนแล้วจะพาออกไปกินข้าว"
" ค่ะ"
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ชางเหยียน พาภรรยาออกมาที่ห้องกินข้าวบ้านใหญ่ ที่ตอนนี้มีพ่อและปู่อวี๋ นั่งอยู่ก่อนแล้วและมีแม่ของเขาที่กำลังจัดโต๊ะอยู่ และกำลังบ่นพรึมพรำอยู่ไม่ขาดปาก
" อ้าว เสียวม่ายมาๆ นั่งตรงนี้เมื่อวานคงเหนื่อยแย่เลย ที่จริงไม่ต้องรีบตื่นหรอกน่าจะนอนต่ออีกหน่อย "
" ขอบคุณค่ะ คุณปู่ หนูชินแล้วค่ะ"
" เจ้าสาม มาช่วยแม่ยกกับข้าวด้วย อะไรกันฉันทำอยู่คนเดียวไม่คิดจะช่วยบ้างหรือไง" เสียงจ้าวลู่เรียกลูกชายออกมาจากในครัว
เสียวม่าย ได้ยินแต่เธอนั่งเงียบเพราะเธอไม่รู้ว่าควรจะเข้าไปช่วยดีไหม ปกติอยู่บ้านเธอก็คอยช่วยป้าเหลียงแต่ป้าเหลียงก็จะคอยบอกเสมอ และอีกอย่างเธอยังไม่รู้ว่าธรรมเนียมบ้านนี้ต้องทำอะไรยังไงบ้างจึงคิดว่าจะค่อยๆ เรียนรู้และรอให้พ่อแม่สามีบอกอีกที เวลาอยู่บ้านกับปู่ของเธอไม่เคยบ่นหรือด่า เวลาบอกสอนก็จะบอกตรงๆ อะไรถูกอะไรผิด ดีหรือไม่ดีก็จะบอกกันตรงๆ เช่นกันเวลาเธออยากจะทำอะไรหรือไม่อยากทำอะไรเธอก็จะบอกกับปู่ของเธอตรงๆ ดังนั้นเธอจึงไม่เคยถูกว่าหรือดุด่าสิ่งไหนที่ปู่ไม่ให้ทำเธอก็ไม่ทำเพียงแค่นี้ เธอจึงคิดว่าแม่สามีก็คงเหมือนกัน คงไม่ได้ว่าเธอแต่อย่างใดอีกอย่างเธอคิดว่าเธอยังไม่ได้ทำอะไรให้ท่านไม่พอใจอย่างแน่นอน
เมื่อจัดเตรียมตั้งโต๊ะอาการเสร็จ ปู่อวี๋ คีบกับข้าวคนแรกคนอื่นก็เริ่มทานกัน ระหว่างกินข้าว เสียมม่ายสังเกตเห็นว่าแม่สามี คอยมองอยู่ตลอดเวลาและอาหารวันนี้แม้จะมีจานเนื้อแต่ก็มีเพียงจานที่อยู่ตรงปู๋อวี๋ และพ่อสามีเท่านั้น ส่วนตรงหน้าเธอมีเพียงผักดอง ผัดผักและน้ำแกงที่เหลือจากงานเลี้ยงเมื่อวาน เธอคีบผัดผักเข้าปากคำแรกก็อยากจะคายออกมาแต่ก็ทำไม่ได้จึงฝืนเคี้ยวแล้วรีบกลืน ก่อนจะยกถ้วยข้าวต้มขึ้นดื่มเร็วๆ เพราะรสชาติที่ไม่มีคบรรยายออกมาได้ ออกปะแล่มๆ เค็มและมันมากเกินไป ส่วนผักดองก็เป็นผักดองเค็มธรรมดามีแค่รสเค็มกับเปรี้ยวนิดๆ ไม่เหมือนผักดองที่ป้าเหลียงทำสักนิดเธอฝืนทานได้ไม่มากเธอก็หยุดและนั่งรอให้คนอื่นทานกันจนเสร็จ.
ชางเหยียน เห็นอาการของภรรยาทุกอย่างเขาเองก็พูดไม่ออกเพราะแม่ของเขาเป็นคนทำอาหาร ปกติก็มีไข่ต้มหรือไม่ก็มีผัดไข่ใส่มะเขือเทศให้ทาน แต่ทำไมวันนี้ถึงมีเท่านี้เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าแม่เขาทำเพื่ออะไร แต่จะให้ถามแม่ตรงๆ ก็คงจะดูไม่ดีจึงได้แต่ส่งสายตาเห็นใจภรรยาตัวน้อยของเขา และคิดว่าเมื่อทุกคนกินเสร็จเขาค่อยหาอะไรให้เธอทานใหม่อีกที
" นี่สะใภ้สาม อาหารบ้านนอกบ้านนาก็เป็นแบบนี้แหละ เธอเองแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ก็ต้องปรับตัวให้ได้ อ้อ แล้วทำงานอะไรเป็นบ้างล่ะที่นี่ทุกคนต้องทำงานแลกแต้มนะ ส่วนเจ้าใหญ่กับสะใภ้ใหญ่เขาก็ทำงานโรงงานในเมืองก้ันทั้งคู่ ถ้าจะรอแต่แต้มสามีเธอคงไม่พอกินหรอกนะ เจ้าสามแกเองก็พาเมียแกไปลงชื่อทำนาในโรงนาด้วยนะ ดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ ไร้ประโยชน์ บ้านนี้นอกจากเสี่ยวเหมย ที่ยังเรียนไม่จบ ทุกคนเขาก็ทำงานกันทั้งนั้นเข้าใจนะ"
" แม่ครับ ม่ายเอ๋อ พึ่งมาอยู่บ้านเราผมว่าให้เธออยู่บ้านช่วยงานบ้านเล็กๆ น้อยก่อนดีไหมครับ อีกอย่างบ้านเราก็เลี้ยงไก่เลี้ยงหมู แล้วให้เธอให้อาหารไก่ กับหมู อยู่บ้านก็ได้นี่ครับ"
" งานพวกนั้นฉันก็ทำอยู่แล้ว จะมาทำหลายคนทำไมเสียเวลา"
" เอาล่ะ สะใภ้ใหญ่ ยังไงหลานสะใภ้ก็พึ่งแต่งเข้ามายังไม่รู้อะไรเลย ให้เธอได้เรียนรู้ก่อนเถอะอย่าพึ่งเร่งรัดนักเลย" ปู่อวี๋ พูดขึ้น ปู่อวี๋แม้จะแก่แล้วแต่แกยังแข็งแรงและหน่วยยังให้แกทำงานเบาๆ อย่างตัดหญ้าให้วัวของหน่วยและช่วยคุมคนที่มาทำงานให้ด้วย ทำให้แกยังได้คะแนนอยู่แม้จะไม่มากเท่าคนอื่นแต่ก็ได้ถึง 8 แต้มต่อวัน บ้านอวี๋ จึงมีคะแนนค่อนข้างเยอะในแต่ละปีจึงได้ส่วนแบ่งค่อนข้างเยอะกว่าคนอื่น.
" ฮึ เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะคุณพ่อ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่ยุ่งแล้วกัน เจ้าสามจะให้เมียทำอะไรก็บอกเองเถอะ แต่ต่อไปออกมาช่วยทำกับข้าวเช้า เย็นด้วย คงจะไม่รอให้ฉันทำให้เธอกินทุกวันหรอกนะ ทำเป็นไหม"
" ค่ะ คุณแม่ฉันทำได้นิดหน่อยค่ะ"
" แล้วทำงานบ้านอะไรได้บ้างล่ะ ซักผ้า ทำความสะอาดบ้าน ให้อาหารไก่ เลี้ยงหมูทำได้ไหม ปลูกผักรดน้ำผักได้ไหม" จ้าวลู่ถามลูกสะใภ้
" งานบ้านพอทำได้ค่ะคุณแม่ แต่ฉันไม่เคยเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่เลยค่ะ ส่วนปลูกผักเคยปลูกที่โรงเรียนสอนค่ะ แต่ที่บ้านปู่ปลูกแค่ผักสวนครัวนิดหน่อยค่ะ"
"ฮึ คุณหนูสินะ ก็ค่อยๆ ทำไปอะไรไม่เป็นเธอก็ต้องเรียนรู้เอาไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางเป็นหรอก" จ้าวลู่ ถอนหายใจแม้จะไม่ถูกใจสะใภ้เท่าไหร่ แต่จะให้พูดรุนแรงเกินไปก็คงไม่ได้ เพราะเธอเป็นหลานรักของพ่อสามียังไง จ้าวลู่ก็ยังเกรงใจพ่อสามีอยู่มากเธอมองดูลูกสะใภ้ที่นั่งก้มหน้าก้มตาฟังที่เธอบอกอยู่อย่างนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวและไม่พูดอะไรอีก
" ม่ายเอ๋อ เดี๋ยวผมจะให้อาหารหมูเอง คุณให้อาหารไก่ก็พอครับ"
" ฮึ"
" พ่ออิ่มแล้วไปทำงานก่อนนะ เจ้าสามเสร็จแล้วเอาห่อข้าวมาด้วย คุณพ่อจะออกไปเลยไหมครับ" พ่ออวี๋ พูดขึ้นเขาไม่อยากพูดเรื่องในบ้านเพราะยกให้ภรรยาดูแลแล้ว หากไม่ใช่เรื่องรุนแรงมากเกินไปเขาก็ปล่อยให้เธอจัดการไป
" อืม วันนี้จะไปดูพวกเด็กๆ ตัดหญ้าด้วยไม่ไปคุมก็ไม่เสร็จกันสักที เสียวม่าย หนูก็อยู่บ้านช่วยแม่สามีเขาทำงานในบ้านไปนะ " ปู่อวี๋ บอกก่อนจะลุกออกไปอีกคน
" ครับ พ่อกับปู่เดินไปก่อนเลยเสร็จแล้วผมจะตามไป " ชางเหยียน เดินกลับไปที่ห้องโดยจูงภรรยามาที่ห้องด้วย แม้จะเห็นแม่มองอย่างไม่พอใจแต่เขาก็อยากคุยภรรยาก่อนออกไปทำงานนอกบ้าน แม้เขาจะพึ่งแต่งงานแต่เพราะตอนนี้เป็นหน้าเร่งเพาะปลูกทำให้ลาหยุดหลายวันไม่ได้ เขาเป็นผู้ช่วยขับรถไถนากับเหล่าต้าโจว ต้องเร่งไถให้เสร็จก่อนที่คนอื่นจะไปลงกล้าดำนากันต่อจึงไม่อยากหยุด
" ม่ายเอ๋อ พวกงานบ้านผมลืมถามว่าคุณพอทำไหวไหม อย่างทำความสะอาดบ้าน ซักเสื้อผ้า ทำอาหาร ถ้าทำอะไรไม่เป็นหรือทำไม่ได้ก็ค่อยๆ เรียนรู้และถามคุณแม่นะครับแต่ไม่ต้องหักโหมหรอก ถ้าไม่ไหวก็รอผมจะกลับมาทำตอนเย็นเองนะครับ และก็เมื่อกี้คุณคงกินข้าวไม่อิ่มใช่ไหม เมื่อวานผมเก็บขนมในงานมาไว้ในตู้นะ คุณกินไปก่อน ขอโทษด้วยนะยังไม่ถึงวันก็ทำคุณลำบากแล้ว"
" ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะค่อยๆ ทำแล้วผักที่จะมาให้หมูต้องไปเก็บที่ไหนคะ"
" อ้อ ส่วนใหญ่เราจะไปเก็บผักที่คลองฝั่งตีนเขาน่ะอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน แต่วันนี้น่าจะมีเศษผักเหลือไว้กลับมาผมจะพาไปดูครับ ไม่ไกลมากนักหรอก"
" ขอบคุณค่ะ แล้วที่นี่มีบ่อน้ำไหมคะฉันต้องไปซักผ้าที่ไหน"
" มีครับอยู่หลังบ้านแต่ถ้าจะซักผ้าใช้น้ำในอ่างตรงหลังบ้านได้ครับ ผมตักไว้ทุกวัน"
" ค่ะ ได้คุณไปทำงานเถอะ เดี๋ยวฉันจะค่อยๆ ทำไม่รู้อะไรก็จะถามคุณแม่เองค่ะ"
" เรียกพี่ชางเหยียน ก็ได้ครับ"
" ค่ะ พี่ชางเหยียน"