ตอนที่ 8

3154 คำ
ญาณิญถูกพาตัวส่งโรงพยาบาล เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่ต้นแขน และดูเหมือนว่าเรื่องการถูกลอบทำร้ายจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต ภาพญาณิญถูกเผยแพร่และเป็นข่าวในทันที "รู้มั้ยว่าผมรีบมาทันที พอเห็นคุณในข่าว" ภุชงค์รีบบอกทันที่ที่เห็นหน้าญาณิญ ซึ่งอาการหล่อนตอนนี้ดูจะไม่สาหัสเท่ากับที่เห็นเป็นข่าวด้วยซ้ำ ญาณิญดูสบายดี "ก็แค่ถากๆ ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก" แถมปากยังคงดีเหมือนเคย ภุชงค์หน้าเจื่อนลงทันที "เอ่อ.. แล้วไอ้คู่กรณีที่ทำแบบนั้น จะจัดการยังไง ให้ผมเอาเรื่องมันเลยมั้ย" คำพูดดูประจบประแจงออกจากปากเขา "ไม่ต้อง! เรื่องนั้นน่ะ ฉันคิดไว้แล้ว" บอกพร้อมรอยยิ้มร้าย ทำให้เขาขนลุกไปด้วย แม้บาดแผลจะไม่ได้สาหัสเท่ากับข่าวที่ออกไป แต่ญาณิญก็พยามทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ทั้งตอนนี้ที่เธอตั้งใจจะพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน "แล้วคุณคะนึงนิจรู้รึยัง ให้ผมแจ้งให้มั้ย เพราะห้องนี้ต้องมีคนเฝ้า" "คงเห็นในข่าวแล้วล่ะ เดี๋ยวก็คงมา คุณจะไปไหนก็ไปเถอะ" ญาณิญเอ่ยปากไล่เขาแบบไม่อ้อมค้อม และไม่แคร์ว่าเขาเป็นเจ้านาย แต่สุดท้าย ความคาดหวังของญาณิญก็พังทลาย ประตูห้องพักฟื้นในโรงพยาบาลถูกเปิดออก "ลูกสาว เป็นยังไงบ้าง นี่แม่รีบมาเลยนะ" นั่นคือคนที่ญาณิญไม่อยากพบเจอที่สุดในตอนนี้ ผู้ให้กำเนิด คนลูกใบหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีกคนที่เห็นหน้าเมื่อไหร่ยิ่งรู้สึกขัดใจ คือจิรดา "จะมากันทำไม ใหญ่ไม่ตายง่ายๆ หรอก" คนแม่หน้าเจื่อนลงทันทีไม่กล้าปริปากพูด "นี่พวกเราพอรู้ข่าวก็รีบมาทันทีเลยนะ ทำไมพี่พูดแบบนี้" จิรดาพูดออกมาเพราะไม่อาจเก็บอาการได้เหมือนคนแม่ "ไม่ได้ใช้ให้มา โดยเฉพาะเธอ สะเออะ! " เพราะอาการหัวเสีย ที่คะนึงนิจไม่มาสนใจใยดีจึงเอามาลงที่คนทั้งคู่แทน "แทนที่จะดีใจที่มีคนเป็นห่วงเป็นใย ทำไมต้องพูดร้ายๆ ใส่คนอื่น" "พอๆ ยัยน้อย แกพูดแบบนั้นกับพี่สาวได้ไง พี่เค้ากำลังเจ็บตัวอยู่ ขอโทษพี่เค้าซะ! " ญาณิศาลำเอียงแบบเห็นได้ชัด "น้อยพูดความจริงนี่คะ" "ยังจะเถียงอีก! บอกให้ขอโทษไง ไม่งั้นล่ะก็ฉันจะไปโพนทะนาที่มหาลัยฯ ว่าแกมันเป็นสมพาลกินไก่วัด" "แม่คะ! แม่เข้าใจผิดแล้วนะ มันไม่มีอะไรจริงๆ " "ทำไมจะไม่มีอะไร ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันรู้ดีว่าแกอยากจะเทียบเท่าพี่สาวแก ถึงขนาดต้องหาผู้หญิงมาเป็นเมีย วิปริต! " "แม่คะ.." "ถ้าจะมาทะเลาะกันก็ออกไปเลย ไปไหนก็ไป! " ทั้งคู่เงียบกริบเมื่อได้ยินเสียงตวาดของญาณิญ จิรดาจึงไม่รอให้ญาณิศาเอ่ยปากไล่อีกรอบ เธอรีบเดินออกจากห้องไปทันที ก็ในเมื่อคนเป็นผู้ใหญ่ไม่น่านับถือ แถมหากเธออยู่ต่อคงเป็นกระโถนให้คนทั้งคู่ "ไปซะได้ก็ดี จะไปตายที่ไหนก็ไป! " แถมไม่วายคนที่ขึ้นชื่อว่าแม่ยังสาปส่งเธออีก ก่อนจะหันไปหาญาณิญ "แล้วนี่เมียแกไปไหน ทำไมไม่มาดูแล" คนถูกถามตวัดสายตาดุๆ ใส่ทันที นั่นเพราะคนแม่พูดจาจี้ใจ "สงสัยมันคงจะไม่ทิ้งนิสัยเดิมๆ ล่ะสิ" ได้ทีรีบแก้ต่างให้ตัวเอง ก็กลัวว่าลูกสาวจะวีนใส่ "แม่รู้อะไรก็เล่ามาเลย แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง แม่ซวยแน่" เรื่องของคะนึงนิจถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของคนแม่พร้อมกับหลักฐานคือรูปถ่าย หลังจากถูกไล่ออกจากห้องจิรดาก็เดินตรงกลับมาที่รถของตนเองทันที และขับออกจากโรงพยาบาลไปโดยไม่รอคนแม่ ปลายทางคือมหาวิทยาลัยฯ ที่เธอสอนอยู่ ไม่นานก็เห็นเด็กสาวในชุดนักศึกษาวิ่งตรงมาทางเธอ และเปิดประตูขึ้นมานั่งข้างกัน "ทำไมไม่กลับบ้าน บอกแล้วไงว่ารอนาน" "ไม่เป็นไรค่ะ รันรอได้" "แล้วเรื่องคดีล่ะ มีอะไรคืนหน้ามั้ย" "เดือนหน้าค่ะ ตอนนี้คุณทนายกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่" "ดีแล้ว" เปรยออกไปแค่นั้นก็ขับรถออกจากมหาวิทยาลัยฯ จิรดากำลังคิดไม่ตกกับความสัมพันธ์ที่คลุมเครือระหว่างเธอและลูกศิษย์ เพราะตอนนี้คนรอบข้างเริ่มระแคะระคาย จนเครียดไปหมด "วันนี้รันไปค้างกับพี่ได้มั้ยคะ" "ได้สิ" แม้จะเครียดมากเพียงใด แต่เธอก็ยังไม่อยากเอาเรื่องนั้นมาตัดรอนความสัมพันธ์ระหว่างเธอและดารัน คะนึงนิจกำลังพูดคุยกับตรีประดับเรื่องธุรกิจโรงแรมกันอย่างเข้าขา จนเวลาล่วงเลยเกือบค่ำ เจ้าบ้านอย่างคะนึงนิจจึงเริ่มเปิดประเด็นเรื่องส่วนตัวที่แสนหนักใจให้น้องสาวที่รักฟัง "พี่นิดอยากใหตรีช่วยอะไรคะ" "พี่แค่อยากรู้ว่ามันพอจะเป็นไปได้มั้ย ถ้าพี่จะแยกทางกับเค้า โดยที่ไม่มีใครรู้" "พี่กำลังกลัวอะไรรึเปล่าคะ" "เค้ามีอำนาจ ทั้งทางสื่อและก็ทางสังคม แถมยังเลวมากด้วย พี่.. พี่แค่อยากให้เราจบกันด้วยดี แต่สิ่งที่พี่เจออยู่ตอนนี้มันดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย" "ถ้าให้ตรีแนะนำ พี่นิดควรจะเก็บรวบรวมหลักฐาน ถ้าเค้าทำร้ายร่างกายหรือข่มเหงน้ำใจ แต่.." ตรีประดับทำท่าทางหนักใจเพียงนิดก่อนจะถามออกมาอีก "แต่ตรีคิดว่า เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ถ้าแยกทางกันจริงๆ คงจะไม่มีปัญหาทางกฎหมายนะคะ" "อันที่จริง.." คะนึงนิจเองก็มีสีหน้าหนักใจไม่แพ้ตรีประดับ คนตรงข้ามจึงยื่นมือมาสัมผัสหลังมือคะนึงนิจ อย่างให้กำลังใจ "มีอะไรที่ตรีควรรู้มั้ยคะ เผื่อมันจะเป็นประโยชน์กับตัวพี่" สายตาหยาดเยิ้มของตรีประดับที่ส่งมาทำให้คะนึงนิจต้องชักมือกลับช้าๆ "พี่ไม่สะดวกเล่าตอนนี้น่ะ ไว้วันหลังเราค่อยคุยกันนะ" 'ก๊อก ก๊อก' เสียงเคาะประตูจากด้านนอก ทำให้ทั้งคู่ต้องผละออกจากกัน "คุณญาณิญถูกทำร้ายค่ะ ตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล" "ตายจริง" คะนึงนิจเปรยออกมาด้วยความตกใจ "เป็นอะไรมากหรือเปล่า" ตรีประดับถามแทนคะนึงนิจให้ "ดิฉันเห็นออกข่าวน่ะค่ะ" บอกพร้อมช่วยส่งอุปกรณ์สื่อสารให้เจ้านายดูข่าวอันแสนชุลมุน "ให้ตรีไปส่งมั้ยคะ" ตรีประดับยื่นมือเข้ามาช่วยทันที แถมดูกระตือรือร้นกว่าคะนึงนิจอีก "ไม่เป็นไร พี่ว่า.. พี่จะนั่งทำงานต่อน่ะ" "ค่ะ ได้ค่ะ ตรีเข้าใจ" เมื่อเจ้าตัวไม่ต้องการจะรับข้อเสนอ เธอก็ไม่อยากจะบังคับหล่อน ดารันออกจากห้องน้ำ พร้อมตรงไปยังเตียงกว้างของจิรดา เห็นหล่อนนอนหันหลังให้ ก่อนจะถามออกมา "รันปิดไฟนะคะ"  ไร้เสียงตอบรับ ดารันจึงปิดไฟหัวเตียงทันทีโปยไม่คิดถามต่อก่อนจะล้มตัวนอน แต่คืนนี้คนอายุน้อยดันนอนไม่หลับเพราะสีงเกตเห็นความผิดปกติของจิรดา "พี่เป็นอะไรหรือเปล่า มีอะไรก็เล่าให้รันฟังได้นะคะ" ดารันตัดสินใจเอ่ยออกมาท่ามกลางความมืด แต่ก็ยังคงได้รับแต่ความเงียบเป็นคำตอบ "รันทำอะไรให้พี่ไม่พอใจหรือเปล่า" และเงียบ "รันกอดพี่ได้หรือเปล่าคะ" ไม่รอให้คนที่นอนหันหลังให้ตอบออกมา ดารันขยับเข้าไปใกล้และโอบกอดหล่อนไว้เหมือนอย่างเคย "แค่ให้รันกอดก็มีความสุขแล้วค่ะ" พร้อมกับอู้อี้บอก ก่อนจะหลับไป ก็จะให้จิรดาทำเช่นไร ตอนนี้ความคิดในหัวตีกันไปหมด ทั้งกลัวจะเสียงาน และศูนย์เสียคนที่รักมากกว่าลูกศิษย์ไป จนไม่เป็นอันทำอะไร รวมพึงไม้อาจคุมสติตัวเองให้เป็นปกติ แม้ญาณิศาจะน่ากลัว ชอบใช้อำนาจบังคับจิตใจจิรดามาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่น่ากลัวเท่าญาณิญ พี่สาวตัวร้าย อดีต จิรดาวัยสิบขวบ สวนสาธารณะ เป็นสถานที่ที่จิรดาและญาณิญต้องมารอขึ้นรถกลับบ้าน โดยมีคนพ่อมารับ ความสัมพันธ์ในวัยเด็กของทั้งคู่ไม่ราบรื่นและไม่ลงรอยกันเหมือนพี่น้องคนอื่น แม้จะร่วมชายคาเดียวกัน ญาณิญได้แต่หันมองน้องสาวต่างมารดาที่กำลังคุยโทรศัพท์กระหนุงกระหนิงกับเพื้อชายต่างโรงเรียน เธอรู้สึกหมั่นไส้คนข้างๆ ทุกครั้งที่ได้เห็นหน้า เพราะจิรดามักจะทำตัวดี เป็นลูกสาวที่แสนดีเวลาอยู่ต่อหน้าคนพ่อ ส่วนญาณิญก็มักจะกลายเป็นตัวร้ายเสมอ เพราะความตรงไปตรงมาของตนเอง และเธอยังคงซื่อสัตย์ต่ออารมณ์ตัวเองเสมอ "จะอ้วก!" ญาณิญเอ่ยออกมาอย่างจงใจต่อว่าจิรดา คนฟังหันขวับทันที "แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวน้อยโทรกลับ" ทันทีที่วางสายจิรดาก็หันมาเอาเรื่องญาณิญแบบที่ไม่กลัวความอาวุสโสเพราะมีพ่อเป็นเกราะกำบัง "เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ" "หึ.. อายุก็ยังน้อย ไม่คิดว่าจะหูหนวก" "ฉันจะฟ้องพ่อ ว่าพี่หาเรื่องฉันอีกแล้ว" "ก็เอาสิ เพราะทุกวันนี้ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรพ่อห็เชื่อไปหมดอยู่แล้ว แม้ตอนที่เธอหนีไปเอากับผู้ชาย" "ไปเอามาจากไหน ฉันไม่เคยทำแบบนั้น" "อย่าคิดว่าคนอื่นจะโง่เหมือนพ่อนะ ที่หลับหูหลับตาเชื่อแบบไม่มีสมอง"  "นี่แกกล้าว่าพ่อขนาดนี้เลยหรอ" "เออ! แล้วจะทำไม" "ฉันก็จะฟ้องพ่อไง" "เอาเล้ย.. ฉันไม่แคร์อยู่แล้ว" พูดจบก็ลุกขึ้นยืน ทำท่าจะเดินออกห่าง แต่จิรดาดันตรงไปที่เธอและกระชากผมหางม้าของคนพี่จนแทบจะหงายเงิบ ตอนนี้สองพี่น้องกำลังตบตีกันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนผู้คนรอบข้างเริ่มมาสนใจ บ้างก็พยายามจะจับแยก แต่ก็แพ้อารมณ์ที่กำลังเดือดดาลของคนทั้งคู่  จนกระทั่ง ผู้ปกครองมาถึง เขาต้องรับเข้ามาแยกหารทะเลาะวิวาทนี้ทันที แถมมุดท้ายแล่วคยที่โดนทำโทษคือญาณิญ ในฐานะที่เป็นพี่สาว และในฐานะที่เป็นลูกสาวของญาณิศา คืนนั้นญาณิญไข้ขึ้นสูงเพราะถูกเฆี่ยนตีโดยคนพ่อ แต่เมื่อตกหลางคืนเขาเข้ามาดูแลเธอในห้องนอน แถมเมื่อรู้ว่าลูกสาวอาการแย่ จึงรีบพาตัวญาณิญขึ้นรถ พร้อมด้วยลูกสาวคนเล็กอยู่เบาะหลัง ด้วยความรีบร้อนของคนพ่อและระดับความเร็วของการขับขี่ ทำให้เกิดเรื่องไม่คาดฝัน รถยนต์ที่มีกำพล พ่อของเด็กทั้งสอง นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เกิดประสานงากับรถบรรทุก  กำพล เสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ จิรดาและญาณิญ อาการสาหัสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ผู้ดูแลของสองสาวจึงตกมาเป็นของญาณิศาในฐานะแม่ สองสาวรักษาตัวหลายเดือน  ญาณิญบอบช้ำภายใน ต่างจาก จิรดา บาดแผลจากอุบัติเหตุ ทำให้ต้องเสียขาไปหนึ่งข้าง เธอกลายเป็นคนพิการตั้งแต่อายุเพียงสิบขวบ และต้องใส่ขาเทียมตั่งแต่บัดนั้นจนถึงทุกวันนี้ จิรดากล่าวโทษชะตาชีวิตตัวเอง และรวมไปถึงญาณิญ ญาณิญ ทำให้เสียคนที่รัก นั่นคือ พ่อ ญาณิญ ทำให้เธอเสียขา หมดอนาคตกลายเป็นคนพิการ  ญาณิญ ทำให้เธอเสียอิสรภาพ โดยนำพาแม่เลี้ยงใจน้ายเข้ามาในชีวิต  เรียกได้ว่าทุกอย่าง เปลี่ยนไป หน้ามือกลายเป็นฝ่าเท้า คะนึงนิจเดินเข้ามาในห้องพักตนเองภายในโรงแรม เวลานี้เกือบจะสองทุ่ม ทันทีที่เข้ามาถึงก็เอาแต่มองหาหาพาริน และมาหยุดอยู่ในห้องนอน เพราะเสียงทีวีที่ดังแว่วออกมา "สนุกขนาดนั้นเลยเหรอ" เสียงทักจากคนมาใหม่ทำให้สาวน้อยสะดุ้งเฮือก "พี่สาวมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย" ถามพร้อมเกาหัวแกรกๆ "สักพักแล่วล่ะ" "อ้อ.. ค่ะ" พารินลุกขึ้นยืนราวกับนึกอะไรขึ้นได้ พร้อมกับรีบปิดทีวี "อ้าว ปิดทำไมล่ะ" ก็กำลังเพลินกับรายการทีวีที่เพิ่งจะแอบดูกีบพาริน "ก็ถ้าเปิดไปทำงานไปด้วย เดี๋ยวจะเอาเปรียบพี่สาวไงคะ" "พี่ไม่ได้เคร่งขนาดนั้นนะ" "แอ๊ะ! จริงเหรอคะ เป็นถึงเจ้าของโรงแรม แต่ไม่ไม่ดุเนี่ยนะ" ได้ทีแซวคนตรงหน้า คะนึงนิจจึงเผลอยิ้มออกมา ก่อนจะเดินไปนั่งที่ปลายเตียง "พี่ดูเป็นคนดุเหรอ" ถามหยั่งเชิงออกมาโดยไม่มองหน้า พารินจึงรีบวิ่งไปยืนเคียงข้าง พร้อมกับย่อตัวลงนั่งเบื้องหน้า และทำทีเป็นสำรวจดวงหน้าคะนึงนิจแบบใกล้ชิด "ก็.. ดุอยู่นะคะ"  "แล้วกลัวมั้ยล่ะ" พารินส่ายหัวรัวอย่างทะเล้น แต่สักพักทุกอย่างก็หยุดนิ่ง ต่างคนต่างจ้องมองหน้ากัน สาวน้อยกำลังขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พารินเอาแต่จ้องมองริมฝีปากซีดๆ ของคะนึงนิจแบบไม่วางตา และคิดมากกว่าแค่มอง  "จะทำแค่มองเหรอ" แต่เมื่อริมฝีปากของคะนึงนิจขยับ จึงทำให้พารินรู้สึกตัวและผละออกเอง พาให้ต่างคนต่างเสียดาย "กินข้าวรึยัง" และคะนึงนิจก็เป็นฝ่ายชวนคุยก่อน  "อ้อ.. เรียบร้อยแล้วค่ะ แล้วพี่สาวล่ะ คงจะเหนื่อยแย่เลยสิ ประชุมต้องเครียดแน่ๆ เลยใช่มั้ยคะ" ต่างคนต่างหาเรื่องมาคุยกันเพื่อให้หลงลืมเหตุการณ์หวาดเสียวเมื่อครู่ จนสุดท้าย  "พี่สาวจะให้หนูทำอะไรเหรอคะ นี่เหลือแค่สองชั่งโมงเองที่พี่สาวจะจ้าง" "นั่นสิ.. พี่ยังไม่ได้คิดเลย" คะนึงนิจบอกตามตรง "อ้าว" "พี่แค่ไม่อยากให้รินออกจากโรงแรมพี่ไปตอนที่ฝนตก เลยต้องจ้างไงล่ะ" "โห.. ถ้าพี่สาวเป็นห่วงหนูก็บอกตรงๆ ได้นี่คะ ไม่เห็นต่องจ้างหรอกค่ะ" "ก็รินขี้งก ถ้าพี่บอกแบบนั่นรินจะอยู่รอพี่เหรอ" "อยู่ค่ะ ถ้าพี่สาวบอกว่าเป็นห่วง" "ปากหวานจังเลยนะ" "เคยชิมเหรอคะ อุ้ย!" เผลอปากไวพูดออกมา จนต้องตะครุบปิดปากตัวเอง เพราะนึกถึงเรื่องก่อนหน้า "เอาเถอะ ยังไงตอนนี้ถ้ารินจะกลับ พี่ก็ตงไม่ให้กลับหรอกนะ" เพียงพูดแค่นั้นฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างหนักราวกับฟ้ารั่ว "ตกแรงขนาดนี้ รินก็ไม่กล้าออกไปเหมือนกันค่ะ" "แต่ระหว่างนี้.." "พี่แต่งงานแล้ว" คะนึงนิจชิงพูดเรื่องคาใจออกมาก่อน "แต่ที่เราแต่งงานกัน เพราะพี่ท้อง"  พารินอึ้งไปนิดที่ได้ยินแบบนั้น "แต่พี่กำลังจะแยกทางกัน เราไปหันไม่ได้ เค้านอกใจพี่หลายครั้ง และก็ข่มเหงน้ำใจพี่" บอกก่อนจะกระตุกผ้าพันคอออก ให้คนตรงหน้าได้เห็นร่องรอยที่ญาณิญฝากไว้บนร่างกาย "นั่นเค้าทำร้ายพี่สาวเหรอคะ" ถามด้วยอาการตกใจ คะนึงนิจเพียงพยักหน้าให้น้อยๆ เป็นคำตอบ พารินรีบรุดเข้าไปสำรวจทันที พร้อมกับใช้นิ้วลากสัมผัสรอยนั้นเบาๆ ที่ต้นคอ แต่แค่นั้นก็ทไให้คะนึงนิจสะดุ้งโหยง "เจ็บรึเปล่าคะ"  คะนึงนิจพยักหน้าให้เป็นคำตอบอีกครั้ง  "พี่เจ็บ แต่เจ็บใจมากกว่าเจ็บกาย" พูดโดยมีน้ำตาคลอเบ้า "ไม่ใช่แค่นี้นะ" บอกก่อนจะค่อยๆ ปลดประดุมเสื้อช้าๆ จนหมด และดึงรั้งชายเสื้อลงให้พารินได้เห็นร่องรอยทั่วทั่งเนินอก  นิ้วของพารินจึงเคลื่อนมาสัมผัสรอยนั้นอีก "ถ้าพี่สาวไม่มีความสุขก็อย่าทนเลยนะ ออกมาเถอะค่ะ" มีแต่คำว่าสงสารและเห็นใจผู้หญิงตรงหน้า  คะนึงนิจร้องไห้โฮออกมา จนน้ำตานองหน้า พารินต้องดึงร่างของหล่อนมากอดปลอบเพื่อหยุดความเศร้า "ไม่เป็นไรนะคะ รินอยู่ตรงนี้ รินจะเป็นความสุขให้พี่สาวเองค่ะ" เป็นความสุขของพี่สาว ริมฝีปากอุ่นๆ ของพารินสัมผัสจูบซับความเจ็บปวดที่บาดแผลบนร่างกายของคะนึงนิจไปทั่วลำคอและเนินอก ลมหายใจของคนอายุมากเริ่มติดขัด มองดูการกระทำของเด็กสาวที่แทรกตัวอยู่กลางหว่างขาแบบไม่ละสายตา  ไม่กลัวความผิดถูก คะนึงนิจเพียงอย่กหาความสุขใส่ตัวเองบ้าง ตรีประดีบทำให้เธอมีความหวังว่าจะหลุดพ้นจากญาณิญได้ และพารินก็มาในเวลาที่ถูกที่ควร มือของพารินเริ่มดึงรั้งเสื้อคะนึงนิจให้ออกจากร่างกาย ก็อยากจะเห็นทั้งเรือนร่างแบบที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้น  คะนึงนิจเองก็ให้ความร่วมมือด้วยการช่วยถอดเสื้อหรือเรียกได้ว่าชุดทำงานของพารินออกด้วยอีกแรง จนตอนนี้สาวน้อยมีเพียงเสื้อกล้ามตัวบาง  พารินเลื่อนมือไปเกี่ยวจะขอเสื้อในด้านหลังของคนบนเตียง แต่ก็ไม่ได้ดั่งใจนัก เพราะไม่ถนัด หรือเรียกได้ว่าไม่เคย เพราะคือครั้งแรกที่ถอดเสื้อชั้นในคนอื่น พารินใช้เวลาอยู่กับตะขอเสื้อชั้นในของคะนึงนิจหลายนาที ทั้งโอบ ทั้งดึงรั้งร่างบอบบางของคะนึงนิจมาใกล้ หรือแม้กระทั่งจะย้ายตัวไปด้านหลัง แต่ก็ถูกห้ามไว้ "เดี๋ยวพี่ถอดเอง" คะนึงนิจบอกยิ้มๆ ก่อนจะส่งมือตนเองไปด้านหลัง เพียงไม่นานตะขอชั้นในก็ถูกปลดออก ทั้งคู่จึงส่งเสียงหัวเราะออกมาน้อยๆ พร้อมกัน "รินไม่เก่งเรื่องนี้เลยค่ะ" สาวน้อยสารภาพตามตรง "ไม่เป็นไร นี่ครั้งแรกใช่มั้ย" "ครั้งแรกค่ะ แต่จะทำให้ดีที่สุด" คืนนั้น เวลาทำงานของพารินไม่ได้สิ้นสุดแค่สี่ทุ่ม แต่เธอถูกซื้อตัวต่อจนถึงเช้า คะนึงนิจเดินกลับเข้าบ้านในเวลาเช้า หลังจากแยกกับพารินแล้ว รอยยิ้มเปี่ยมสุขแสดงออกมาทางสีหน้าจนคนมองรู้สึกหมั่นไส้ "ไปไหนมา ทำไมกลับเอาป่านนี้" 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม