2023 เมืองเน่ยเจียง มณฑลเสฉวน ของจีน
สวนส้มขนาดใหญ่ ของตระกูล จาง เป็นสวนขนาดใหญ่กินเนื้อที่เกือบทั้งตำบลจือจง ส้มที่สวนตระกูลจางปลูก มีหลายสายพันธ์ เน้นส่งออกตลาดทั้งฝั่งยุโรป เอเซีย รัสเซีย แต่ในสวนก็ไม่ได้ปลูกเฉพาะส้ม มีผลไม้อย่างอื่นคละกันไปแต่ไม่มากเน้นขายในประเทศ เป็นผลไม้ท้องถิ่นและผลไม้มงคลเป็นส่วนใหญ่ จางห่าว ผู้นำตระกูล มีลูกชาย 2 คนและ ลูกสาว 2 คน โดยผู้ชายคนโต จาง หงซาน ลูกสาวคนที่สอง จาง ซีเว่ย ลูกชายคนที่สาม จาง หนานซี และคนสุดท้าย จาง เสียวม่าย มารดา คือ เฉินซือเหริน
หงซาน เป็นลูกชายคนโต จึงเรียนด้านบริหารเพื่อมาดูแลกิจการของครอบครัว ตระกูล จางมีโรงงานผลิตผลไม้สำเร็จรูป ส่งออกอีก 3 สาขา และลูกแต่ละคนเข้าไปคุมงานแต่ละสาขาเอง จะมีแต่น้องสาวคนเล็ก ที่ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก เธอจะทำงานหรือไม่ก็ไม่ได้ทำให้พี่ๆ เดือดร้อน ส่วนใหญ่เธอจึงจะคลุกอยู่ที่สวน เธอเรียนจบ คณะเกษตรศาสตร์ สาขาพืชสวน เพราะเธอคิดว่าจะมาดูแลสวนผลไม้ เพราะไม่อยากเข้าไปทำงานในบริษัท ที่พี่ๆ ทำอยู่ พ่อแม่ และพี่ๆ ก็ไม่มีใครคัดค้าน ทุกคนล้วนให้เธอคิดตัดสินใจเองมาโดยตลอดตั้งแต่เรียนมัธยมต้นแล้ว ถึงทุกครั้งเธอจะขอคำแนะนำจากครอบครัว แต่ทุกคนก็จะถามความชอบและความสมัครใจของเธอก่อนเป็นหลักเสมอ ถึงเสียวม่าย ไม่ได้ทำงานอะไรเธอก็มีหุ้นในเครือ จางกรุ๊ป ถึง 15 % ดังนั้นเธอจึงเลือกทำอะไรที่ชอบได้อย่างสบายใจ และเสียวม่ายยังได้เรียนสาขาการส่งเสริมและเผยแพร่การเกษตรเพิ่ม อีกสาขา เพื่อพัฒนาการทำเกษตรสมัยใหม่ เพื่อนำมาพัฒนาพืชในสวนให้พัฒนาคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นไปด้วย
เสียวม่าย พึ่งเรียนจบมาได้ปีกว่าเธอเริ่มเข้ามาช่วยพ่อดูแลสวน ด้านการพัฒนาพันธ์ุพืชตั้งแต่เรียนอยู่ปีสุดท้ายแล้ว ทำให้มีผลไม้สายพันธุ์ใหม่ ในสวนเพิ่มขึ้นหลายสายพันธุ์ แต่ก็ยังเป็นช่วงเริ่มต้นยังไม่ได้ผลผลิตอะไรในผลไม้ระยะยาว จะมีเพียงพืชสวนล้มลุกหรือพืชอายุสั้นที่ได้เก็บผลิตมาบ้างแล้ว จำพวกสตอเบอรี่ องุ่น แตงโม เมล่อน แก้วมังกร เป็นต้น แต่ในสวนก็มีผลไม้ยืนต้นสายพันธุ์ดีอยู่มากอยู่แล้วจึงไม่ได้มีผลกระทบกับผลผลิตในแต่ละปี ส่วนใหญ่จะมีแต่เพิ่มมากขึ้น ส่วนผลไม้ที่นำมาแปรรูป จะรับจากสวนทั่วทั้งมณฑล และเมืองใกล้เคียง ที่มีผลิตเยอะมากไม่แพ้กัน ทำงานกิจการเป็นไปด้วยดี แต่จางห่าว ไม่คิดจะเพิ่มหรือขยายสาขาอีกเพราะคิดว่าที่มีอยู่ก็เพียงพอแล้ว และลูกๆ ก็ทำงานกันหนักมากแล้ว
หงซาน นั้นอายุ 30 ปี แต่งงานและมีหลานสาวแล้ว 1 คน อายุ 4 ขวบ สะใภ้ใหญ่ เลี้ยงลูกอยู่บ้านเป็นยแม่บ้านไม่ยุ่งเกี่ยวกับงานนอกบ้าน ซีเว่ย อายุ 27 ปี แต่งงานแล้วแต่ยังไม่มีลูกเพราะทำงานหนัก พี่เขยรองเป็นผู้จัดการที่ทำงานในบริษัทฯ สาขา1 ที่ ซีเว่ย ดูแลอยู่ก่อนแล้ว และเป็นรุ่นพี่ที่ช่วยเป็นสอนงานเป็นพี่เลี้ยงช่วงที่เธอเข้ามาคุมงานใหม่ๆ อีกด้วย จงเหล่ย เป็นลูกชายเพื่อนพ่อจาง จึงสนิทและคุ้นเคยกันมาแต่เด็ก ทั้งสองชอบพอกันมานาน และพึ้งแต่งงานกันมาได้ 3 ปี เท่านั้น หนานซี อายุ 26 เพราะเป็นลูกหัวปีท้ายปี เรียนจบก็เข้ามาคุมงานที่สาขาย่อย เขายังไม่ได้แต่งงาน แต่มีแฟนแล้วเป็นเพื่อนของเสียวม่ายเอง ทั้งสองหมั้นหมายกันแล้วและจะแต่งงานในปลายปีนี้เอง
ส่วนเสียวม่าย อายุ 23 ปี เธอยังไม่มีแฟนเพราะตอนเรียนก็เรียนควบ 2 สาขาทำให้ไม่ค่อยมีเวลามากนัก และต้องทำงานในแล็บ และโรงเพาะชำอยู่แทบตลอดเวลา ทำให้เธอไม่ค่อยได้พบปะหรือเข้าไปสังสรรค์ตามงานเลี้ยงมากนัก อย่างมากสุดก็คงเป็นงานเลี้ยงปีใหม่ของทุกปีที่ แม่ ของเธอบังคับลูกทุกคนต้องมารวมตัวกันไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ต้องกลับบ้านในวันปีใหม่ของทุกปี ส่วนเทศกาลอื่นก็จะไม่เคร่งครัดเท่าไหร่ เสียวม่าย จะได้เข้าไปที่บริษัทบ้างบางครั้งที่ต้องไปธุระกับพวกพี่ๆ แต่น้อยมากหากไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆ เธอก็จะไม่ได้ออกจากเรือนเพาะชำเท่าไหร่ จนทุกคนล้อเลียนเธอว่าเป็นมนุษย์พืชไปแล้ว แต่เธอไม่ได้สนใจเพราะการได้อยู่กับต้นไม้ พืชผัก ทำให้เธอผ่อนคลายมากกว่าอยู่กับคนจริงๆ ถึงอย่างนั้น เสียวม่ายก็มีฝีมือด้านการทำอาหารเป็นอย่างมาก เพราะเธอมีความรู้เกี่ยวกับพืชและสัตว์รวมทั้งคุณสมบัติของพืชแต่ละชนิดว่าจะทำอย่างไรให้ ออกมารสชาติดี และระยะไหนที่ควรนำมาปรุงอาหารและได้รับประโยชน์จากมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสียวม่าย จึงจัดว่ามีพรสวรรค์ในการปรุงอาหารอย่างมากคนหนึ่ง คนในครอบครัวต่างรู้ดีถึงความสามารถของน้องสาวคนเล็กเพราะต่างเคยได้ชิมฝีมือของเธอทุกคน แต่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมากเพราะเธอนั้นไม่ค่อยมีเวลาเหลือมากขนาดนั้น แต่เวลาอยู่คนเดียวเธอจะทำอาหารทานเองไม่นิยมออกไปทานตามร้านเพราะเสียเวลาเรียน และเธอไม่ชอบการปรุงแต่งจากสารเคมีอย่างไม่จำเป็น เธอเป็นคนรักสุขภาพและไม่อยากป่วยโดยไม่จำเป็น
เสียวม่าย ต้องการเดินทางไปที่เจียงซู นครเซี่ยงไฮ้ เพราะเธอต้องการไปหาส้มสายพันธุ์ดั้งเดิมที่นั่นมาปรับสายพันธุ์ใหม่ เพื่อขยายสายพันธุ์ให้มากขึ้นและต้องการไปดูภูมิอากาศของที่นั่นด้วย ว่าจะมาปรับให้ปลูกที่สวนของเธอได้หรือไม่ การไปครั้งนี้ไม่ใช่หาเพียงพืชตระกูลส้มอย่างเดียวแต่เธอต้องการหาผลไม้อายุสั้นมาปลูกแซมในสวนด้วย เพื่อให้มีผลไม้หลากหลายในแต่ละฤดูกาลจำเป็นต้องไปศึกษาทั้งดิน อากาศที่พืชเหล่านั้นเจริญเติบโต ก่อนจะมาพัฒนาสายพันธุ์ให้หลากหลาย อาจจะมีการตัดต่อสายพันธุ์ใหม่ๆ ขึ้นมาได้ด้วย การไปครั้งนี้ต้องไปหลายที่อาจจะใช้เวลานาน อีกอย่างเธอยังไม่เคยไปที่ดังกล่าวคงต้องหาผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ช่วยนำทาง เธอได้บอกกับพ่อแม่และพี่ๆ ไว้แล้ว กำหนดการเดินทางคืออีก 3 วันข้างหน้า เธอได้เตรียมของที่ต้องใช้ไว้บางส่วนแล้ว ส่วนของใช้ส่วนตัวเธอคิดว่าคงไม่มีอะไรมาก เพราะที่นั่นก็ไม่ได้ล้าหลังหรือกันดารมากนักคงจะมีสาธารณูปโภคบริการอยู่บ้าง อีกทั้งเธอเป็นคนเรียบง่ายไม่ได้ติดหรูหรา เรื่องกินอยู่เธอจึงไม่ได้เรื่องมากอะไร เพียงแต่ขอให้สะอาดเธอก็อยู่ได้แล้ว
แม้ จางห่าวและภรรยา จะไม่อยากให้ลูกสาวคนเล็กไปนัก แต่ก็ไม่ได้คัดค้านเพราะเรื่องนี้เป็นความต้องการและความสุขของเธอ พวกเขาเป็นพ่อแม่ก็ได้แต่ยอมรับการตัดสินใจของลูก อีกอย่างเธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วพวกเขาจะเข้าไปจัดการทุกอย่างให้หรือบังคับก็คงไม่ได้ แต่การไปครั้งนี้ของลูกสาวจะทำให้พวกท่านกังวลมากเพียงใดก็ตาม
' ลูกสาวคนนี้ของพวกเจ้า เธอมีเวลาอยู่กับพวกเจ้าเพียงชั่วเวลาหนึ่งเพราะเธอมีที่ๆ ต้องกลับไปเมื่อถึงเวลาโชคชะตาของเธอจะพาเธอกลับไปอยู่ในที่ของเธอ พวกเจ้าไม่ต้องกังวลหรอกนะ เลี้ยงดูเธอให้ดีและทำทุกวันให้มีแต่ความสุขเธอเป็นคนว่านอนสอนง่าย พวกเจ้าจะไม่ลำบากในการหาเลี้ยงดูเธอ ตระกูลจางจะเจริญก้าวหน้า หากแต่เมื่อถึงเวลาของเธอ เธอก็ต้องจากไปตามชะตากรรมของเธอ ถึงวันนั้นพวกเจ้าก็ต้องทำใจยอมรับ โชคชะตานี้ไม่มีทางแก้ได้ทำได้เพียงยอมรับเท่านั้น ฝืนไม่ได้หรอกนะ อ้อและนี่แหวนวงนี้ฝากไว้ให้เธอหากเธอมีอายุครบ 23 ปีแล้ว มอบมันให้เธอนะ จำไว้นะทำให้เธอมีความสุข อย่าเหนี่ยวรั้งเธอ ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว'
จางห่าวและภรรยา ยังจำคำของนักพรต ท่านหนึ่งที่บังเอิญพบเจอที่วัดพระใหญ่บนเขา ถูซาน ที่พวกเขาแวะสักการะพระศักดิ์สิทธิ์ ระหว่างทางกลับจากไปไหว้หลุมศพ บรรพบุรุษตระกูล จาง ที่ชานเมือง และขณะที่เขาและภรรยา ออกมาจากวิหารก็เจอกับนักพรตดังกล่าว ส่วนลูกๆ ของเขาในตอนนั้น แยกย้ายกันไปเดินเล่นและนัดแนะกันให้ไปเจอที่รถ จึงมีแค่เขากับภรรยา และลูกสาวคนเล็กที่ตอนนั้นอายุเพียง 5 ขวบที่ได้ฟัง แต่เพราะลูกสาวยังเล็กคงฟังไม่เข้าใจ และเขากับภรรยาก็ไม่ได้บอกกล่าวกับใครอีกรวมทั้งลูกๆ ทั้งสามคนด้วย เพราะไม่อยากให้ทุกคนเป็นกังวลและอาจทำให้ลูกสาวคนเล็กเขาเติบโตมาอย่างกังวลใจ ดังนั้นเขากับภรรยาจึงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับมาจนถึงตอนนี้ แม้จะกังวลใจและยังมีความหวังว่า เหตุการณ์อาจจะไม่เป็นไปตามคำทำนายของ นักพรตท่านนั้นเพราะพอท่านกล่าวกับพวกเขาเสร็จก็เดินหายไปอย่างไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย แต่ แหวน ที่อยู่กับพวกเขาตอนนี้ก็เป็นสิ่งยืนยันว่า พวกเขาได้พบเจอกับท่านจริงๆ และนี่คงถึงเวลาต้องมอบมันให้ลูกสาวแล้วสินะ
ซือเหริน แม้จะทำใจเรื่องลูกสาวมานานนับสิบกว่าปี และบางครั้งก็หลงลืมไปแต่เมื่อถึงเวลานี้เธอก็ยังทำใจยอมรับได้ยากนัก คนเป็นแม่ การที่รู้ว่าลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ จะถูกพลากไปจะให้ทำใจได้ง่ายๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้เธอจึงได้แต่คิดว่า อย่างน้อยลูกก็อยู่กับเธอนานพอสมควร และลูกก็ไม่ได้ตายไปเสียทีเดียว ลูกเพียงกลับไปอยู่ในที่ของเธอ จึงได้แต่ภาวนาขอให้ลูกของเธอมีความสุข เธอเชื่อว่าลูกสาวเธอไม่ว่าจะไปอยู่ไหนก็จะมีความสุข เพราะลูกสาวเธอเป็นคนดี
วันนี้ทุกคนมาทานข้าวด้วยกันขาดเพียงพี่เขย เพราะไปต่างประเทศ เสียวม่ายทำอาหารให้ทุกคนได้ทานกัน เมื่อทานเสร็จกย้ายมาที่ห้องนั่งเล่นเพื่อพูดคุยกันเหมือนที่เคยทำ
" เสียวม่าย ป๊ารู้ว่าลูกโตแล้วมีความรับผิดชอบตนเองแล้ว แต่ถึงยังไงก็อดห่วงไม่ได้ ยังไงก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีถ้ามีปัญหาอะไร ก็ให้มีสติแก้ไขปัญหา ความรู้ที่ลูกมีใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งเรื่องงานและเรื่องใช้ชีวิต นะลูก"
" ค่ะ ป๊า หนูรู้ค่ะ"
" น้องเล็ก น้องจะไม่พาใครไปด้วยเหรอ มีอะไรจะได้มีคนช่วย หรือจะให้พี่หาคนเก่งๆ ให้เอาไหม" พี่ใหญ่
" พี่ใหญ่ หนูไปหาพันธุ์พืช นะคะไม่ได้ไปตีกับใครสักหน่อย ถึงเอาคนของเราไปก็ไม่ชำนาญเท่าคนพื้นที่หรอกค่ะ หนูประสานงานไว้บางส่วนแล้ว เป็นรุ่นพี่ในมหาลัยเขาเตรียมผู้ช่วยไว้ให้แล้วค่ะ ไม่ต้องห่วง"
" ม่ายเอ๋อ ข้าวของเครื่องใช้ก็เอาไปให้มากหน่อยนะ เดี๋ยวแม่ให้แม่บ้านจัดให้ลูกต้องเอาไปห้ามปฏิเสธ ไม่อย่างนั้นแม่โกรธจริงๆ ด้วย เดี๋ยวแม่ไปช่วยจัดของด้วย"
" น้อมรับเจ้าค่ะ คุณนายจาง ใครจะกล้าคัดค้านกันคะ"
" เจียเจี่ย ก็ขอให้น้องเล็ก หาพันธุ์ที่ต้องการได้เร็วๆ แล้วรีบกลับบ้านนะ ดูแลตัวเองให้ดี มีอะไรก็รีบโทรมาบอกพี่จะบินไปหาทันทีรู้ไหม"
" ใช่ หากเกิดอะไรขึ้น ต้องรีบโทรมาและที่สำคัญห้ามปิดเครื่องรู้ไหม " พี่สาม
" รับทราบค้าาา"
เสียวม่าย รับคำทุกคนเพราะไม่อยากให้เป็นห่วงเธอรู้ว่าทุกคนเป็นห่วงเธอมาก แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอไปหาพันธุ์ไม้แต่ครั้งนี้ เธอไปไกล และเดินทางคนเดียวครั้งแรก ในส่วนลึกเธอเองก็รู้สึกใจหายกว่าทุกครั้งที่เดินทาง เหมือนการจากไปครั้งนี้เธอจะไม่ได้กลับมาเจอพวกเขาอีก อยากจะล้มเลิกแต่พอคิดว่าจะไม่ได้ไปเธอก็ร้อนรนในใจมากเกินไป จนไม่สามารถล้มเลิกงานนี้ได้จริงๆ