เขายืนขึ้นเต็มความสู งเข้าไปรั้งแขนของภรรยาสาวให้เดินตามขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อเก็บเสื้อผ้าไปซัก
“เอาไปซักให้หมด เอาสะอาดๆ นะ ถ้าไม่สะอาดโดนแน่”
อภินันท์กลั่นแกล้งภรรยา น้ำเสียงคุกคามเมื่อยกตะกร้าผ้าให้เธอ นิรดามองผ้ากองโตในตะกร้าอย่างเหนื่อยใจ
“อยู่บ้านคนอื่นอย่านิ่งดูดาย อย่าทำตัวไร้ค่า ไร้ประโยชน์” อภินันท์สั่งเสียงวางอำนาจเช่นเคย หญิงสาวรีบลนลานเอาเสื้อผ้าเขาไปซักตามที่เขาบอก
“ซักให้สะอาด้วย ห้ามใช้เครื่องซักผ้า ซักมือจะสะอาดกว่า ถ้าไม่สะอาดเธอโดนแน่” อภินันท์สำทับแบบขู่เข็ญเสียงวางอำนาจอีกครั้ง
“ค่ะ” นิรดาขานรับหวาดกลัวผสมกับหวาดหวั่นไปหมด
หญิงสาวมองกะละมังหลังบ้าน ก่อนผสมน้ำกับผงซักฟอกลงไป เธอไม่ค่อยแน่ใจแต่เคยเห็นสาวใช้ที่บ้านซักผ้า ผสมผงซักฟอกกับน้ำในกะละมังเช่นนี้ ถ้าไม่ได้ซักกับเครื่องซักผ้า เกิดมาเธอยังไม่เคยซักผ้าเองเลยสักครั้ง
นิรดาเทผงซักฟักลงในกะละมังผสมกับน้ำ นำผ้าใส่ลงไปทันทีโดยไม่ได้ตีให้เกิดฟอง มือเรียวบอบบางขยำๆ และขยี้ถูๆ ไปมา
อภินันท์เดินตามออกมาทางหลังบ้านมองการกระทำของภรรยาสาวด้วยความหงุดหงิด
“นี่ยัยจืดทำบ้าอะไรนั่น ทำไมไม่ตีน้ำให้เป็นฟองก่อน ผงซักฟอกยังเป็นเม็ดอยู่เลย แล้วนี่จะสะอาดได้ยังไงกัน”
“เอ่อ...” นิรดามองผ้าในกะละมังชั่งใจ ยกผ้าที่เปียกน้ำใส่ตะกร้าดังเดิมพร้อมทั้งเทน้ำในกะละมังออกและใส่น้ำผสมผงซักฟอกลงไปใหม่
“นั่นทำอะไรอีก ยัยจืด” อภินันท์มองการกระทำของภรรยาสาวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“พี่ใหญ่บอกว่าให้ตีผงซักฟอกในน้ำให้เป็นฟองนี่คะ”
นิรดาแกล้งถามอย่างไม่เข้าใจ เธอสุดจะทนกับการวางอำนาจของเขาแล้วเหมือนกัน
“นี่ยัยจืด ฉันจะพูดยังไงดีนี่” อภินันท์มองแววตาไร้เดียงสานั้น ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญว่า...
