ทำไมเขาต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ มีเมียก็ทำอะไรไม่ได้ บ้าจริงเชียว! เขาสบถอย่างหัวเสีย
อภินันท์นอนหงายบนที่นอนกว้างหายใจหอบถี่เมื่อได้รับการปลดปล่อย ไม่นานลมหายใจหอบกระชั้นก็เป็นปกติ
ร่างสูงตะแคงข้างมองร่างไร้สติด้วยความมันเขี้ยว เขาดึงเธอมากอดแนบอก มือหนาเคล้นคลึงสะโพกงอนงามเปลือยเปล่านั้นเล่น
“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยจืดแสนหวาน ครั้งต่อไปเธอไม่รอดแน่” อภินันท์ขู่สำทับร่างนวลเนียนหอมกรุ่นที่หลับไหลไม่ได้สติ เขารั้งอรชรมากอดแนบอกพยายามข่มตาหลับตามเธอไปในที่สุด
“จะนอนกินบ้านกินเมืองหรือยังไง ตื่น! ตื่นได้แล้ว”
อภินันท์ดึงแขนของภรรยาสาว ที่กำลังหลับสบายเพื่อให้ลุกขึ้นจากที่นอน
“อุ๊ย!” นิรดาตื่นจากนิทรารมย์แสนสบายอุทานตกใจ มองร่างของเจ้าบ่าวที่เธอเข้าพิธีแต่งงานด้วยเมื่อคืนตาปริบๆ
หญิงสาวกะพริบตามึนงง ยังปรับอารมณ์ไม่ได้ เธอมองร่างสูงที่สวมใส่ชุดพร้อมออกไปทำงานเพื่อประมวลเหตุการณ์ แต่ต้องสะดุ้งเพราะเสียงทรงอำนาจที่ตวาดมาอีกครั้ง
“นั่งเซ่ออยู่ได้ เป็นเมียชาวไร่ชาวนาต้องตื่นตั้งแต่ไก่โห่ ทำกับข้าวให้ผัวกิน ไม่ใช่มานอนกินบ้านกินเมือง ที่นี่ไม่ใช่กรุงเทพฯ จำเอาไว้ จะได้ไม่นอนตื่นสายเป็นคุณหญิง คุณนาย ให้คนอื่นทำให้กินอย่างนี้” อภินันท์พูดใส่หน้าหญิงสาวอย่างไม่สบอารมณ์
นิรดารีบตะเกียกตะกายลงจากเตียงตกใจเข้าไปอีก เมื่อเริ่มนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนได้รางๆ หญิงสาวหน้าแดงมากขึ้นเมื่อเผลลูบไล้เรือนร่างของตัวเอง แต่ชายหนุ่มหาใส่ใจไม่กับเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขาเอาแต่ต่อว่าเธอด้วยความโมโห
ซึ่งนิรดาได้แต่ทำตาปริบๆ ไม่เข้าใจว่าเขาจะโมโหอะไรเธอหนักหนา
“ฉันเข้าไร่ไปตรวจดูคนงานในไร่ตั้งแต่เช้า กลับมาเธอยังนอนไม่ตื่นอีกเหรอ จะนอนให้เป็นคุณนายเลยหรือไง ไม่รู้จักไปช่วยคนอื่นทำมาหากินหรือทำงานทำการบ้างหรือไงกัน”
อภินันท์ต่อว่าอย่างไม่พึงพอใจ ยิ่งเห็นอาการหวาดกลัวของเธอเขายิ่งอยากแกล้ง เขาคิดว่าจะทนได้สักกี่น้ำ ผู้หญิงเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เอาตัวเข้าแลกกับเงินแบบนี้เขาไม่เคยนึกอยากเอามาเป็นเมีย
“คะ...คือน้องหนู” นิรดาพูดตะกุกตะกักเสียงสั่นตกใจเข้าไปอีก เพราะเหนื่อยเหลือเกินจากงานแต่งงานที่ผ่านมา กว่าจะเดินทางมาถึงบ้านไร่ของเขาก็เกือบตีสาม ได้นอนจริงๆ ไม่รู้ว่ามันกี่โมงกี่ยามเข้าไปแล้ว เธอจึงหลับสบายเพราะความง่วง ความเหนื่อยล้าและบวกกับอะไรอีกหลายๆ อย่าง
