CHAPTER 6
“ลองคิดแล้วเหรอ?”
ผมนั่งลงตรงปลายเตียงมองดูผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าโคตรแปลกเป็นคนอื่นคงร้องไห้ฟูมฟายเอาเป็นเอาตายเรียกร้องให้ผมรับผิดชอบด้วยเงินทองทั้งนั้นไม่มีสักคนที่จะโทษว่าเป็นการกระทำของตัวเองเว้นแค่คนตรงหน้าเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เคยเจอ จะว่าไปแล้วการเจอกันของผมและเธอนั้นมันไม่ธรรมดาเหมือนกันนะมีเรื่องต่างๆ เข้ามาพัวพันเสมอโดยเป็นฝีมือของเธอเอง
น้ำเมาเปลี่ยนนิสัยคนจริงๆ จากที่ดูนิ่มๆ ติ๋มๆ เป็นคนร้อนแรงยิ่งกว่าไฟแล้วก็สร้างเรื่องราวอันแสนชวนปวดหัวกวนตีนได้โล่ในคราเดียวกันรู้ไหมว่าเธอทำอะไรกับผมบ้าง? ผมจะเล่าให้ฟัง
“แน่ใจว่าให้สนอง?”
จบประโยคที่ผมถามริมฝีปากบางก็จู่โจมเข้ามาครอบรองริมฝีปากของผมอย่างบ้าคลั่งด้วยความหื่นกระหายอย่างไม่สิ้นสุด ลมหายในที่ติดห้วงผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ยิ่งเป็นตัวดึงดูดมากเพราะมันช่างหอมหวานกว่าปกติที่ผมเคยได้จากคนอื่น
คราแรกที่เข้ามาในความคิดของผมนั้นก็คือผู้หญิงคนนี้เล่นยาแน่ๆ ไม่อย่างงั้นจะมีความกล้าขนาดนี้เหรอแต่ทว่าไปๆ มาๆ มันไม่ใช่อาการของคนเล่นยากับเหมือนเธอมีแค่ความเมามายที่เอาสติสตางค์ตัวเองไม่อยู่ก็เท่านั้น
เป็นการจูบที่บอกได้ว่าโคตรห่วยที่สุดเท่าที่เจอมา
อือ!
เสียงขัดใจคราออกมากพร้อมกับใช้สายตามองผมด้วยความไม่พอใจขั้นสูงสุด ใบหน้าสวยเฉี่ยวบิดเบี้ยวไปกับแรงโกรธนิดๆเมื่อผมผละเธอออกจากตัวเอง
“สนองไม่สนองฉันก็อยู่ตรงหน้าแล้วงายย...” ร่างบางแทบทรงตัวไม่อยู่ยังจะปากดีไปเรื่อย “หรือว่า.....ฮ่าๆ นายไม่กล้า”
หัวเราะเหรอ?
ช่างกล้า!
ร้อยทั้งร้อยผู้ชายไม่ชอบประโยคแบบนี้นักฟังแล้วมันโคตรไม่ถูกหูกับการดูถูกแบบนี้สักเท่าไหร่นักแม้กระทั่งผมเองก็เถอะถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นผู้ชายเลือดคงกลบปากแล้วสลบไปเรียบร้อยถึงจะเมาอยู่ก็ตามแต่ความเป็นจริงไม่ไม่ใช่เมื่อเธอเป็นผู้หญิงไงการทำแบบนั้นจึงต้องตัดออกจากความคิดผมไปห่างๆ ถึงรอดจากการกระทำแบบนั้นแต่เรื่องอื่นบอกเลยว่าไม่รอด!
“ปากดีจัง” น้ำเสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นช้าๆ “แต่ถ้าจูบแบบห่วยๆ เรื่องอย่างว่าก็คงไม่ต่างกันว่าไหม?”
“ลองไหมล่ะ?” เสียงหวานตอบออกมาด้วยความท้าทาย
หมับ!
มือใหญ่เข้ามาเหนี่ยวล็อคแขนเล็กเสมือนกรงเล็บเหยี่ยวขย้ำเหยื่อก่อนจะใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีลากร่างเล็กที่ยืนไร้เรี่ยวแรงเข้ามาในรถที่ถูกจอดข้างองุ่นลูกรักของผม รถทะยานออกไปอย่างรวดเร็วตามอารมณ์ผู้ขับบวกกับการสนทนาถูกตัดขาดมีเหลือไว้เพียงความเงียบงัน แต่บอกเลยว่ามันไม่ได้ทำร้ายร่างบางที่นั่งข้างประจำคนขับนักหรอกเพราะว่านาทีนี้เธอคงรับรู้อะไรไม่ได้มากเท่าไหร่ถึงจะพยายามคงสติเอาไว้ให้มากที่สุด
“คนเรากล้าท้าทายคนอื่นโดยไม่มองดูตัวเองนั้นเธอรู้ไหมว่ามันเท่ากับแพ้ตั้งแต่เริ่มต้น!” ก่อนที่จะทำอะไรควรมองคู่ต่อสู้แล้วก็หันมามองตัวเองด้วยว่าอยู่ในความพร้อมเท่าไหร่ถึงจะกล้าเอ่ยปากท้าทายออกไปมันถึงจะชนะ “ตอนนี้เธอก็เหมือนกัน”
“พูดอะไร ฉันถามว่านายพูดอะไร?”
เสียงหวานเถียงขึ้นพร้อมกับชะโงกใบหน้ามาตรงหน้าผมทั้งๆ ที่ผมขับรถอยู่ ดีนะที่การตอบรับของร่างกายของผมนั้นรวดเร็วเสมอจึงใช้มือข้างหนึ่งปล่อยจากพวงมาลัยมาผลักศีรษะเธอออกอย่างแรงก่อนจะรีบบังคับรถให้กลับมาในเลนของตัวเอง
“โอ้ย! เจ็บนะ”
เกือบตายไหมล่ะ?
