ณัฐลุกขึ้นยืนเต็มความสูงโดยที่ยังไม่ปล่อยมือของฉันออก ฉันเลยดึงมือออกเอง
“เก็บแหวนไว้นะ ณัฐตั้งใจเอามาให้” ณัฐพูดจบก็เดินกลับไปนั่งประจำที่ของตัวเอง ไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้ปฏิเสธ
“เดี๋ยวนะ ทำไมน้องณัฐถึงมีแหวนมาพร้อมด้วยอะ หรือจะเอามาให้สาวอยู่แล้ว” เพื่อนปี3 ที่แซวณัฐ แต่เหมือนฆ่าฉันทางอ้อม
ดิวนั่งนิ่ง สีหน้าตึงจนเห็นได้ชัด ขนาดว่าฉันยิ้มให้เขาก็ยังคงตึง ไม่ยิ้มกลับมาเหมือนเช่นทุกที
“เรื่องส่วนตัวของผมอะพี่” ณัฐตอบกลับแล้วยักคิ้วให้อย่างกวน ๆ
นึกขอบใจไอ้เด็กบ้าที่ไม่พูดอะไรเยอะ ฉันจะได้ไม่ต้องอายไปมากกว่านี้
“รู้สึกเหมือนถูกด่าว่าเสือกเลยค่ะ ฮ่า ๆ”
เสียงหัวเราะยังคงดังต่อเนื่อง และกิจกรรมก็ยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งถึงเวลาช่วงพักกลางวัน
ฉันและเพื่อน ๆ ทำหน้าที่แจกข้าวกล่องให้พวกน้องปีหนึ่ง ช่วงเวลาพักแบบนี้ ก็จะอนุญาตให้น้อง ๆ นั่งกันเป็นกลุ่ม ๆ ได้ตามอัธยาศัย จะได้มีเวลาผ่อนคลายกันบ้าง
“พี่แป้งค้าบ ณัฐยังไม่ได้ข้าวเลย ไม่มีใครเอามาให้ณัฐกินเลย” เสียงณัฐดังขึ้นมา ฉันหันไปมองทางขอบสนามบอลก็เห็นว่าณัฐและกลุ่มเพื่อนนั่งกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
ก็สมควรแล้วแหละที่ไม่มีใครเอาไปให้กิน ก็ไปนั่งกันซะไกล ใครเขาจะเห็น ฉันเดินถือถุงกล่องข้าวไปทางกลุ่มณัฐ
“มีอะไรให้ณัฐกินบ้างอ่า” เด็กบ้ามองที่ถุงกล่องข้าวแล้วเอ่ยถามขึ้นมา
“ผัดพริกแกงหมูกรอบใส่ถั่ว ผัดกระเพราไก่ใส่หน่อไม้ ข้าวผัดหมู ผัดพริกอ่อนหมูสับตับ และผัดคะน้าหมูกรอบ” ฉันหยิบทีละกล่องออกมา วางตรงโต๊ะม้าหินข้าง ๆ กลุ่มเขา แล้วเอ่ยปากบอกทีละเมนู
“ณัฐไม่กินเผ็ด พี่แป้งจำได้เปล่า”
“ฉันไม่เคยจำ... นายก็กินข้าวผัดไป” ฉันส่งกล่องข้าวผัดให้ณัฐ เขารับโดยที่จับมือฉันไว้ด้วย
“แต่ถ้าคนเผ็ด ๆ แซ่บ ๆ แบบพี่แป้ง ณัฐอยากกินนะ” เขากระตุกยิ้มแล้วปล่อยมือฉันออก ดึงแต่กล่องข้าวไป
“ไอ้ณัฐ!”
“ฮ่า ๆ อะไรล่ะพี่”
“นายพูดออกมาได้ไง ทะลึ่งใหญ่แล้วนะ เพื่อนนายก็นั่งกันอยู่ นายไม่คิดว่าฉันจะอายหรือไง” พูดไปด้วย มือก็บิดหูเขาไปด้วย
“โอ๊ย ๆ พี่แป้ง ณัฐเจ็บ” เขาจับมือฉันไว้ หวังให้ฉันหยุดบิดหูเขา แต่ไม่เลย ฉันบิดแรงกว่าเดิมอีก!
“เพื่อนณัฐหูไม่ดีมันไม่ได้ยินหรอก โอ๊ยเจ็บ ปล่อยเถอะ ผมขอร้อง” ณัฐพูดต่อ
“น้ำเข้าหูว่ะ หูแม่งอื้อ ๆ” ภณทำท่าเอามือตบหูตัวเองเบา ๆ
“ขี้หูกูก็เยอะฉิบหาย นี่ถ้าแคะออกมากูว่าปั้นควายได้ฝูงหนึ่งอะ” ชลพูดต่อ
“เวอร์ ไอ้สัสเวอร์ เขาจะไม่เชื่อเพราะมึงเวอร์นี่แหละ” ราเชนทร์เขกหัวชลทันที
“ผมไม่รู้ผมหิวข้าว” อิฐไม่รู้แกล้งทำเนียนด้วยวิธีไหน จึงลุกมาหยิบกล่องข้าวไปกิน
ฉันยอมปล่อยมือออกจากหูณัฐ ที่ตอนนี้แดงไปหมดแล้ว ใจหนึ่งก็สงสารอีกใจก็สมน้ำหน้า!
“พี่แป้ง... ณัฐเจ็บอะ พี่เป่าให้หน่อยดิ โอ๋ณัฐเหมือนตอนเด็ก ๆ อ่า” ฉันทำท่าจะเดินหนี แต่ณัฐก็จับมือฉันไว้แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
ตอนที่เขาเด็ก ๆ ฉันก็คอยโอ๋เขาอยู่หรอก แต่พอยิ่งโตเขาก็ยิ่งกวน จนฉันต้องดุเขาอยู่เรื่อย
“ไม่! นายเลิกปัญญาอ่อนได้ละ” ฉันดึงมือตัวเองออก แล้วส่งกล่องข้าวที่เหลือให้หนุ่ม ๆ อีก 3คน
“แป้งไปกินข้าวกัน ดิวเอาข้าวผัดหมูไว้ให้แป้งแล้ว” ดิวเดินเข้ามาหา โชคดีที่เขาไม่ได้มาตอนที่ไอ้เด็กบ้านี่พูดจาทะลึ่งตึงตังใส่
“ไปดิ ตรงนี้เสร็จพอดี”
“ข้าวผัดหมูเหรอ พี่แป้งกินเมนูเดียวกับผมเลย” ฉันยังไม่ทันได้เดินออกไป ณัฐก็พูดขึ้นมาเรียกความสนใจจากดิว
แน่นอนว่าดิวจะต้องมีอารมณ์ที่หงุดหงิดขึ้นมา แต่เขาก็พยายามระงับอารมณ์นั้นไว้
ฉันรีบดึงแขนดิวให้ออกจากตรงนี้ ถ้าขืนอยู่ต่อดิวอาจจะข่มอารมณ์โมโหไว้ไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าไอ้เด็กบ้าจะกวนประสาทไปถึงไหน ไม่กลัวใครบ้างเลยหรือไง
ฉันและดิวเดินมาทางกลุ่มเพื่อนของเราทั้งคู่ เปิดกล่องข้าวกินกันเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา ซึ่งก็ดีแล้วล่ะ ขืนใครพูดใครถามฉันคงตอบไม่ถูก
ต่างฝ่ายต่างทำธุระส่วนตัวแล้วกลับมารวมกันที่ลานหน้าตึกอีกครั้งในเวลาบ่ายโมงตรง
ช่วงบ่ายนี้มีกิจกรรมเดียวที่เหลืออยู่ ซึ่งนั่นก็คือตามหาพี่รหัส รุ่นพี่ก็ต้องตามหาน้องเช่นเดียวกัน แต่ดีหน่อยที่ฉันอยู่ปี3 เลยไม่ต้องเร่งหาอะไรมากนัก เพราะเดี๋ยวน้องปี2 ก็เป็นคนพามาเจอเอง
พวกปี2 น่าจะแอบรู้กันมาก่อนแล้วว่าใครจะเป็นน้องรหัสของตัวเอง เพราะแค่ดูรหัสนักศึกษาก็รู้แล้ว หากเป็นสายเดียวกันจะมีตัวเลขที่ตรงกัน ต่างกันแค่เลข 4ตัวหน้าที่เป็นรหัสของปี
“ตอนบ่ายนี้นะคะ พี่จะให้น้อง ๆ ตามหาพี่รหัสของตัวเองนะคะ หาเจอไวก็จะได้กลับบ้านไว หาเจอช้าก็จะได้กลับบ้านช้านะคะ” เพื่อนปี3 บอกกับน้อง ๆ ที่ตอนนี้นั่งเรียงกันตามเลขรหัสที่พวกเราจัดไว้ให้
รุ่นพี่อย่างพวกเราเดินแจกคำใบ้ตามเลขรหัส ฉันไม่ได้ไปแถวของณัฐ ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับเขาแล้ว
เมื่อแจกเสร็จเรียบร้อยได้ครบทุกคน น้อง ๆ จึงลุกขึ้นแยกย้ายหาพี่รหัส พวกปี 3ก็นั่งกันอยู่ที่หน้าตึกเพื่อรอให้น้องปี2 พาน้องสายรหัสมาหา