CHAPTER 3

1294 คำ
CHAPTER 3 บทบรรยายพิเศษ: วิตตา “เอาหน่าปลดปล่อยบ้างคงดี!” การให้กำลังใจตัวเองในการมาสถานที่รื่นรมย์ครั้งแรกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไหนๆ คืนนี้ก็ศุกร์หรรษาแล้วเอาให้มันเต็มที่ไปเลยแล้วกัน การฉายเดี่ยวเดินเข้ามาในคลับชื่อดังแห่งหนึ่งนั้นไม่ทำให้ฉันเสียความมั่นใจไปหรอก ให้เรียกว่าสร้างความมั่นหน้าวิตตา การแต่งตัวก็เรียกได้ว่าชนะเริดเรียกสายตาจากนักท่องราตรีทั้งหลายได้จำนวนหลากหลายคู่ ด้วยชุดสีเหลืองนุ่มรัดรูปอีกทั้งยังเป็นแบบเกาะอกบวกกับสไตล์การแต่งหน้าที่โฉบเฉี่ยวโทนน้ำตาลเข้มรับกับหมวกแก๊ปสีดำเข้มและต่างหูวงใหญ่สีทองนั้นสามารถสร้างความโดดเด่นไม่น้อยว่าแล้วร่างเพรียวก็เดินมานั่งตรงเคาน์เตอร์จากนั้นก็สั่งเครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าขึ้นมาดื่มโดยที่ไม่ได้สังเกตคนรอบๆ ตัว ที่แห่งนี้พลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากน่าหลายตาทั้งที่ไม่รู้จักและรู้จักกันเสียงเพลงเรียกให้ทุกคนลุกขึ้นเต้นปลดปล่อยสิ่งที่ตัวเองกักเก็บเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ต่างๆ หลายครั้งเหมือนกันที่ฉันเองก็เลือกน้ำเมาเป็นทางออกให้กับหลายปัญหาที่เข้ามารุมเร้าไม่ขาดสายแต่พอสร่างเมาทุกอย่างมันก็กลับเป็นเหมือนเดิม คิดอะไรมากล่ะ? ผ่านไปวันๆ ก็ดีไม่ใช่? ลืมไปชั่วขณะก็ดีกว่ามันลืมนิว่าไหมทุกอย่างมีทางออกทั้งนั้นแหละแล้วเมื่อไหร่ที่เวลาฉันเมาชีวิตมันจะเปลี่ยนไปบ้าง อยากรู้ อยากรู้โว้ย! เจ้าจะซวยเพราะน้ำเมารักเขาเพราะน้ำรัก หึ เสียงหัวเราะดังอยู่ในลำคอหลายทีมือสวยก็เขย่าแก้วเหล้าแบบนั้นเรื่อยๆ จะซวยเพราะน้ำเมาได้ยังไงแม่หมอ.... ดื่มมาเป็นสองชั่วโมงแล้วยังไม่เห็นมีอะไรเลย แล้วน้ำรักคืออะไรวะ? น้ำไอ้นั่นของผู้ชายเหรอ? เรื่องนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้จริงๆฉันไม่ได้ดูถูกการดูหมอหรือดูดวงกับกันกับชอบเรื่องพวกนี้ ชอบการชี้แนะถึงจะรู้ว่าจริงหรือไม่จริงแต่ได้แก้ไขมันก็ทำให้อุ่นใจ การควบคุมตัวเองลดลงทีละน้อยๆ จนในที่สุดร่างสวยก็ฟุบคาเคาน์เตอร์ไปอย่างรวดเร็วแต่ไม่นานก็ผุดเด้งตัวขึ้น “แด่ความเจ็บซ้ำที่เกิดในวันนี้!” สติสตางค์เริ่มออกจากร่างกายไปเรื่อยๆ ถึงขนาดยื่นชูแก้วเหล้าชนกับคนนั่งข้างๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นใครหน้าไหนชื่ออะไร “ชนๆ ” เมื่อเห็นว่าเขาไม่ชูแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นมาชนร่วมกัน เธอก็ขยับเข้าไปใกล้ๆ ก่อนถือวิสาสะเข้าไปจับมือใหญ่ขาวนั้นคว้าแก้วเหล้ามาชนกับแก้วของเธอราวกับคนบ้าคนบอ “เฮ้ย! ก็บอกให้ชนไงวะ ใจใจไม่รู้จักหรือไง๊!” อึกๆ “อีกแก้วน้อง เอาเต็มๆ” มือเรียวขาวเข้าไปกอดลำคอแกร่งนั้นไว้ “เดี๋ยวชนกับพี่อีกแก้วนะน้อง ดื่มเป็นเพื่อนกันสนุกๆ” พอเห็นว่าแก้วของตัวเองได้แล้วฉันก็กลับไปนั่งที่เดิมนิ่งๆ แต่ยังมองคนข้างตัวมองผ่านๆ ด้านข้างหล่อดีแต่ ทว่าแม่เจ้า! พอหมอนี่หันหน้ามาเผชิญฉันแบบตรงๆ เขาโคตรหล่อ ผิวขาวอย่างดาราเกาหลีจมูกโด่งเป็นสันเขื่อนรับกับใบหน้าที่มีกรามเรียวยาวลงตัวมากยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล สายตาคู่นั้นออกแววเจ้าชู้นิดๆ ไม่ถึงกับมากยิ่งในยามที่ริมฝีปากแดงระเรื่อกระดกเหล้าเข้าปากยิ่งหน้ามองไปใหญ่ “หล่อ...” หล่อมาก... หล่อมากกว่าไอ้เตวิชหลายล้านเท่าบางทีฉันควรมองคนอื่นๆ ได้แล้วจมปลักกับความรู้สึกแบบนั้นมันไม่โอเคแล้ว ไม่โอเคจริงๆ “เมาเปล่าวะ?” เขาพูดอะไรนะ? พูดให้ได้ยินอีกนิดไม่ได้หรือไงแบบดังๆ อ่ะ พูดดังๆ ดิ พูดอะไรบางอย่างจากนั้นก็ลุกจากไปไม่หันมามองฉันอีกอย่างที่เขาพูดฉันได้ยินไม่ถนัดเลยการรับฟังมันสะดุดไปเรื่อยๆ อึก! จากนั้นร่างกายของฉันก็สะอึกเรื่อยๆ ถี่ขึ้นๆ ก่อนที่การรับรู้ทั้งหมดมันจะตัดภาพออกไป จบการบรรยายพิเศษ: วิตตา ปึก! “อะไร หนีอะไรมาวะ?” น้ำเสียงยืดเยื้อมาพร้อมกับมือใหญ่หนาถูกส่งมาตบลงบนไหล่กว้างของผมทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องประจำแห่งนี้ ชั้นสองห้องนี้ไม่สามารถมีเสียงเพลงเข้ามารบกวนส่วนมากจะใช้เป็นที่ทำงานของพวกเราที่แบ่งเวรผลัดเปลี่ยนเข้ามาดูแลอาทิตย์หนึ่งก็คนละวันพอดิบพอดีไม่ขาดไม่เกิน แต่ระยะนี้มีจำพวกหนึ่งจะไหว้วานมาเข้าเวรแทนคนจำพวกนี้ผมแบ่งพวกมันอยู่โซนเป็นประเภทคนติดเมีย ไอ้ซัน ไอ้เทน ไอ้โจเนสและก็ไอ้แอล สี่คนเพื่อนกรรมเพื่อนเวรมักหายหัวไม่เห็นหน้ามาเกือบสองอาทิตย์แล้วก็อ้างโน่นอ้างนี่เหตุผลร้อยล้านแปดแสนเพื่อที่จะได้อยู่กับเมียมีแต่ผมสามคนเท่านั้นที่ช่วงนี้เห็นหน้ากันเป็นประจำจะเป็นใครไปไม่ได้คนหนึ่งก็ตบไหล่ผมอยู่ตอนนี้ไง “มึงไม่ไปโรงบาล?” เมื่อแหกตาตัวเองมองไปยังร่างสูงข้างกายที่ส่ายหัวไปมาแทนคำตอบผมก็รับรู้ดี “เออดีจริงคนข้งคนไข้ไม่ต้องไปดูแล เป็นหมอเหี้ยไรของมึงไอ้คิน” หมอ ไอ้คินมันเป็นหมอครับทุกคน หมอที่นิสัยการทำตัวตรงข้ามกันมากที่สุดถ้าผมเป็นคนอื่นๆ ไม่คิดว่ามันมีอาชีพนี้แน่ “เป็นหมอรูปหล่อพ่อรวยประจำโรงบาลมั้ง” พูดจบมันก็เดินไปนั่งลงบนโซฟาที่ตั้งไม่ห่างนัก ท่าทางไม่สนโลกแบบนี้แสดงว่ามันพึ่งออกมาจากโรงพยาบาลแน่ “แล้วมึงหนีมาเพื่อไร มีสาวสวยนั่งข้างกายขนาดนั้น” มันเห็นด้วยเหรอ? ตาบอดมั้งที่ว่ายัยนั่นสวย? ผอมแห้งแรงน้อยขนาดนั้น สวยที่ไหน? “ยัยนั่นเนี่ยนะ ขี้เมาไปทั่วนะสิ” ผมตอบไอ้คินจากนั้นก็เดินมานั่งที่โต๊ะทำงานภายในห้องนี้ก่อนจะพลางคิดถึงผู้หญิงคนเมื่อกี้เมาแล้วระรานคนอื่นไปทั่วไม่สำเหนียกตัวเองบ้างว่าดื่มได้ถึงระดับไหนคงเชื่อมั่นในตัวเองสูงมากว่าคอคงแข็งเป็นท่อพีวีซีไม่เมาอย่างงั้นเหรอแล้วสุดท้ายผลเป็นไงล่ะมันก็สลบฟุบคาเคาน์เตอร์ไปแบบนั้นแล้วไม่รู้ด้วยว่าจะถูกใครหิ้วไป มันไม่ใช่เรื่องของผมที่ต้องรับรู้... “ไม่ใช่เด็กมึงหรอ?” เหี้ย! ถึงผมจะควงมัวไม่รู้จักหลีกเลี่ยงผู้หญิงที่เข้ามาแต่บอกได้เลยว่าไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นเป็นแน่ผู้หญิงอะไรผอมแห้งแรงน้อยเนื้อนมไม่เห็นสักแห่งบนตัวของยัยนั่นเลยไม่รู้ว่าร่างกายหยุดการเจริญเติบโตไปตั้งแต่มัธยมปลายแล้วหรือเปล่า “เด็กบ้าอะไรไม่ใช่วะ” มีแค่เสียงที่ส่งออกมาจากในลำคอของไอ้คินเท่านั้นเป็นอันว่าจบประโยคการสนทนาไปโดยปริยายมีแต่นั่งเงียบๆ แดกเหล้าเท่านั้นส่วนผมก็ต้องเคลียร์กับบัญชีในมือความจริงแล้วมันเป็นยอดของเมื่อวานที่ผู้จัดการสรุปไว้ให้ส่วนผมก็ต้องตรวจอีกครั้งหนึ่ง “สวัสดีเพื่อนๆ ที่รัก” “รักห่าไรมึงไอ้เร็น”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม