CHAPTER 4
“สวัสดีเพื่อนๆ ที่รัก”
“รักห่าไรมึงไอ้เร็น”
สายตาของผมมองไปปะทะกับคนมาใหม่ซึ่งมันไม่ใช่ใครที่ไหนก็ไอ้เร็นนั่นแหละครับ มารยาทเสียๆ แบบนี้
“มึงหยุดเห่าเลยไอ้ยู มึงคิดว่ากูไม่รู้ไงว่าแพ้พนันพวกกูเรื่องไอ้แอล”
ใช่ ผมพนันไว้กับไอ้เร็นและไอ้คินว่ายังไงวันนี้ไอ้แอลมันต้องมาที่คลับแน่แต่น่าแปลกมากที่ไอ้เร็นมันทวงถามขึ้นมาทั้งๆ ที่ไอ้คินยังคงเงียบหรือว่า...
“ไอ้คินมึงบอกไอ้เร็นว่ากูอยู่ที่นี่ใช่ไหม?”
“เออ”
ไอ้เหี้ยคิน...
เป็นประโยคที่ผมสบถในใจ ไอ้นี่มันชอบทำอะไรแบบเงียบๆ ไม่มีใครรับรู้ว่าภายในหัวมันคิดอะไรวันๆ เห็นเอาแต่อยู่ในโรงบาล
“แล้วไงวันนี้ไอ้แอลมาแน่!”
“ไม่วะ” ไอ้เร็นพูดขึ้นพร้อมนั่งลงตรงโซฟา
หมายความว่าไง?
คงไม่ใช่ว่าไอ้แอลหักหลังผมหรอกใช่ไหมก็มันสัญญาแล้วว่ายังไงวันนี้จะโผล่หัวมาแต่ทว่าตอนนี้มันก็ดึกพอสมควรผมยังไม่เห็นหัวมันเลย
“ไอ้แอลมันหักหลังมึงไงไอ้ยู”
ไอ้คินพูดพร้อมยักคิ้วด้วยความเหนือกว่าส่งมาให้ผมจากนั้นเสียงหัวเราะของพวกมันสองคนก็ส่งตามมาติดๆ
“พวกมึงอย่าคิดทำอะไรลูกกูนะเว้ยไอ้เหี้ยเร็น ไอ้ห่าคิน!”
น้ำเสียงหนักตะคอกสาดใส่เพื่อนทั้งสองด้วยความจริงจังใบหน้าเรียวมีคิ้วขมวดเป็นเส้นตรงยาวแทบชนกันอย่างเห็นได้ชัดเจนไม่ต้องสังเกตก็ประจักษ์แก่สายตาผู้ร่วมสนทนาทั้งสอง
ผมรู้ดียิ่งกว่าอะไรเมื่อได้เห็นสายตาของไอ้เร็นและไอ้คิน หัวสมองของพวกมันสองคนคิดเรื่องที่ทำให้ผมเดือดร้อนเป็นแน่อยู่กับพวกมันจนรู้ไส้รู้พุงหมดแล้วครั้งนี้ก็เดาไม่ผิด
“ถ้าพวกกูคิดล่ะ?”
“เออจริงไอ้คิน ถ้าพวกกูคิดมึงจะทำอะไรได้วะไอ้ยู?”
ประโยคแรกไอ้เร็นตอบรับคำพูดของไอ้คินที่กำลังรวมพวกกันอยู่ส่วนประโยคถัดมามันกับเบี่ยงใบหน้ามาทางผมพร้อมกับยิ้มแบบกวนๆ
“อย่าแม้แต่จะคิดหรือทำเพราะกูจะทำกลับเหมือนกัน”
ว่าแล้วผมก็ก้มลงทำงานต่อโดยที่หูได้ยินพวกมันคุยกันเรื่องทั่วไปและไม่ผุดเรื่องที่ผมแพ้พนันอีกด้วยซ้ำไปจากนั้นอีกสักพักหนึ่งไอ้คินก็ออกไปก่อนบอกแค่ว่าต้องไปนอนมีเวรเช้าพรุ่งนี้เพราะฉะนั้นในห้องจึงมีผมและไอ้เร็นเท่านั้น
“เฮ้ย! ไอ้ยูมึงตั้งใจทำงานขนาดนั้นเชียว?”
“ก็เพราะมีหุ้นอย่างพวกมึงไงกูถึงต้องรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง”
ถ้อยคำหลอกด่าของผมนั้นทันธรรมดามากจนไม่สามารถทำระคายเคืองผิวหนังและการรับรู้ของไอ้เร็นนักหรอกอีกอย่างไอ้นี่บ้านรวยจะตายไป
รวยจนมันไม่แคร์อะไรใครโกงก็ช่างแม่งแต่ถ้าไอ้เร็นมันรู้ก็คือตายสถานเดียว
“ทำเป็นพูดดี แบบนี้มึงไม่กลับบ้านอีกแล้วใช่ไหม?”