“ซักให้สะอาดด้วยล่ะ ไม่งั้นโดนทำโทษแน่”
อภินันท์ตัดบท ขี้เกียจอธิบายพร้อมทั้งเดินจากไป นิรดามองตามร่างสูงไปอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเริ่มลงมือซักผ้าอีกครั้ง
นิรดาซักผ้าไปสักครู่ก็เริ่มรู้สึกว่าคันมือ หญิงสาวยกมือขึ้นมาดูเพราะสึกว่ามันจะคันมากขึ้น ขณะนี้มือเรียวสวยเกิดผื่นแดงเต็มไปหมดเนื่องจากอาการแพ้ผงซักฟอก
เธออดทนซักผ้าจนเสร็จและนำไปตากในราวแบบ เก้ๆ กังๆ เพราะเกิดมายังไม่เคยซักผ้ามาก่อนในชีวิต
หญิงสาวน้ำตาแทบร่วงเมื่อล้างมืออีกครั้งพร้อมทั้งลูบมือไปมาด้วยความแสบคัน เธอรีบเช็ดมือให้แห้งและเดินเข้าไปในบ้าน
“ทำอะไรนี่” อภินันท์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดที่เธอตากผ้าแบบบิดน้ำไม่แห้ง แถมผ้ายังยับอีกด้วย เสื้อบางตัวแขวนกับไม้แขวนซึ่งจะทำให้เสื้อเสียทรงได้แถมยังไม่พลิกเสื้อด้านในออกมาด้านนอกอีก
“ตากใหม่เดี๋ยวนี้เลย แต่นี่อะไร ล้างฟองผงซักฟอกยังไม่หมด ซักใหม่เลย” อภินันท์ดึงเสื้อในราวออกมาให้หญิงสาวซักใหม่ ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านไปอีกรอบอย่างไม่สนใจ
นิรดานั่งร้องไห้เมื่อเริ่มซักผ้าใหม่อีกรอบทั้งน้ำตา เพราะความแสบมือที่กำลังมากขึ้น คราวนี้เธอทำตามที่เขาบอกคือบิดผ้าจนแห้ง อภินันท์ออกมาดูผลงานอีกครั้งว่าเรียบร้อยดีแล้ว ก็ลากเรียวแขนบอบบางให้เดินตามเข้ามาในบ้าน
“ทีนี้ก็ไปทำความสะอาดห้องฉันด้วย เร็วๆ อย่าชักช้า อยู่บ้านหัดทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง”
อภินันท์ข่มขู่ภรรยาสาวไม่เลิกรา นิรดารีบเข้าไปทำความสะอาดห้องของเขา แต่ดูยังไงห้องมันก็สะอาดดีอยู่
อภินันท์มองร่างภรรยาสาวที่กำลังจัดเตียงโดยดึงผ้าปูที่นอนให้ตึง จินตนาการว่าถ้าเธอไม่ใส่อะไรเลย แล้วเขากำลังคลุกเคล้าร่างของเธออยู่จะเป็นเช่นไรหนอ
เขาพยายามสลัดความคิดนั้นทิ้งไป ด่าตัวเองว่ากำลังฟุ้งซ่านเกินไปแล้ว
นิรดาเริ่มทำความสะอาดห้องของนอนของเขาและเธออีกครั้ง แม้คิดว่ามันสะอาดแล้วก็ตาม เมื่อทำงานเสร็จก็ถึงเวลาที่เธอต้องเตรียมอาหารกลางวันตามที่เขาบอก
ป้าชื่นกลับมาจากตลาดแล้ว แต่อภินันท์ใช้ให้ป้าชื่นไปทำงานอย่างอื่น หน้าที่การทำอาหารจึงตกอยู่ที่เธอเพียงคนเดียว
มือน้อยแดงไปหมดเพราะแพ้ผงซักฟอก นิรดาน้ำตาไหลเพราะไม่คิดว่าเขาจะโหดร้ายเพียงนี้ ไม่นานอาหารก็เสร็จลงในเวลาใกล้เที่ยงพอดีกับที่อภิรักษ์เดินกลับเข้ามาในไร่
ชายหนุ่มสงสัยอยู่ว่าพี่ชายหายไปไหน ทำไมไม่เข้าไร่แต่ตอนนี้หายสงสัยแล้วเมื่อเห็นพี่ชายนั่งรอเขาอยู่ที่โต๊ะอาหารนั่นเอง
“อาหารน่าทานทั้งนั้นเลยนะครับ” อภิรักษ์พูดอย่างอารมณ์ดีเช่นเคย เมื่อทรุดนั่งที่โต๊ะอาหาร
“พี่สะใภ้มาทานด้วยกันสิครับ” อภิรักษ์เอ่ยปากชวนอีกตามเคย
“ไม่เป็นไรค่ะ ยังไม่ค่อยหิว”
นิรดาตอบด้วยความเกรงใจ เหลือบมองหน้าสามี เห็นเขาไม่ชวนเธอสักคำก็นึกน้อยใจ ไม่กล้าไปนั่งกินเกะกะสายตาเขาหรอก เมื่อเช้าเธอทานข้าวต้มไปไม่กี่คำตอนนี้เริ่มตาลายแล้ว เพราะในช่วงเช้าที่ผ่านมาเธอแทบจะไม่ได้หยุดพัก เขาหาเรื่องใช้งานเธอตลอด
หญิงสาวมองอาหารบนโต๊ะด้วยความหิว เธอรู้สึกว่าตาลายไปหมด อภินันท์ตักอาหารฝีมือของภรรยาสาวเข้าปาก แล้วกระแทกช้อนลงบนโต๊ะเสียงดัง จนเป็นเหตุให้อภิรักษ์และนิรดาสะดุ้งตกใจพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“นี่ทำบ้าอะไรยัยจืด ทำกับข้าวจืดชืดไม่ได้เรื่องเลยทำน้ำล้างหม้อให้ฉันกินหรือยังไง ทำไมมันถึงได้จืดขนาดนี้”
อภินันท์หาเรื่องภรรยาสาวเต็มที่ เมื่อเห็นอาการของน้องชายที่ห่วงใยภรรยาจนออกนอกหน้า
นิรดาตกใจมองอาหารอย่างไม่เข้าใจ ส่วนอภิรักษ์อ้าปากเหวอในคำพูดของพี่ชาย
“แต่พี่ใหญ่ครับ ผมว่ามัน...” อภิรักษ์พูดยังไม่ทันจบ ถูกพี่ชายตะคอกใส่อย่างไม่สบอารมณ์
“แกหุบปากไปเลยไอ้น้อย ไม่ใช่เรื่องของแก อย่ายุ่ง!”
อภิรักษ์อ้าปากค้างอีกรอบ ไม่เข้าใจพี่ชายเลยสักนิด เขาหันไปมองหน้าพี่สะใภ้ที่หน้าซีดตกใจในคำพูดร้ายกาจของพี่ชายอย่างสงสาร
พี่ชายของเขาเข้าสู่วัยทอง เมนส์กำลังจะระเหยออกจากตัวหรือยังไง
“พี่ใหญ่ แต่ผมคิดว่า...”
“อย่างยุ่งไอ้น้อย” อภินันท์หันมาทำเสียงดุใส่น้องชาย แล้วหันกลับไปพูดกับภรรยาสาวอย่างวางอำนาจ
“ไปทำมาใหม่เดี๋ยวนี้เลย ทำบ้าอะไรของเธอ”
นิรดามองอาหาร มองหน้าของเขา มองหน้าอภิรักษ์ สลับกันไปมา ดวงตาพร่าเลือนไปหมด
“ยืนเซ่ออยู่ได้ บอกว่าให้ไปทำมาใหม่ คราวนี้ให้โอกาสอีกรอบ ถ้าไม่อร่อยเธอโดนหนักแน่”
อภินันท์ขู่เสียงดังนิรดาหมุนกายด้วยความอ่อนล้า ร่างอรชรเดินไปไม่ถึงสามก้าว สติก็พลันดับวูบลงทันที
“พี่สะใภ้!” อภิรักษ์ตกใจรีบวิ่งไปรับร่างบอบบางของพี่สะใภ้เอาไว้อย่างทันท่วงที
“ไอ้น้อย! แกอย่าแตะเมียฉันนะ”
เสียงตวาดลั่นทำให้อภิรักษ์ชะงัก เกาศีรษะไปมา ไม่เข้าใจพี่ชายเลยจริงๆ ไหนบอกว่าไม่ชอบเค้า เห็นขู่เอาๆ แต่ทำไมถึงหวงจนหน้ามืด ตวาดเขาเช่นนี้
อภินันท์รีบช้อนร่างนุ่มนิ่มที่หมดสติขึ้นสู่อ้อมแขนแข็งแรงอย่างตกใจระคนใจหาย
“คุณใหญ่ขา...นั่นคุณนิรดาเป็นอะไรคะ”
ป้าชื่นที่เดินเข้ามาในบ้านถามอย่างตกใจ
“ไอ้น้อย แกโทรตามไอ้กิตหน่อย”
อภินันท์ไม่ตอบคำถามของป้าชื่น แต่กลับอุ้มร่างภรรยาสาวขึ้นห้อง เขาหันไปสั่งน้องชายให้โทรตามหมอประกิตเพื่อนสนิทของเขาทันที เพราะตั้งแต่เธอมาอยู่นี่ เป็นลมบ่อยเหลือเกิน อะไรนิดอะไรหน่อยวูบ
“เธออ่อนเพลียมาก ฉันฉีดยาบำรุงให้แล้ว”
คำวินิจฉัยของหมอทำให้ทุกคนมองอภินันท์เป็นตาเดียวกัน เขาเฉไฉหน้าแดงเล็กน้อยกับคำว่า “อ่อนเพลีย” มันตีไปได้หลายความหมาย เพราะเธอเพิ่งเข้าห้องหอกับเขาเมื่อคืนนั่นเอง แต่ใครจะรู้ว่าเขายังไม่ได้แอ้มเมียเลยสักอึ๊บเดียว!