“ยัยบ้าทำอะไรวะอยากตายก็ไปตายคนเดียวดิ!”
น้ำเสียงเข้มตะคอกอีกครั้งซึ่งครั้งนี้เสียงดังเหมือนระเบิดลง ความหัวเสียอย่างหนักหน่วงส่งผลให้เขาใช้มือข้างที่ผลักศีรษะทุบระบายอารมณ์ไปยังพวงลัยตรงหน้าหลายทีโดยไม่สนใจเสียงร้องโอดอวยจากผู้หญิงที่นั่งข้างเขา
“คาดเข็มขัดเดี๋ยวนี้!” เมื่อกี้จะถือว่ามันเป็นความผิดผมเองที่สะเพร่าไว้ใจยัยขี้คนเมาคนนี้ “อย่าให้ได้จอดรถเพราะมันไม่ใช่แค่คาดเข็มขัดแน่นอน ชั้นจะถือโอกาสมัดเธอแน่”
“อืม”
ดีหน่อยที่ว่าง่ายไม่ทำให้เดือดร้อนไปมากกว่านี้เพราะยังไงอารมณ์ของผมมันก็ไม่ใช่ของเล่นของใครหน้าไหนทั้งนั้น อารมณ์ดีกับเพื่อนก็ใช่ว่าจะดีกับทุกคน
“รีบคาดซะ เร็ว!” ผมส่งเสียงข่มขู่
“แต่ว่าเข็มขัดม่าย...มี”
ตึกๆ
“นายเห็นไหมว่าฉันใส่ชุดแบบนี้แล้วจะคาดเข็มขัดได้ไงล่ะนายมันโง่จริงๆ เล้ย”
อดทนไว้ไอ้ยู...
อย่างพึ่งฆ่า ผู้หญิงๆ ท่องไว้ๆ หนึ่ง สอง สาม สี่ ...
ผมขอถอนคำพูดที่ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ทำผมเดือดร้อนแต่จะบอกว่าผู้หญิงคนนี้โคตรเป็นตัวซวยสำหรับผม ยิ่งเมื่อนาทีที่นิ้วชี้เล็กชี้มาที่ผมก่อนจะตามมาด้วยคำพูดว่าโง่ ครานั้นเองก็รับรู้ว่าความอดทนมันขาดไปดื้อๆ เหมือนด้ายเส้นบางถึงจะพยายามนำมามัดต่อให้เหมือนเดิมราวกับไม่เคยมีการขาดมาก่อน พยายามมากเพียงไหนมันก็ไม่เป็นเหมือนเดิม...
และไม่กี่อึดใจผมก็หักเลี้ยวเข้าโรงแรงข้างทาง ป้ายตัวอักษรสีแดงอันโดดเด่นนั้นบอกเลยว่าโคตรดึงดูดทุกอย่างจบลงที่เตียงทั้งความโกรธ ความใคร่ของเราทั้งสองคนนอกจากนี้ยังมีความพอใจตามมาติดๆ เพราะผมเป็นคนแรกมั้งอีกอย่างเหมือนว่ามันจะไม่จบแค่นี้แน่
“จะ จำได้แล้วถึงขอโทษไง ฉะ” ฉันไม่ได้กลัวผู้ชายคนนี้เพราะถ้าเขาจะฆ่าแกงฉันคงทำตั้งแต่เมื่อคืนตอนที่ฉันไม่มีสติไปแล้วแหละถึงเขาจะทำเรื่องแบบนั้นก็เถอะ “ฉันผิดเอง มันเป็นความผิดของฉันเองโทษนายไม่ได้หรอก”
“ยู”
“ห้ะ?” ยู เขาพูดขึ้นมาสั้นๆ แบบนี้ฉันไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำไปมือทั้งสองที่คว้าผ้าห่มมาห่อหุ้มร่างกายก็เกร็งมากจนสั่นถึงฉันจะสั่งบังคับยังไงก็ตามมันก็ยังสั่นอยู่ดี
“ยู ชั้นชื่อยู”
ผู้ชายตรงหน้าเขาชื่อยูนี่เองเขาหล่อมากข้อนี้ฉันไม่เถียงยิ่งมองในระยะใกล้ๆ ทุกอย่างทุกส่วนของร่างกายเขาก็แทบสะกดสายตาของฉันเอาไว้ไม่เว้นแม้แต่ร่องรอยเล็บพวกนั้นตรงไหล่มันเป็นของฉันเองทั้งหมดที่ได้กระทำเอาไว้ในตัวของเขา มันต้องเจ็บแสบมากแน่ๆ
“อ๋อ” ฉันพยักใบหน้าเพื่อบอกเขาว่ารับรู้แล้วก่อนที่จะก้มหน้าลงมามองไปตรงผ้าห่มสีขาว มันไม่ได้ดึงดูดอะไรหรอกแต่ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่างหากกับสิ่งที่เกิดขึ้น อย่าถามและคาดหวังความรับผิดชอบใดๆ เลยเพราะฉันผิดเองที่ท้าทายหาเรื่องใส่ตัวเองจนเวลาผ่านไปเนิ่นนานพอสมควรฉันก็กลั้นหายใจพูดขึ้นด้วยความกล้าๆ กลัวๆ “เอ่อฉันชื่อวิตตา”
“รู้ เมื่อคืนแนะนำตัวไปหมดแล้ว”
ในส่วนนี้ฉันไม่รู้จริงๆ นะว่าตอนไหนที่บอกชื่อเขานึกยังไงมันก็ไม่ออกอยู่ดี
“อือ”
“เรามีเรื่องต้องตกลงกัน”