“กลับเพื่อไรวะ?”
นัยน์ตาลสีน้ำตาลที่นั่งทำงานชะงักไปสักพักก่อนที่จะตอบผมกลับมาแบบไม่แคร์อะไรมาก ผมก็ไม่รู้อะไรกับเรื่องของไอ้ยูนักหรอกแค่รู้ว่ามันไม่ถูกกับพ่อมาตั้งแต่สมัยอยู่มอปลายแล้วจนกระทั่งปัจจุบันมันอายุยี่สิบสองเรียนปีสุดท้ายก็ยังไม่ดีกัน พวกเราไม่มีใครอายุเท่ากันหรอกครับจะมีไล่เลี่ยกันเท่านั้นเอง
“เออไม่กลับก็ไม่กลับ”
“แปลกๆ นะพวกมึงคิดจะทำอะไรวะไอ้เหี้ยเร็น?”
ติ้ง!
ทันทีที่ผมถามจบประโยคเสียงข้อความจากโทรศัพท์ไอ้เร็นก็ดังขึ้นในขณะที่มันก็เล่นโทรศัพท์ตั้งแต่ที่ไอ้คินออกไปแล้ว
“ไปแล้วมึงไม่ต้องมาจับผิดกู”
สุดท้ายในห้องนี้ก็มีผมเพียงแค่คนเดียว ทุกอย่างวันนี้มันดูซวยๆ หรือว่าผมจะคิดไปเองกันแน่ทั้งการกระทำของไอ้คินและไอ้เร็นพวกมันดูยอมๆ ยังไงพิกล คิดดูสิว่าผมเป็นคนแพ้พนันในครั้งนี้แต่พวกมันกับทำท่าเฉยๆ ไม่ทวงติงอะไร
มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่าทะเลที่มีคลื่นสงบนิ่งสวยงามแสดงให้ผู้คนได้เห็นนั้นภายใต้ท้องทะเลกับมีคลื่นน้ำลูกใหญ่ที่กำลังเกิดการปั่นป่วนมันจะใช่กับเหตุการณ์ที่ผมกำลังเจอใช่ไหม ผมไม่มีทางที่จะคิดมากไปคนเดียวแน่นอนยังไงกลุ่มวายร้ายมันต้องร้ายสมชื่อกลุ่มอยู่วันยังค่ำ
พวกมึงคิดจะทำอะไรไอ้เพื่อนห่าราก!
พรึ่บ!
สมุดบัญชีถูกปิดด้วยมือหนาเป็นอันว่าวันนี้ทุกอย่างได้จบลงแล้วโดยเฉพาะเรื่องงานในคลับผมเตรียมตัวใส่แจ็คเก็ตยีนสีซีดขาดๆ ทับเสื้อยืดสีขาวก่อนเดินออกจากห้องตรงไปสั่งงานลูกน้องอีกแป๊บเดียว
สายตาสีน้ำตาลมองไปรอบๆ เพื่อสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลับดุจสายตาของพญาเหยี่ยวเมื่อเป็นที่พอใจแล้วก็เบี่ยงตัวออกทางด้านหลังมือใหญ่ควงกุญแจรถชูขึ้นหมุนไปเรื่อยๆ พร้อมกับการผิวปากเป็นเสียงอย่างอารมณ์ดี วันนี้เป็นวันที่...
“เหี้ย!”
เสียงทุ้มสบถออกมาสะท้อนดังทั่วลานจอดรถจากที่สายตาอ่อนโยนกลายเป็นแข็งกระด้างขึ้นมาทันใดอีกทั้งยังจับจ้องไปที่ล้อรถของตัวเองแทบไม่กระพริบ ล้อรถที่แบนราบเรียบไปกับพื้นมันไม่ใช่แค่ล้อเดียวนะ
มันแบนทั้งสองล้อ!
ไอ้สัสเร็น ไอ้สัสคินมันเล่นลูกรักผมแล้ว!
เท้าใหญ่ก้าวเข้าไปใกล้กับรถฮาร์เล่ย์สีดำที่บอกได้เลยว่าเป็นลูกรักของผมมากกว่ารถสปอร์ตที่ถูกจอดทิ้งไว้ข้างกันส่วนมากการใช้ฮาร์เลย์จะเป็นที่ชื่นชอบสำหรับผมมากกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า มันไม่ยุ่งยากอีกทั้งยังสะดวกรวดเร็วในความคิดของผม
~ค่าพนันนะเพื่อนรัก อิอิคิคิ~
“อิอิคิคิพ่องมึงสิ!”
โน้ตสีเหลืองเด่นถูกติดไว้ที่รถประจักษ์แก่สายตาของผมจนฝ่ามือต้องรีบจัดการขย้ำทิ้งทันทีราวกับมันเป็นของร้อน ผมค่อยๆ นั่งลงยองๆ ข้างกับลูกรักของตัวเอง
เรียกว่าเป็นการไว้อาลัยมากกว่า ขึ้นชื่อว่าของรักอะไรๆ ที่ขึ้นชื่อนี้ความหวง ความห่วงและความรู้สึกต่างๆ มันก็แสดงออกมาได้ทั้งนั้น
“องุ่นลูกรัก...”
ปึก!
มือใหญ่ที่กำลังจะเข้าไปสัมผัสลูกของตัวเองอีกสักครั้งนั้นต้องค้างกลางอากาศชะงักค้างอยู่แบบนั้น
“เฮ้ย! เหี้ยอะไรอีกวะ!”
เสียงทุ้มดังขึ้นกว่าเก่าแต่มันก็แค่ลมปากต่างจากการกระทำมากในเมื่อมือใหญ่แกร่งรีบตวัดไขว่ไปทางด้านหลังเพื่อจับรับร่างเล็กที่ทิ้งน้ำหนักตัวลงบนหลังเขาเต็มๆ เรียกได้ว่าไม่ออมแรงมากกว่ามีเท่าไหร่ใส่ลงมาเลยแบบนี้ ใบหน้าของผมแทบชนกับองุ่นถ้าตั้งตัวไม่ทันมีหวังได้ทำหน้าใหม่แน่
แม่ง! อะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้วะ
“ไปเลยคะพี่คืนนี้หนูพร้อมแล้ว....อึก”
แขนเล็กเริ่มขยับกอดลูบคลำลำคอของผมยิ่งกว่าหนวดของปลาหมึกเสียอีก กลิ่นของเหล้าฉุนออกมาจากคนบนหลังของผมนั้นก็เริ่มส่งมาเรื่อยๆ ตลอดเวลา มันโคตรเหม็นที่สุดแล้วทำไมสาวๆ ที่ผมควงออกไปจากคลับเพื่อไปต่อนั้นทำไมถึงไม่บ่นสักคำ
หรือเพราะเงิน?
เหลือเชื่อเลยจริงๆ ว่าจะทนได้
ความซวยที่เกิดขึ้นยังมีความซวยอันซ้ำซ้อนก่อขึ้นอีกจากระดับหนึ่งมาถึงระดับหนึ่งแล้วเหมือนการเล่นเกมเลยวะที่ต้องการเคลื่อนเวลขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ความชวนคลื่นไส้อาเจียนเริ่มก่อตัวขึ้นกับร่างกายของตัวเองแล้วแม่คุณที่อยู่บนหลังก็ดิ้นไปมาโดยไม่กลัวตก
มันจะอะไรกันนักหนาวะวันนี้!
“อือ...พี่หนูบอกพร้อมแล้วงาย....”
การมีผู้หญิงมาถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้แล้วความจริงมันโคตรดีที่สุดเลยก็ว่าได้ถ้าไม่มาในสถานการณ์ที่ผมกำลังหัวเสียอยู่แบบนี้ ผมลุกขึ้นก่อนออกแรงตวัดผู้หญิงคนดังกล่าวเข้ามาในอ้อมกอด
“นี่เธอ!”
การเผชิญหน้าแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่าจะเป็นคนเดียวกับยัยขี้เมาคนนั้น! สิ่งที่แตกต่างกันก็มีเพียงใบหน้าที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางแดงขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะแก้มทั้งสองข้าง การทรงตัวแทบยืนไม่ได้เลยแต่ยังขี้อ่อยมากขึ้นเป็นเท่าตัว
“เธอหนาย....” เสียงหวานลากยาวจากนั้นก็ชี้นิ้วมือเข้าหาตัวเอง “นี่ๆ นี่วิตตาต่างหาก”
“…”
“พี่หนูพร้อมแล้ว...”
“เออดี! กูจะพร้อมแล้วอารมณ์จะดีกว่านี้ถ้าไม่โดนไอ้พวกนั้นปล่อยยางแบนขนาดนี้” แต่รอยยิ้มหลังจากที่พูดประโยคนี้ออกมามันกลับตรงกันข้าม “แน่ใจว่าให้สนอง?”