“คืออะไร เลิกทำหน้าซื่อตาใสสักทีได้ไหม รำคาญ เพราะฉันไม่หลงกลเธอเหมือนคุณแม่หรอก”
อภินันท์ว่าใส่หน้าหญิงสาวไม่ยอมเลิกรา เขาคิดต่อต้านเธอในใจอย่างรุนแรงเพราะเธอทำให้มารดาบังคับให้เขาต้องแต่งงาน เขาไม่ชอบการถูกบังคับแถมยังโดนมารดาขู่เรื่องมรดกที่จะได้อีก
นิรดาเผลอลูบคลำตัวเองแล้วต้องหน้าแดงอีกรอบเพราะเธอไม่ได้สวมใส่ชั้นใน นอกจากชุดนอนที่เธอไม่แน่ใจว่าเขาสวมให้เธอตอนไหน ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาทำเมื่อคืน ยิ่งร้อนผ่าวไปหมดทั้งร่าง
ถ้าเขาเป็นคนสวมใส่เสื้อผ้าให้เธอ แสดงว่าเขาต้องเห็นร่างกายเธอหมดทุกตารางนิ้ว หญิงสาวหน้าแดงแล้วหน้าแดงอีก พลันคิดไปถึงเหตุการณ์น่าอายที่เขาทำ ก่อนที่เธอจะจำอะไรไม่ได้อีก ความร้อนผ่าวลามเลียทั่วใบหน้าและเรือนกาย
นิรดาใจฝ่อ ไม่คิดว่าต้องแต่งงานกับผู้ชายเถื่อนๆ แบบอภินันท์ เธอยังประหวั่นพลันพรึงเพราะมาตัวคนเดียว หัวเดียวกระเทียมลีบ ขืนทำตัวไม่ถูกใจเขา มิโดนเขาฆ่าหมกป่าหรือไงกัน แค่คิดก็โหวงเหวงในอกอย่างบอกไม่ถูก
อภินันท์มองร่างบอบบางที่ซ่อนความอวบอิ่มเอาไว้อย่างท่วมท้น เธอกำลังยืนหน้าแดงอยู่ข้างเตียง พยายามบอกตัวเองว่าเขาไม่ได้หลงใหลกับความน่ารักของเธอ มันแค่รูปกายภายนอก จึงใช้น้ำเสียงวางอำนาจมาข่มขู่เธอเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกภายในเอาไว้
“จะยืนตรงนี้อีกนานไหม หิวแล้วนะ ไปทำอาหารเช้าให้กินได้แล้ว เร็วๆ ด้วย ถ้าชักช้าหิวมากกว่านี้เธอนั่นแหละจะโดนกินเป็นอาหารเช้า”
นิรดารีบเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา จะได้ลงไปทำอะไรให้เขาทานตามที่เขาสั่ง ขาเจ้ากรรมพานจะสั่น จนเผลอซุ่มซ่ามสะดุดขาตัวเองทำท่าจะล้ม อภินันท์รีบรับร่างของภรรยาสาวโดยอัตโนมัติ เธอจึงตกอยู่ในอ้อมแขนรัดรึงของเขาแทบจะทันที ใบหน้าหล่อเหลาทอดสายตามองใบหน้านวลใสไม่วาง
เขาสัมผัสเธอทีไร หัวใจกระตุกทุกคราไป นิรดาใจสั่นไหวรุนแรงแทบทะลุออกมานอกอก เมื่อได้สบสายตาร้อนแรงของคนเป็นสามี ดวงตาคมกล้าที่ทอดมองมาเหมือนจะแผดเผาให้เธอมลายหายไปสิ้น
ชายหนุ่มก้มมองใบหน้าสวยหวานของภรรยาสาวนิ่ง เรือนร่างหอมกรุ่นที่แนบชิดทำให้เขาหายใจหอบแรง
“เดินยังไงซุ่มซ่ามจริงๆ นอกจากจะจืดชืดแล้ว ยังไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง”
อภินันท์พูดในสิ่งที่ตรงกันข้าม ทำท่าทางและสีหน้ารำคาญ ดันร่างบอบบางออกไปเหมือนไฟร้อนที่นาบร่างแกร่งจนลุกไหม้
“น้องหนูขอโทษ” นิรดาก้มหน้าก้มตา รู้สึกหวาดหวั่น คิดโทษตัวเองว่าดูไร้ค่าทำให้เขาต้องรำคาญ
