ตอนที่ 4

971 คำ
“เดี๋ยวซิครับคุณดา จะให้เกียรตินั่งคุยกันสักครู่ได้ไหมครับ” “ขอเป็นโอกาสหน้าได้ไหมคะ วันนี้ดาไม่สะดวกแล้วน่ะค่ะ ต้องขออภัยจริงๆ” “ครับ..ผมเข้าใจ หวังว่าโอกาสหน้าคงจะเป็นของผม” ดวงตาคมเข้มที่ส่งมามันฉายแววปรารถนาไว้อย่างชัดเจนคือสิ่งที่เธอเห็น ทว่าประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 5 ปี ในฐานะที่เป็นแม่เล้า และ 4 ปีก่อนหน้านั้นในฐานะของลูกเล้า มันทำให้เธอแยกแยะออกว่า แววตาที่ปรารถนากับแววตาที่อยากลองของยากๆ สักครั้งมันเป็นอย่างไร และทั้งสองอย่างนั้นไม่ได้มีอยู่ในแววคมเข้มนั้นเลยสักนิด สิ่งที่เธอเห็นมันกลับเป็นแววถือดีอยากเอาชนะเสียมากกว่า ร่างอวบอิ่มที่เดินจากไปทิ้งอะไรบางอย่างไว้ให้เขาฉุกคิด เพราะความไม่สะดวกของเธอนั้นเหมือนจะยิ้มรอท่าอยู่ในมุมหนึ่ง มุมประจำของบิดาคือสิ่งที่นุติกระซิบบอก ผู้หญิงคนนั้นทิ้งผู้ชายอย่างเขาเพื่อยอมรับความไม่สะดวกในสิ่งที่บิดาเขาหยิบยื่นอย่างนั้นหรือ มุมปากยกยิ้มอย่างถือดี เมื่อฉุกคิดได้ว่า “ลินลดา เธอบินได้สูงดีทีเดียว” “ลิล..ลิล..ลิลลี่ เอ๊ย! อยู่ข้างบนหรือเปล่าลูก” เสียงยายเรียกดังมาจากใต้ถุนเรือนทำให้ลลิลละสายตาขึ้นจากหนังสือเรียน ก่อนจะลุกขึ้นยืดแขนยืดขาเพราะคร่ำเคร่งนั่งอ่านหนังสือมาตั้งแต่เช้า เรือนไม้ยกพื้นสูงที่ไม้กระดานตีห่างไว้ให้ลมระบายได้จากด้านล่างและเผื่อเนื้อไม้ยืดตัวหดตัวยามฤดูกาลที่เปลี่ยนไป ทำให้เธอสามารถมองลอดลงไปเพื่อตรวจดูว่าเจ้าของเสียงปราณีที่เอ่ยเรียกนั้น ตอนนี้อยู่ตรงจุดไหน  “ลิล..อยู่หรือเปล่าลูก” “อยู่จ้ะยาย กำลังรีบแล้วจ้า..” เสียงหวานขานรับก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น “ไม่ต้องรีบลูก เดี๋ยวได้ตกบ้านขาแข้งหักกันบ้างหรอก เดินดีๆ” สายตาฝ้าฟางตามวันเวลามองลอดขึ้นไปบนขั้นบันไดที่คาดคิดว่าหลานสาวเพียงคนเดียวของแกกำลังจะรีบเดินหรือไม่ก็อาจจะวิ่งลงมาเลยก็ได้ และก็เป็นไปตามคาด ช่วงขาเรียวยาวที่มองเห็นทำให้แกอดที่จะร้องปรามอีกครั้งไม่ได้ “ลิลลี่ เดินช้าๆ ลูก ไม่ต้องวิ่งลงมา วิ่งลงบันไดผีบ้านผีเรือนจะหักขาเอานะลูก” “จ๊ะจ้า.. ไม่วิ่งแล้วจ้า เดินช้าแล้วจ้า” สาวรุ่นใบหน้าสะสวยที่มองเห็น ไม่ได้แตกต่างไปจากลูกสาวเพียงคนเดียวของแกเลยสักนิด ยิ่งโตยิ่งเหมือนกัน คำโบราณที่ว่า “ลูกผู้หญิงเหมือนแม่มักจะอาภัพ” นั่นคือสิ่งที่ใครๆ ก็มักจะย้ำเตือนเสมอในยามเจ้าตัวน้อยนี้ยังอยู่ในวัยเยาว์ ทว่าวันเวลาพ้นผ่านที่ลินจงสามารถทำงานส่งเสียเลี้ยงดูลูกสาวและตัวแกมาได้นั้น ก็ทำให้คำพูดของหลายๆ คนต้องหยุดลง เพราะนี่ก็ปีสุดท้ายแล้วที่ลลิลจะเรียนจบปริญญาตรี “ยายเรียกลิลมีอะไรหรือจ๊ะ” “ช่วยยายกำผักหน่อยลูก ประเดี๋ยวลุงชดเขาจะมารับเอาไปตลาดนัด ยายเก็บช้าไปหน่อยกลัวจะกำได้ไม่ทันเวลา” ลลิลมองมือเหี่ยวย่นที่กำลังกำใบกระเพรา โหระพา และมะกรูดตะไคร้ แยกไว้เป็นกำๆ ก่อนที่ฝ่ามือขาวนวลที่ดูบอบบางนั้นจะรีบหยิบจับในสิ่งที่ยายบอกอย่างทะมัดทะแมง ผักสวนครัวต่างๆ ที่ปลูกอยู่ในสวนหลังบ้าน แม้จะมีพื้นที่ไม่มากนักแต่รายได้ก็เพียงพอสำหรับที่สองยายหลานจะประทังชีวิตไปได้อย่างไม่ลำบากลำบนอะไร ดวงตาคู่สวยหลุบต่ำมองสิ่งอยู่ในมือ พืชผักเหล่านี้ยายสอนว่าเธอต้องรู้จักกินรู้จักใช้อย่างประหยัด เพราะถ้าไม่ใช่เพราะผักเหล่านี้ยายก็คงจะไม่มีกำลังที่จะเลี้ยงเธอมาจนโตได้ และลูกสาวของยายล่ะทำอะไรอยู่.. ลลิลหรือลิลลี่ ชื่อที่ผู้เป็นแม่ตั้งให้เพื่อให้คล้องจองกับชื่อลินจงหรือลินลดา ชื่อใหม่ที่แม่ตั้งเองสำหรับเอาฤกษ์เอาชัยกับธุรกิจร้านอาหารที่ไปได้ดี จนทำให้มีเงินส่งเสียเลี้ยงดูลูกสาวเพียงคนเดียวและมารดาให้อยู่ได้อย่างสุขสบาย แต่น่าแปลกที่ยายเพียงนำเงินเหล่านั้นมาสำหรับจ่ายค่าเทอมและอุปกรณ์การเรียนของเธอเท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายภายในบ้านรวมทั้งค่ากินอยู่ล้วนแต่มาจากรายได้ของพืชผักสวนครัวที่ยายและเธอช่วยกันปลูกทั้งสิ้น เพราะอะไรเธอไม่รู้ คำถามที่ไม่เคยเลยสักครั้งที่ยายจะตอบ จนสุดท้ายเธอต้องเป็นฝ่ายเลิกถามไปเสียเอง ฝ่ามือที่สอดเข้าในช่วงเอวและแนบใบหน้าลงที่อกอุ่นของยาย ทำให้ดวงตาของยายมุกดาเริ่มจะฝ้าฟางเพราะม่านน้ำตาอีกครั้ง มือเหี่ยวย่นกอดรัดหลานสาวเพียงคนเดียวไว้แนบอก เจ้าตัวน้อยแสนซนที่ทำกิริยาแบบนี้จะเป็นเรื่องใดไปได้ถ้าไม่ได้คิดถึงคนเป็นแม่ ยายมุกดากระชับฝ่ามือที่อาจจะคิดว่าบอบบางนักทว่ามันกลับกร้านไปเพราะหยิบจอบหยิบเสียมมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย อ้อมกอดของผู้เป็นยายกระชับแน่นขึ้นเมื่อคิดได้ว่า “ความลำบากเพียงนี้ลลิลต้องผ่านมันไปให้ได้ หากแม้ลำบากกายยังทนได้ ต่อไปในภายภาคหน้าเรื่องลำบากใจก็จะทานทนได้เช่นกัน ลินจง เอ๊ย.. เมื่อไรแกถึงจะเลิก..แกจะต้องรอจนลูกแกรู้อย่างนั้นรึ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม