“มาถึงคนสุดท้าย เป็นหนุ่มหล่ออาวุธพร้อมสืบพันธุ์นี่เอง ไหนพี่ขอดูหน่อยซิได้คำสั่งอะไร” เพื่อนปี3 เดินไปหาณัฐแล้วขอดูใบคำสั่งในมือของณัฐ
“ขอแต่งงานกับใครก็ได้... โอ้ยตายแล้ว หน้าฉันนี่ร้อนวูบ ๆ เลย เขินแทนคนที่จะถูกขอแต่งงาน” เพื่อนปี3 ยังคงสร้างสีสันและเสียงหัวเราะจากรุ่นน้อง มีแต่ฉันนี่แหละที่หัวเราะไม่ออก
แต่จะว่าไปก็มีอีกคนนะที่ยืนหน้าตึงเครียดซึ่งนั่นก็คือดิว รายนั้นจ้องณัฐตาเขม็ง ราวกับจะฉีกณัฐเป็นชิ้น ๆ
“ในใบคำสั่งบอกว่าขอแต่งกับใครก็ได้... น้องณัฐจะเลือกขอใครแต่งงานคะ” ฉันได้ยินเสียงเพื่อนปี3 ดังขึ้นมาอีกครั้ง ฉันจึงเหล่ตามองไปทางเขา
ณัฐไม่ได้มองหน้าฉันแล้ว แต่ก้มหน้าลงมองเพื่อน ๆ ตัวเอง บรรดาเพื่อนก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ท่ามกลางความลุ้นของคนทั้งลานหน้าตึก
“ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ฉันกลัวว่าณัฐจะมาหาฉัน ก็เลยรีบหาทางหนีเสียก่อน เอ่ยปากบอกเพื่อนสนิทของตัวเอง แล้วรีบจ้ำอ้าวไปที่ห้องน้ำ
ฉันยืนนิ่งอยู่ในห้องน้ำหญิงอยู่ราว 5นาที คิดว่าตอนนี้กิจกรรมน่าจะเสร็จสิ้นลงแล้ว ฉันจึงเดินกลับออกมา
ที่ลานก็ดูเรียบร้อยดี น้อง ๆ นั่งเป็นแถวเหมือนเดิม ฉันพ่นลมหายใจออกมา โล่งใจที่ผ่านพ้นไปได้
เมื่อก้าวขาเข้ามาในลาน เก๋และแฮมยักคิ้วให้ฉัน พอมองไปที่ดิว รายนั้นก็ยังคงทำหน้านิ่ง จนฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์เป็นปกติแล้วหรือเปล่า
“เริ่มกิจกรรมกันต่อเลยป้ะ” ฉันหันไปถามเพื่อนปี3 ที่ยังคงถือไมโครโฟนอยู่
“ยัง น้องณัฐกำลังไปหาแหวนอยู่” เพื่อนปี3 ตอบกลับมา ทำเอาฉันแทบวูบ
ไอ้เด็กบ้า! ฉันอุตส่าห์หาทางหนี นายก็ยังจะถ่วงเวลาไว้ได้อีก ฉันล่ะอยากจะแกล้งเป็นลมไปซะให้รู้แล้วรู้รอด
“พี่แป้งค้าบ น้องณัฐมาแล้วค้าบ” เสียงของเด็กข้างบ้านดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของฉัน เสียงฮือฮาจากน้อง ๆ ก็ดังขึ้นมา
“พี่แป้งแต่งงานกับน้องณัฐนะค้าบ น้องณัฐสัญญาว่าน้องณัฐจะดูแลพี่แป้งให้ดีที่สุดเลยค้าบ ยุงสักตัวก็จะไม่สามารถบินผ่านพี่แป้งได้เลยค้าบ” คำพูดและน้ำเสียงออกแนวดัดจริตนั่น ฉันได้ยินแล้วก็ต้องกลอกตาไปมาด้วยความหมั่นไส้
แต่บรรดาน้อง ๆ และพวกปี3 ต่างพากันหัวเราะชอบใจ ฉันแค่นหัวเราะออกมาเพื่อให้กลมกลืนไปกับพวกเขา ขืนด่าไอ้เด็กบ้านี่ไป คนอื่นคงได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแน่ ๆ
“ฮ่า ๆ ลำพังตัวเองน้องณัฐยังไม่มีปัญญาจะดูแลเลยนะค้าบ น้องจะเอาปัญญาที่ไหนมาดูแลพี่ค้าบ” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะให้ดังมากขึ้นกว่าเดิม
ณัฐกระตุกยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้ฉัน ฉันจะถอยหนีแต่เขาก็คว้าแขนฉันไว้
“ผมโตพอที่จะดูแลพี่แล้ว” ณัฐเอ่ยออกมาเบา ๆ ให้ได้ยินกันแค่ 2คน น้ำเสียงของเขาดูจริงจังผิดกับเมื่อสักครู่นี้
“คุยอะไรกัน” ดิวถามเสียงแข็ง แล้วเดินเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ ฉัน
“กระซิบขนาดนี้ พี่ยังอยากรู้อยากเห็นอีกเหรอครับ” เด็กข้างบ้านเลิกคิ้วขึ้นถามด้วยสีหน้ากวน ๆ
ดิวทำท่าจะเข้าใส่ณัฐแต่ฉันก็กั้นไว้ เพราะไม่อยากให้มีเรื่องกัน
“พี่จะทำอะไรเพื่อนผมอะ นี่กิจกรรมที่พวกพี่เป็นคนคิดขึ้นมานะครับ” ฉันมองไปหาต้นเสียง ซึ่งนั่นก็คือราเชนทร์เพื่อนของณัฐ
“แต่เพื่อนน้องกำลังขู่อะไรเพื่อนพี่นี่ครับ”
“ขู่บ้าอะไรล่ะ ผมกำลังบอกรักพี่แป้งต่างหาก” ณัฐตอบกลับดิว ก่อนจะย่อตัวคุกเข่าลงตรงหน้าฉันแล้วดึงมือข้างซ้ายของฉันไป
“แป้ง... แป้งไม่ต้องเล่นกับมัน” ดิวจะดึงมือฉันคืน แต่ณัฐเขาจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“อะไรครับเนี่ย พี่อย่าขวางกิจกรรมได้ป้ะ ถ้าพี่รับไม่ได้พี่ก็กลับบ้านไปค้าบ” ชลเพื่อนของณัฐตะโกนขึ้นมา คนอื่น ๆ ก็ส่งเสียงโห่ไล่ดิว
“ดิวถอยไปเถอะ เรากำลังทำกิจกรรมกันอยู่นะ” ฉันกลัวว่าจะรุนแรงไปกันใหญ่จึงเอ่ยปากบอกดิว
ดิวทำท่าไม่พอใจแต่ก็ต้องยอมถอยออกไป ฉันหันไปมองก็เห็นว่าเขากำลังนั่งร่วมโต๊ะอยู่กับเพื่อน ๆ เขา
“พี่แป้งแต่งงานกับผมนะค้าบ” ณัฐล้วงมือที่กระเป๋าเสื้อตัวเอง เขาหยิบแหวนเงินออกมาวงหนึ่ง แล้วชูให้ฉันดู
“นี่นายเตรียมตัวมาพร้อมเลยเหรอ” ฉันถามเบา ๆ
“ก็ไม่ได้เตรียมมาสำหรับกิจกรรม กะว่าเจอแล้วจะให้ แต่ดันได้เอามาใช้ซะก่อน... ตอนนั้นยังเด็ก ตอนนี้โตแล้วนะ รับแหวนไปนะครับ” ณัฐตอบกลับมาเบา ๆ เช่นเดียวกัน
ฉันนึกถึงเหตุการณ์ตอนเด็ก ณัฐซื้อขนมมากิน และที่หน้าซองขนมมีแหวนแถมมาด้วย เขาดึงแหวนที่แปะออกมา แล้ววิ่งมาที่บ้านฉันเพื่อที่จะส่งแหวนนี้ให้กับฉัน
'ณัฐเห็นในละคร ผู้ชายสวมแหวนให้ผู้หญิง' คำพูดคำจาของเขาในวัยเด็ก ที่ผ่านมาหลายปีแต่ฉันยังคงจำได้ดี
ตอนนั้นฉันไม่ได้รับ ให้ณัฐเก็บเอาไปเล่นดีกว่า แต่เขาก็ดึงดันที่จะให้ ฉันก็เลยรับมาก่อน แล้วค่อยแอบเอาไปวางคืนที่บ้านเขา
“แต่งงานกับผมนะพี่แป้งงงง” เสียงณัฐดังขึ้นมาปลุกฉันจะห้วงความคิด
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันมองไปรอบ ๆ ทุกคนดูลุ้นว่าฉันจะตอบว่าอะไร เหตุการณ์แบบนี้จะตอบอะไรได้ล่ะ นอกจากจะยิ้มรับและพยักหน้าลง
“เย่ ณัฐสวมแหวนให้นะ” เขาสวมแหวนให้ที่นิ้วนางข้างซ้ายของฉัน ซึ่งมันพอดีเป๊ะ อย่างกับฉันไปลองมาเองงั้นแหละ
เสียงของทุกคนกรี๊ดกร๊าด ดีใจกันราวกับว่านี่คือการขอแต่งงานจริง ๆ