เธอคงน่าเบื่อเพราะคำพูดของเขาที่พูดออกมา ทำให้คิดว่าตัวเองดูไม่ได้เรื่องอะไรเลยสักนิดในสายตาเขา
นึกน้อยใจตัวเองที่ไม่เข้มแข็งเหมือนพี่สาว กลัวเขาก็กลัวแต่อีกใจหนึ่งยังนึกขอบคุณที่เขาอุตส่าห์ช่วยเธอเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเธอคงหกล้มหัวฟาดพื้นแล้วเป็นแน่ เพราะความซุ่มซ่ามของตัวเองแท้ๆ
นิรดารีบเข้าห้องน้ำเพื่อทำภารกิจส่วนตัว โดยมีสายตาอภินันท์มองตามร่างบอบบางนุ่มนิ่มของภรรยาสาวไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
เขาหวั่นไหวกับเธอ ชายหนุ่มบอกตัวเองเช่นนั้น ความรู้สึกตีวนให้เขาสับสน หาเหตุผลมาปฏิเสธว่ามันไม่ใช่
เมื่อหญิงสาวออกมาจากห้องน้ำ เขาหายไปแล้ว เธอรีบรื้อกระเป๋าเสื้อผ้าด้วยมืออันสั่นเทาเพื่อจัดเสื้อผ้าและของใช้เข้าตู้ให้เรียบร้อย
เธอแอบเปิดตู้ใบใหญ่ในห้องนอนของเขาดู ปรากฏว่ามีอยู่ตู้หนึ่งที่ว่าง คิดว่าเขาคงเอาไว้ให้เธอใส่เสื้อผ้ารวมถึงของใช้ส่วนตัวเป็นแน่ นิรดาจึงรีบจัดของรวดเร็วและเปลี่ยนชุดก่อนออกจากห้อง
เท้าเรียวเดินลงบันไดมาด้านล่าง บ้านไม้หลังใหญ่โอ่อ่างดงามแปลกตา สะอาดสะอ้านกว้างขวาง โล่งโปร่งสบาย ข้าวของทุกชิ้นล้วนเป็นไม้ รวมถึงเครื่องตกแต่งราคาแพงลิ่ว บ่งบอกถึงฐานะได้เป็นอย่างดี
“คุณคะ” หญิงสูงวัยคนหนึ่งเดินเข้ามาหา เรียกนิรดาอย่างเอ็นดู
“สวัสดีค่ะป้า” นิรดาไหว้ผู้สูงวัยอย่างฝากเนื้อฝากตัว
“ไม่ต้องไหว้ป้าหรอกค่ะ คุณเป็นยังไงบ้างคะ นอนหลับสบายดีไหม” ป้าชื่นซึ่งเป็นแม่บ้านของที่นี่พูดด้วยความเอ็นดูหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นสะใภ้ของเจ้านาย รวมถึงเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านหลังนี้
“ค่ะ” นิรดาตอบรับแผ่วๆ หลบสายตาไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไรดี ยิ่งทำให้ป้าชื่นเข้าใจไปอีกทาง คิดว่าคงจะเขินอาย เป็นธรรมดาของคนเพิ่งแต่งงานกัน
“คุณหิวหรือยังคะ วันนี้ป้าทำข้าวต้ม ไม่รู้ว่าจะถูกปากคุณหรือเปล่า”
“ป้าครับ ตอนกลางวันนิรดาเค้าจะทำอาหารทานเอง ป้าจะไปตลาดก็เชิญเถอะ ทางนี้เดี๋ยวเธอจะจัดการเอง ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”
อภินันท์พูดมาจากห้องรับแขกที่เขานั่งรอหญิงสาวอยู่ก่อนแล้ว แต่เธอไม่ลงมาเสียที ทำให้เขาอดหงุดหงิดใจอีกไม่ได้
ป้าชื่นจึงขอตัวออกไปตลาดทันที
“ว่าไง” อภินันท์เข้ามารวบร่างบอบบางของภรรยาสาวดึงรั้งเข้าไปในอ้อมแขน เมื่อป้าชื่นออกไปเรียบร้อยแล้ว
“อุ๊ย! พี่ใหญ่” นิรดาอุทานในสัมผัสรัดรึงนั้น
“ว่ายังไง เข้าใจไหมว่าทีหลังอย่าชักช้า ไปทำกับข้าวเร็วๆ รู้ไหมว่าหิวแล้ว