CHAPTER 2
การทำงานในช่วงเช้านั้นมันเดินมาอย่างรวดเร็วเหลือเกินวันนี้โลกของฉันเปล่งประกายสีชมพูไปหมด รอยยิ้มที่เพื่อนในที่ทำงานต่างแซวอย่างไม่ขาดสายจนฉันแทบละลาย ฉันและเตวิชแยกย้ายกันทำคนละแผนกแต่ฉันก็ยังเห็นเขาอยู่ผ่านกระจกใสไกลๆ
“ยิ้มไม่หุบเลยนะวิตตา”
“เพกาอย่าแซวสิ” เพราะถึงเวลาเที่ยงแล้วฉันยังนั่งที่โต๊ะทำงานเพื่อรอเตวิชแต่เพกาเพื่อนสนิทที่สุดในที่ทำงานก็ทักขึ้นก่อน “แล้ววิตตารู้จักเตวิชดีแล้วเหรอ?”
“เขาเป็นคนดีนะเพกา” ฉันตอบด้วยความมั่นใจ
“งั้นเหรอ เราไม่กวนละขอตัวไปทานข้าวกับสามีก่อนนะ”
เพกามีสามีเมื่อไหร่?
หรือว่ามีนานแล้วแต่ฉันตกข่าว?
ไอ้ประโยคพวกนี้มันยังอยู่ในหัวสมองฉันอยู่แต่ก็ช่างเถอะเธออาจจะมีเหตุไม่บอกใครก็เป็นได้ยังไงวันหนึ่งฉันก็ต้องรู้อยู่ดี การนั่งรอเตวิชลุล่วงเวลามาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วหรือว่าเขายังมีงานที่ทำไม่เสร็จ
จะไปหาเขาที่แผนกดีไหม?
สายตาสีดำมองไปยังกระจกใสที่ตอนนี้ไร้ผู้คนก่อนที่จะลุกขึ้นตัดสินใจเดินไปทันที
“ทำไมต้องไปคบกับยัยนั่น?”
เสียงนั่นทำเอาฉันชะงักปลายเท้าที่เดินอยู่ถึงยังไม่เห็นอีกฟากว่าใครเป็นคนพูดก็ตามแต่ มันคงเป็นเรื่องสำคัญพอสมควรหนักเอาการเลยทีเดียวเท่าที่รับรู้
เหมือนจับได้ว่าแฟนตัวเองคบกับคนอื่น
“…”
“ฉันถามนายอยู่นะเตวิช!”
เตวิชอย่างงั้นเหรอ...
แผนกนี้ยิ่งมีคนเดียว...
การที่มาได้ยินอะไรแบบบังเอิญมันไม่เท่ากับมาได้ยินชื่อนี้ หัวใจของฉันมันเต้นรัวมาขึ้นกว่าเดิมจนเรียกได้ว่าผิดปกติแล้วความชาวาบก็เริ่มเข้ามาเล่นงานตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ในเมื่อออฟฟิศนี้คนชื่อนี้ก็มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
“…”
“อย่าเงียบแบบนี้ เพถามก็ตอบมา!” เสียงแหลมเล็กตะคอกดังขึ้นอีกครั้ง
เพอย่างงั้นเหรอ…
เป็นครั้งที่สองที่เหมือนกับว่าใครมาเล่นตลก ผู้หญิงที่พูดนั้นชื่อเพทำไมมันถึงได้คล้ายคลึงกับคนรอบตัวฉันไปหมดแล้ว
เตวิช... เพกา...
ไม่ใช่มั้งโอ้ย ไม่คิดแล้วปวดหัว...
“ก็เล่นๆ”
น้ำเสียงสำเนียงแบบนี้ยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำชั้นดีว่าสิ่งที่ฉันคิดก่อนหน้านั้นมันอาจจะเป็นความจริง ก็ตอนที่ได้ยินเสียงจึงรีบก้าวเข้าไปแอบดูทันที
“ทั้งๆ ที่เตมีเพอยู่เนี่ยนะ!”
“ก็บอกว่าเล่นๆ ไงเพ” น้ำเสียงนุ่มเริ่มแข็งขึ้นแต่แขนแกร่งยังโอบตัวของเพกาเข้ามากอดไว้นิ่งๆ “อย่าคิดมาก”
ฟ้าถล่มดินทลายกับชีวิตของฉันแล้วในสิ่งที่ฉันเห็นนั้นมันยิ่งกว่าผู้ชายคนนั้นคือเตวิชส่วนผู้หญิงก็คือเพกา
ให้ตายสิ! สิ่งที่เกิดขึ้นตอนเช้านั่นมันเป็นแค่เรื่องเล่นๆ อย่างงั้นเหรอ ผู้ชายที่ฉันแอบรักแอบหลงความจริงสันดานเป็นแบบนี้
สันดานชั่ว!
“ยัยวิตตาแค่ของเล่นใช่ไหมเต?”
“อือ คิดมากเพ”
ความคิดของฉันในตอนนี้อยากจะไปไกลๆ ออกจากสถานการณ์ที่ได้เห็นแต่แล้วทุกอย่างร่างกายกับทำตรงกันข้ามเพราะตอนนี้ฉันเดินเข้าไปในสถานการณ์บ้าๆ แบบนี้แล้วสายตาเบิกกว้างของเตวิชที่จับจ้องมองฉันอยู่ก่อนที่จะรีบผลักร่างเพกาออก
“ไม่คิดว่าจะยอมนะ”
ครานี้เป็นเพกาที่หันกลับมาจ้องมองฉันด้วยแววตาตกใจก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นนิ่งๆ พร้อมกับคล้องแขนของเตวิชไว้อย่าห่วงแหนยิ่งกว่าเป็นโบราณวัตถุของหายากในช่วงสมัยกรุงสุโขทัยก็ไม่ปาน ถึงจะหายากราคาแพงมากแค่ไหนบอกเลยว่าเอาไปเลย
เอาไปให้ไกลๆ
“คือมัน...” เตวิชเริ่มพูดติดๆ ขัด “วิตตามาได้ยังไง?”
ถามโง่ๆ
ฉันอยากจะตอบโต้ไปแบบนี้เหมือนอย่างที่คิดแต่ก็เลือกไม่ทำไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงยืนนิ่งๆ เฉยๆ เอาไว้จนกระทั่งเสียงแหลมของเพกาพูดขึ้น
“เมื่อกี้ว่ายังนะวิตตา อะไรที่ไม่คิดว่าจะยอม”
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะยอมเชื่อผู้ชายแบบนี้” สายตาสีดำเบี่ยงไปมองเตวิช “ในเมื่อเขาพูดว่าเล่นๆ กับฉันแล้วทำไมเธอไม่คิดบ้างว่าตอนนี้ ขณะนี้ เวลานี้เขาก็อาจจะแค่เล่นๆ กับเธอก็ได้”
“…”
ประโยคนี้สร้างว่าขุ่นใจให้กับผู้ฟังเป็นอย่างมาก ผู้หญิงที่ในสายตาคนอื่นๆ จะว่าอะไรยังไงเธอก็ไม่สนแต่ในเวลานี้มันกับไม่ใช่สายตาสีดำนั้นมีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่
สายตาที่ไม่ยอมคน!
“ใช่ไหมล่ะเตวิช?” ฉันถามเตวิช
“…”
“ไม่จริง ฉันคบกับเตวิชมาก่อนเธอวิตตา ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองแน่แฟ้นยิ่งกว่าคนอย่างเธอจะเข้ามาทำลายมันได้”
เตวิชไม่ตอบแต่มีเสียงเพกาตะคอกดังขึ้น
“จะคบก่อนคบหลังก็ไม่ใช่ว่าจะแทงข้างหลังกันไม่ได้!”
“…”
สงครามน้ำลายระหว่างฉันกับเพกาเริ่มขึ้นแล้ว
“ที่สำคัญเธอกับเตวิชจะคบกันนานเท่าไหร่ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องรับรู้เพราะฉันจะถือว่าตัวเองไม่ได้คบกับผู้ชายคนนี้!”
“ให้มันแน่เถอะเธอเองไม่ใช่หรือไงที่ไปขอคบเขา?”
นั่นสิฉันเองที่โง่!
แต่ต่อจากนี้ไปฉันไม่มีวันโง่งมงายกับผู้ชายคนนี้อีกแล้วและจะไม่โง่ให้กับผู้ชายหน้าไหนที่เข้ามาในชีวิต เห็นเพียงแค่รูปร่างที่ดูดีพูดจาโคตรอ่อนหวานลุคอบอุ่นมันไม่ใช่แล้วสมัยนี้
จำไว้เราไม่ใช่ควายวิตตา
“เวลาครึ่งวันไม่นับหรอกเชิญเธอสบายใจได้เลยเพกา”
“…”
“จะถือว่าฉันเล่นๆ ก็ได้”
ยังไงทุกอย่างก็ต้องจบจะคิดว่าผู้หญิงอย่างฉันเป็นอะไรก็ตามแต่ ฉันมันก็แค่พนักงานคนหนึ่งที่ไม่มีสิทธิห้ามความคิดคนอื่นได้
ปลง...
“ก็ดี”
“แต่ฉันขอถามเธอหน่อยทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่แรกว่าคบกับเตวิชในเมื่อเราทำงานแผนกเดียวกัน โต๊ะนั่งติดกัน เมื่อกี้ยังมีเวลาบอกเลย?”
“ฉัน....”
“อย่าขอโทษมันไม่มีประโยชน์”
ฉันรับรู้ว่าแววตาเพกานั้นรักเตวิชมากเพียงไหนแล้วทำไมจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงยอมไม่บอกฉัน ความรักทำให้คนตาบอดเป็นเรื่องจริงสินะ
“…”
“ยังไงทุกอย่างที่เกิดขึ้นขอให้จบตรงนี้ พวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแค่เพื่อนร่วมงานสถานะเดียวก็พอ”
ว่าแล้วฉันก็เดินออกมาไปร้านกาแฟด้านล่างกลางวันนี้ทานแค่ขนมไปก่อนแล้วกันความอยากอาหารลดลงเกือบครึ่งจนฉันคิดว่าไม่ควรกงกินมันแล้วล่ะ อารมณ์ความต้องการทางปากและท้องไม่มีเลยเหมือนขนมและกาแฟที่สั่งมาตรงหน้าไม่มีรสชาติอะไรนอกจากความจืดชืด
เฮ่อ...
เป็นแฟนกันครึ่งวันดีเหลือเกินชีวิต!
“ชายน้อยแห่งความรักเล่นงานฉันแล้วสิ”