ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของคะนึงนิจเจื่อนลงทันทีที่เห็นญาณิญที่กำลังกอดอกรออยู่เบื้องหน้า
"ถามว่า ทำไมถึงกลับมาป่านนี้" ย้ำถามอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนและก้าวเดินเข้าหาคะนึงนิจช้าๆ
"ฉ ฉัน มันก็เรื่องของฉัน ฉันจะไปไหนมาไหนไม่จำเป็นต้องรายงานใคร"
"โอ้ย! ปล่อย ฉันเจ็บ" คะนึงนิจร้องออกมาเพราะถูกกระชากแขน
"ก็ทำให้เจ็บไง! "
"ฉันเจ็บ ปล่อยฉัน"
ไม่ใช่แค่ถูกกระชากแขน แต่คะนึงนิจยังถูกลากตัวไปกลางบ้าน พร้อมกับเหวี่ยงร่างเล็กๆ ทิ้งลงบนโซฟา
"ผัวอยู่โรงพยาบาลเพราะถูกทำร้าย ไม่คิดจะไปดูดำดูดีเลยรึไง" ตะคอกใส่คะนึงนิจเสียงดัง จนคนร่างเล็กต้องถอยหนีจนแผ่นหลังชิดติดโซฟา
"คุณก็มีคนดูแลอยู่แล้วไม่ใช่รึไง จะต้องการฉันทำไม"
ได้ยินแบบนั้นแล้วญาณิญยิ่งไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ขยับร่างไปใกล้คะนึงนิจกว่าเก่า
"เป็นเมียก็ต้องดูแลผัว แค่นี้คิดไม่ได้รึไง! "
"ก็ถ้าคุณทำหน้าที่สามีเหมือนกับคนอื่น ฉันก็คงทำหน้าที่ภรรยา" แม้จะกลัวญาณิญแต่ก็ไม่ยอมง่ายๆ ที่จะถูกต่อว่าเพียงคนเดียว
"คุณก็เลยไปเอากับเด็กส่งอาหารน่ะเหรอ! ใฝ่ต่ำไม่เลิก"
คะนึงนิจหน้าตาตื่นแบบไม่ปิดบัง แม้จะรู้ว่าไม่อาจปิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับพารินได้แต่ก็ไม่คิดว่าญาณิญจะรู้ไวขนาดนี้
"คิดว่าทำอะไรไว้แล้วฉันจะไม่รู้รึไง คิดว่าฉันโง่ใช่มั้ย"
"ใช่! ฉันคิดว่าคุณโง่ ฉันคบกับเด็กส่งอาหารมาหลายเดือนแล้ว รู้สึกยังไงล่ะที่ฉันไปได้กับคนต่ำๆ แบบที่คุณคิด เจ็บมั้ยล่ะ! "
"หึ.. คิดจะแก้แค้นใช่มั้ย" บอกพร้อมยิ้มเยาะให้คะนึงนิจ นั่นยิ่งทำให้หล่อนกลัวกับท่าทางแบบนั้น รอยยิ้มร้ายๆ แบบนั้น
"มีปัญญาทำได้แค่นี้ใช่มั้ย ทำไมไม่เลือกพวกวินมอไซค์ คนสวน หรือพวกคนงานซะด้วยเลยล่ะ ปกติก็ใฝ่ต่ำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ หรือจะเอาคนขับรถ"
'เพี้ยะ' คะนึงนิจเหวี่ยงมือไปที่หน้าขาวๆ ของญาณิญอย่างเหลืออด ทีแรกตั้งใจจะกระตุ้นอารมณ์โมโหของญาณิญ แต่ดันโดนดูถูกเสียไม่มีชิ้นดี
"ฉันเกลียดคุณ! "
"แต่ฉันรักคุณ และอย่าคิดว่าทำตัวแบบนี้แล้วฉันจะยอมปล่อยคุณไปง่ายๆ "
"งั้นฉันขอยอมตาย" พูดก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ามีดปอกผลไม้ใกล้ๆ มาถือไว้ และหันปลายมีดมาทางตัวเอง
"เห้ย! " ญาณิญตกใจที่เห็นคะนึงนิจข่มขู่จะทำร้ายตนเองแบบนั้นจึงร้องออกมา
"ฉันยอมตายถ้าจะต้องอยู่กับคุณตลอดไป" ยิ่งพูดก็ยิ่งจ่อมีดใกล้คอตัวเองมากขึ้นราวกับขาดสติ ส่วนอีกคนที่ยังตกใจกับท่าทางของคะนึงนิจแต่ก็พยายามครองสติตนเอง ปล่อยให้คะนึงนิจได้พ่นคำต่อว่าเธอจนพอใจ
และ
"อยากตายมากนักใช่มั้ย! " ญาณิญเค่นคำพูดออกมาผ่านลำคอ เธอเองก็เริ่มจะไม่ไหวแล้วเหมือนกันทั้งโมโหและกลัวว่าคะนึงนิจจะทำจริง ยื่นมือไปแย่งมีดจากมือคนตรงหน้ามาถือไว้ในท่าทางแสนหวาดเสียว พร้อมกับกำต้นคอของคะนึงนิจไว้แน่นเพื่อไม่ให้ขยับหนี และยื่นปลายมีดกลับจ่อที่คอหล่อนเหมือนเช่นเดิม
"ฉันจะเชือดคอคุณก่อน ต่อด้วยลูก และก็ต่อด้วยฉันดีมั้ย จะได้ตายตามกันไปแบบที่คุณต้องการ"
คะนึงนิจตาเบิกโพลงทันที พร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นจนคลอเบ้า เธอไม่ได้ห่วงใยตัวเองมากเท่ากับลูกสาวตัวน้อยของตนเอง และไม่แน่ใจว่าญาณิญจะทำจริงเหมือนที่พูดมั้ย
"ย อย่า อย่าทำแบบนั้น อย่าทำลูกฉัน"
"คุณก็หยุดสร้างปัญหา เลิกขัดใจฉัน และก็ไปเลิกกับอีเด็กนั่นซะ ไม่งั้นทั้งคุณและมันเดือดร้อนแน่! " ญาณิญเลือกใช้วิธีข่มขู่ ก่อนจะผละออกมาทิ้งมีดปลายแหลมลงถังขยะ
ขณะที่คะนึงนิจกำลังนั่งตัวสั่นกลัว ญาณิญก็ถือโอกาสเบียดตัวเข้าใกล้ ยื่นมือไปลูบศีรษะคะนึงนิจอย่างเบามือ
"ฉันเลว คุณก็เลว เราเกิดมาคู่กัน ยังไงก็หนีกันไม่พ้น" ก้มลงกระซิบบอกก่อนจะจรดริมฝีปากลงที่ข้างแก้มคะนึงนิจที่กำลังตัวแข็งทื่อ
เมื่อญาณิญเห็นแบบนั้นก็ยิ่งได้ใจ ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อคะนึงนิจออกจนหมด ดึงรั้งชุดชั้นในของคนตรงหน้าให้เลื่อนลงเพื่อจะได้เห็นผิวเนียนละเอียดของทรวงอกทั้งสองข้าง ก่อนจะใช้มือของตนเองบีบเคล้นแบบไม่ปรานี ส่วนอีกข้างก็ก้มลงดูดชิมยอดปทุมถันจนเสียงดังไร้ความอาย
"อุ้ย! " เสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา และเมื่อญาณิญหันไปหาก็พบว่านั่นคือแม่บ้านที่กำลังยืนตกใจที่ได้เห็นภาพบาดตา
"จะยืนดูก็ได้นะ! " ญาณิญพูดออกไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด โดยไม่สนใจสภาพคะนึงนิจที่ตอนนี้อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้แต่ดึงรั้งชายเสื้อมาปิดบังร่างกายตนเองที่มันล่อแหลม
"ข ขอโทษค่ะคุณใหญ่ คุณนิด" แม่บ้านรีบบอกขอโทษขอโพยและรีบออกห่างไปทันที
'เพี้ยะ' คะนึงนิจเหวี่ยงมือไปที่ใบหน้าญาณิญอีกครั้งเพราะความอาย
"ทำไมต้องดูถูกฉันต่อหน้าคนอื่นด้วย"
"งั้นก็ขึ้นห้อง" พูดแล้วก็ดึงร่างของคะนึงนิจให้ลุกขึ้นและลากขึ้นห้องแบบไม่ใยดี ราวกับเป็นสิ่งของหรือผักปลา
จิรดาตื่นขึ้นมายามเช้า วันนี้เธอไม่มีสอน จึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ รวมถึงไม่ต้องปลุกสาวน้อยบนเตียงให้ตื่นจากการหลับไหล
ถึงแม้จะอยู่ที่ห้องพักของตนเอง แต่จิรดาเลือกที่จะใส่กางเกงขายาวรวมถึงรองเท้าที่ใช้สวมใส่ภายในบ้านอย่างรัดกุม เพราะดันมีคนร่วมห้องด้วย เธอจึงต้องปกปิดและปิดบังปมด้อยของตนเอง
"ตื่นนานแล้วเหรอคะ แต่ตื่นแล้วก็น่าจะปลุกรันบ้าง" ดารันเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังจิรดา
"เพิ่งตื่นเหมือนกันน่ะ วันนี้ไม่ต้องไปมหาลัยฯ พี่ก็เลยไม่อยากปลุก"
"แล้ว.." ส่งเสียงออกมาก่อนจะขยับเดินเข้าไปใกล้แล้วโอบกอดเอวจิรดาไว้จากทางด้านหลัง
"วันนี้เราจะไปไหนกันคะ"
"พี่ว่า.." พูดพร้อมหันมาหาคนด้านหลัง
"พี่ตั้งใจจะนอนดูหนังน่ะ หรือว่ารันอยากจะไปไหน พี่พาไปได้นะ"
"ไม่ค่ะไม่ รันไม่อยากไปไหน รันแค่อยากอยู่กันพี่"
"งั้น.. น้องรันต้องไปอาบน้ำก่อนนะ" จิรดาพูดหยอกล้อกับดารัน แต่ดูเหมือนสาวน้อยจะไม่ยอมง่ายๆ เอาแต่กอดจิรดาแน่น พร้อมมองเธอตาแป๋ว
"ยังไงคะ ทำไมมองหน้าพี่แบบนั้น"
"เราเป็นอะไรกันคะ" ดารันตัดสินใจถามออกมากับความสัมพันธ์ที่ทั้งคู่กำลังเป็น
"เรากำลังคบกันใช่มั้ยคะ"
จิรดาจำต้องหันมาเผชิญหน้ากับดารัน
"พี่ยังไม่อยากคุยเรื่องนี้ ตอนนี้"
"งั้นรันจะไม่มาที่นี่ และไม่กวนพี่อีกต่อไปค่ะ"
"ไม่นะ อย่าทำแบบนั้นกับพี่" เพียงแค่ได้ยินประโยคที่ดารันจะทิ้งเธอไป จิรดาก็ไม่อาจยอมได้
"งั้นเรา.. มีอะไรกันได้มั้ยคะ รันอยากจะรักพี่ ให้รันได้มั้ยคะ"
"รัน! รู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกมา"
"รู้ค่ะ และก็รู้มาตลอดว่าพี่เอาแต่ปฏิเสธรัน ทำไมคะ รันน่ารังเกียจเหรอคะ หรือที่ผ่านมา พี่ไม่ได้คิดอะไรกับรันเลย"
"ไม่ใช่แบบนั้น แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่รันจะเรียกร้องเรื่องนั้น"
"เราสองคนโตแล้วนะคะ ทำไมถึงบอกว่ายังไม่ถึงเวลา"
"เพราะตอนนี้รันยังเรียนอยู่ไงล่ะ ถ้าเรามีอะไรกันตอนนี้ เราจะผิดกันทั้งคู่ ในฐานะที่พี่เป็นอาจารย์จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกศิษย์ไม่ได้"
"อาจารย์ก็แค่อ้าง" ดารันจงใจเรียกแทนจิรดาเพราะไม่พอใจกับคำตอบของคนตรงหน้า
"ไม่ใช่แบบนั้น ทำไมแค่นี้ถึงไม่เข้าใจ"
ในเมื่อคำตอบยังคงเดิม ดารันจึงไม่คิดจะฟังคำอธิบายใดๆ สาวน้อยเดินกลับเข้าห้องนอน เพื่อเก็บกระเป๋าด้วยความน้อยใจ
"เดี๋ยวสิรัน ทำไมไม่เข้าใจพี่บ้าง" จิรดายืนอยู่ด้านหลังของสาวน้อยที่กำลังทำตัวยุ่งกับข้าวของของตนเอง
"งั้นก็เชิญอาจารย์อยู่กับความเข้าใจของตัวเองไปเถอะค่ะ เพราะรันอยากมีตัวตน ไม่ใช่หลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้" หันมาบอกก่อนจะเดินห่างออกไปพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า
"ก็ได้! ถ้ารันอยากได้ พี่ก็จะให้ แต่ แต่ อย่าทิ้งพี่ไป"
กระเป๋าในมือดารันร่วงลงพื้นทันทีอย่างจงใจ พร้อมกับหันมาหาจิรดาและเดินเข้าไปหยุดอยู่เบื้องหน้า
"แน่ใจใช่มั้ยคะ"
จิรดาไม่ตอบ เธอยกมือขึ้นมาจับใบหน้าดารันและโน้มตัวเข้าไปใกล้ และบดจูบสาวน้อยแทน เพื่อจะรั้งดารันไม่ให้ไปจากเธอ
แต่ดารันไม่ได้ต้องการแค่จูบ หลังจากผละออกจากกัน แผ่นหลังของจิรดาก็สัมผัสที่เตียงนุ่ม ตามด้วยดารันที่คร่อมเธออยู่
เสื้อตัวบางของจิรดาถูกถอดออกด้วยความเบามือ
"ด เดี๋ยว พี่มีเรื่องต้องบอก"
ดารันกำลังใช้มือลูบสัมผัสไปทั่วเรือนร่างท่อนบนของจิรดาจนมาหยุดคลอเคลียที่หน้าอกของจิรดาอย่างเบามือ
"เดี๋ยวค่อยบอกก็ได้ค่ะ ตอนนี้รันไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น" ตอนนี้ดารันอยากจะโฟกัสที่เรื่องตรงหน้ามากกว่าเรื่องที่จิรดาอยากจะพูด
แถมมืออีกข้างก็กำลังเลื่อนไปปลดเชือกที่กางเกงตัวยาวของจิรดา
"ฟังพี่ก่อน"
กางเกงของจิรดาถูกรูดลงไปถึงข้อเท้าด้วยความไว
"ฮึ้ย!" แต่ก็ต้องส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ เพราะขาข้างซ้ายที่ต่ำกว่าหัวเข่า ดันไม่ได้นิ่มนวลเหมือนขาอีกข้าง
ดารันถอยห่างออกมาทันที
"นี่แหละ สิ่งที่พี่จะบอก"
"ทำไมคะ เกิดอะไรขึ้น ทำไม.." ตอนนี้ในหัวของดารันคิดฟุ้งซ่านไปหมดจึงมีแต่คำถาม
"พี่ พี่ไม่ใช่คนปกติ ถ้ารันจะกลัวหรือผิดหวังก็ไม่ผิด พี่เป็นคนปิดบังเรื่องนี้เอง"
"รัน รัน ขอเวลาหน่อยนะคะ" พูดออกมาอย่างติดขัด พร้อมกับก้าวลงจากเตียง และคว้ากระเป๋าตัวเองมากอดไว้
"ไว้เราค่อยเจอกันนะคะ"
ดารันเดินหนีห่างออกจากห้องไป ทิ้งให้จิรดาเคว้งคว้างอยู่คนเดียวบนเตียง
จิรดากำลังจะสูญเสียคนๆ เดียว ที่อยู่ข้างกายเธอมาตลอดสามปี ด้วยเพราะความพิการของตนเอง มันเท่ากับว่าตอนนี้เธอไม่เหลือใครเลย
คะนึงนิจนอนกอดผ้าห่มแน่น ไม่กล้าขยับตัว ทั้งเจ็บใจและรังเกียจคนร่วมเตียงจนต้องหันหลังให้
ต่างจากญาณิญที่พยายามเบียดตัวเข้ามาใกล้
"ร้องไห้ทำไม"
ทันทีที่ได้ยิน คะนึงนิจก็กำมือแน่นกว่าเดิมด้วยความโกรธ โกรธที่ไม่อาจขัดขืนหรือสู้แรงของญาณิญได้ จึงถูกข่มเหงน้ำใจตลอด
"เสียใจเหรอที่นอนกับฉัน" แถมคำพูดเย้ยหยันแบบนั้นอีก
คะนึงนิจได้แต่ปาดน้ำตาลกๆ ไม่อยากให้ญาณิญได้ใจ เพราะยิ่งอยู่ใกล้ก็รู้สึกรังเกียจ
ญาณิญจงใจจูบซับความหอมที่หัวไหล่มนๆ ของคะนึงนิจ พร้อมกับมือที่เคลื่อนมือตัวเองเข้าไปใต้ผ้าห่ม เพื่อตั้งใจลูบไล้เรือนร่างเปลือยเปล่า
"อื้อ.. หยุดได้แล้ว" คะนึงนิจทำได้เพียงส่งเสียงห้ามปราม ไม่มีเรี่ยวแรงจะหยุดคนด้านหลัง เพราะเนื้อตัวร้าวระบมไปหมดจากการที่ถูกญาณิญข่มเหง
คะนึงนิจถูกดึงรั้งให้หันมาเผชิญหน้ากัน และถูกจูบไซร้ซอกคอและขบเม้มอย่างไร้ความปรานีโดยไม่กลัวว่าคนใต้ร่างจะได้รับความเจ็บ
"ฉันเจ็บ.. ฉันเจ็บจริงๆ หยุดทำแบบนี้สักทีได้มั้ย" น้ำเสียงที่เปล่งออกไปราวกับตัดพ้อ ญาณิณจึงผละออกมา
"ฉันรักคุณนะ คุณนิด"
คะนึงนิจยังคงไม่เปลี่ยนความคิด รวบรวมกำลังตนเองเปล่งเสียงออกไป
"แต่ฉันเกลียดคนอย่างคุณ"
ญาณิญก็ได้แต่เงียบ รู้ดีว่าสิ่งที่ตนทำต่อคะนึงนิจไม่อาจให้อภัยได้ แต่เพราะรัก จึงยอมเป็นคนแก่ตัว และทำร้ายหล่อนแบบป่าเถื่อน
บีบบังคับคะนึงนิจทุกทางรวมถึงตอนนี้ ญาณิญรู้ดีว่าการเอาชื่อลูกมาอ้าง จะทำให้คะนึงนิจยอมได้ทุกอย่าง
คะนึงนิจลุกออกจากที่นอน ด้วยความเจ็บแปลบไปทั่งร่างกาย เธอจงใจเข้าห้องน้ำเพื่อชะล้างร่างกายตัวเองจากการถูกคนที่เกลียดข่มเหงน้ำใจ
หลังจากที่รู้ว่าญาณิญแอบไปมีสัมพันธ์กับใครหลายๆ คน หลังจากแต่งงานแล้ว คะนึงนิจก็เปลี่ยนไปจากที่เคยเปิดใจให้ญาณิญก็กลับมาตั้งป้อมใส่หล่อนอีกครั้ง ละทิ้งทุกอย่างที่เคยทำ แถมตอนนี้ที่แอบไปมีสัมพันธ์กับพาริน
"จะทำอะไรลูกฉัน!" คะนึงนิจส่งเสียงต่อว่าญาณิญที่ยืนหันหลังให้ภายในห้องลูกสาว เธอรีบตรงไปแย่งเด็กลูกตัวน้อยจากมือญาณิญทันที
"อย่ามาแตะต้องลูกฉันนะ" พร้อมกับบอกออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
"คุณคิดว่าฉันจะทำอะไรลูกเราจริงๆ เหรอ"
"คุณมันเป็นตัวอันตราย ฉันจะเอาลูกไปฝากคุณแม่ แล้วอย่ามาแตะต้องลูกฉันอีก"
"นั่นก็ลูกฉันเหมือนกันนะ คุณคิดว่าฉันจะทำจริงๆ น่ะเหรอ ที่ฉันพูดแบบนั้นออกไปก็เพื่อขู่"
"เลว! กล้าพูดมาได้ยังไงว่านี่เป็นลูกคุณ ในเมื่อคุณคิดจะฆ่าเราทุกคน" เธอไม่อาจไว้ใจญาณิญได้ แม้จะบอกว่าแค่ขู่ก็ตาม
"ก็ได้ ก็แล้วแต่คุณจะคิด" ญาณิญไม่อาจจะบังคับให้คะนึงนิจเชื่อในสิ่งที่ตนเองคิด
แต่ก่อนจะเดินห่างออกไป
"ถ้าคุณกลัวคำขู่ของฉัน ก็จงไปเลิกกับอีเด็กนั่นด้วย เพราะไม่งั้นล่ะก็มัน ฉันจะฆ่ามัน"
พาริน มาเวียนวนอยู่บริเวณโรงแรมของคะนึงนิจอยู่หลายวัน เพื่อจะพบคะนึงนิจ แต่หล่อนดันหายไป รับรู้จากเลขาคนสนิทว่าหล่อนไม่สบาย พารินเดินคอตกกลับมาที่มอเตอร์ไซค์ของตนเอง ทั้งเป็นห่วงและคิดถึงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะตนเองเป็นแค่คนธรรมดา
นั่งซึมอยู่บนเบาะมอเตอร์ไซค์ไม่นาน ก็เห็นว่ารถหรูของคะนึงนิจกำลังเคลื่อนเข้ามารอดด้านหน้าโรงแรม พารินลุกขึ้นยืน พร้อมชะเง้อมองคะนึงนิจอย่างมีความหวัง
แต่เมื่อเห็นร่างของคะนึงนิจที่มาพร้อมกับผู้หญิงอีกคน ทั้งคู่เดินจับมือกันเข้าโรงแรม พารินจึงเปลี่ยนเป็นคอตกทันที เพราะรู้สึกอิจฉาผู้หญิงมาดดีคนนั้นที่ได้ใกล้ชิดกับคะนึงนิจ
มันจึงทำให้พารินไม่มีสมาธิในการทำงาน เอาแต่นั่งเฝ้าอยู่ที่เดิม
และคงเพราะความสนิทสนมของพารินและพนักงานภายในโรงแรม เรื่องนี้จึงถึงหูคะนึงนิจ และพารินจึงถูกเชิญให้ขึ้นไปบนห้องพัก ห้องที่ทั้งคู่เคยมีสัมพันธ์ลับๆ กันเมื่อคราวก่อน
นั่งรออยู่นาน คะนึงนิจก็เปิดประตูเข้ามา แต่รอบนี้ สีหน้าของคะนึงนิจเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม ราวกับคนอมทุกข์ พารินรู้สึกได้
"พี่สาวไม่สบาย เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ แล้วไปหาหมอหรือยัง" พารินรุดไปใกล้ทันที พร้อมจับเนื้อตัวคะนึงนิจด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ พี่หายดีแล้ว" น้ำเสียงห้วนๆ ของคะนึงนิจทำให้พารอนต้องชะงักมือ และผละออกเพียงนิด
"เรา.. หยุดเจอกันเถอะนะ"
"อ อะไรนะคะ เมื่อกี้กี่สาวบอกว่าให้เราหยุด.."
"ใช่"
"เรื่องครั้งก่อน เป็นเพราะพี่หวั่นไหวเอง พี่อ่อนแอและต้องการใครสักคน แต่ตอนนี้ พี่มีสติมากพอ และเราทั้งคู่ควรจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้น"
"ได้ค่ะ"
"แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีกนะ" รอบนี้คะนึงนิจบอกเสียงแข็ง
"ค่ะ"
"ดีแล้ว เข้าใจแบบนี้ก็ดีแล้ว" ตัดบทออกไปแบบนั้นก็เดินออกจากห้องไป
คะนึงนิจต้องทำใจแข็ง และผลักไสพารินแบบที่นุ่มนวลที่สุด จึงต้องโป้ปดออกไปแบบนั้น เพื่อให้พารินตัดใจจากเธอ และเพื่อไม่ให้พารินเป็รอันตราย
พารินขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจของตนเองไปทั่วแบบไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย หวังว่าการทำงานจะช่วยทำให้เธอไม่เสียใจกับการถูกปฏิเสธ ก่อนจะกลับเข้าบ้านในเวลากลางคืน
เธอเปิดประตูเข้าไปในบ้านหลังเล็กๆ ของตนเอง เดินเข้าไปหาคนสูงอายุที่นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้โยกตัวเก่า
"ยาย.. ตื่นเถอะ เข้าไปนอนในห้องดีๆ" พารินสะกิดเรียกเบาๆ ไม่อยากให้ตกใจเพราะเสียงปลุกของตนเอง
"ยายเพิ่งจะหลับไปน่ะ" เสียงเล็กๆ ออกจากปากดารันที่เพิ่งจะออกจากห้องตัวเอง และเดินมาทางคนทั้งคู่
"พี่รินไปอาบน้ำนอนเถอะ เดี๋ยวรันปลุกยายเอง"
"แล้วเราล่ะ เป็นยังไงบ้าง" พารินไม่ได้ทำตามที่น้องสาวบอก แต่ดันนั่งลงตรงพื้น แถมยังตัพื้นเรียกดารันให้มานั่งข้าง
"ก็เรื่อยๆ แหละ" บอกก่อนจะนั่งข้างพี่สาว
"เห้อ.."
"เป็นอะไรเนี่ยพี่ริน นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้ง ที่รันได้ยินเสียงพี่ถอนหายใจ"
"เหนื่อยอะ"
"ก็บอกแล้วไงว่าอย่าหักโหม และก็ให้รันทำงานพาร์ทไทม์เถอะ รันอยากแบ่งเบาภาระพี่จริงๆ นะ"
"พี่ไม่ได้เหนื่อยเพราะงานหรอก"
"เอ๊ะ! ถ้างั้น อย่าบอกนะว่า.. มีความรักเหรอ"
"เบาๆ สิ เดี๋ยวยายได้ยิน" ได้ทีดุน้องสาว
"เล่ามาๆ ว่าใคร ตื่นเต้นๆ นี่พี่มีความรักครั้งแรกใช่มั้ย"
พารินพยักหน้าหงึกหงักให้อย่างอายๆ แต่สักพักก็ทำหน้าละห้อย
"แต่เราคงไปต่อกันไม่ได้แล้วล่ะ ไม่ทันได้คบด้วยซ้ำ"
สองพี่น้องนั่งปรับทุกข์กันอยู่นาน ว่าด่วยเรื่องโชคชะตาความรักของตนเอง จนหนึ่งคนต้องเบรกคนทั้งคู่
"ฮะฮึ่ม.. ทำไมยังไม่นอนกันอีก" คนสูงอายุส่งเสียงทักกลางวงพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง
"ยาย!" สองสาวร้องออกมาพร้อมกัน
"นี่พวกเราทำให้ยายตื่นเหรอจ้ะ" ดารันถามออกมาอีก
"ใครว่าตื่นล่ะ ยายไม่ได้หลับสักหน่อย"
"งั้นยายก็ได้ยินเราคุยกันทั้งหมดน่ะสิ" ดารันหันไปหาพี่สาวอย่างต้องการหาความเห็น
"ใช่ ได้ยินตั้งแต่แรกเลย คิดจะมีแฟนไม่เห็นจะเล่าให้ยายฟังบ้างเลยนะ"
"โธ่ยาย.. มันเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ แถมหนูยัง.."
"ความรักน่ะ มันไม่เกี่ยวกับยากดีมีจนหรอกนะ ถ้ารักกันซะอย่าง ก็ต้องสู้ให้สุดๆ ไปเลยลูก อย่าไปยอม"
"แต่พี่เค้าเพิ่งจะไล่หนูมานะยาย"
"งั้นเราก็ต้องไปบอกความในใจให้พี่เค้าฟังสิ บอกให้เค้ารู้ แล้วเค้าจะคิดยังไงหลังจากนี้ก็เรื่องของเค้า"
"ยายมั่นใจว่าถ้าเค้ารู้ว่าหลานยายจริงใจและเป็นคนดี เค้าต้องรักหลานยายเหมือนที่ยายรัก"
"นี่ยายจะบอกให้พี่รินไปตื๊อสาวเหรอ"
"ใช่แล้ว เรื่องความรักเราต้องไม่ยอมแพ้"
ทั้งสามจึงหัวเราะออกมาพร้อมกันด้วยความอารมณ์ดี แต่หารู้ไม่ว่าเรื่องร้ายๆ กำลังจะมาเยือน