แล้วเหตุการณ์ในวันนั้นก็ทำให้ไพลินเริ่มตีตัวออกห่างจากพายุอีกครั้ง ไม่ว่าชายหนุ่มจะพยายามเข้าหามากเท่าใด ก็มักจะถูกหญิงสาวเขี่ยออกจากวงโคจรทุกครั้งไป ราวกับขว้างบอลใส่กำแพงสูงใหญ่ ยิ่งแรงยิ่งกระเด็นไกล และกว่าจะวิ่งกลับมาถึงที่เดิม หญิงสาวก็ไม่อยู่รออีกต่อไปแล้ว
ไม่ใช่แค่ไพลินแต่รวมถึงพริตตี้ด้วย เมื่อพ้นเดือนที่ถูกพายุเหมาจอง เธอจึงเลิกรับแขกและผันตัวไปเป็นบาร์เทนเดอร์แทน ถึงแม้ว่าจะได้เงินเดือนน้อยกว่าเด็กขายดริงค์เป็นเท่าตัว แต่กระนั้นก็ยังดีกว่าต้องไปนัวเนียกับผู้ชายคนนั้น
อีกอย่าง...เธอเหนื่อยแล้วกับการรับแขก แถมช่วงนี้แม่ของเธอก็อยู่อย่างสงบเสงี่ยมไม่ได้สร้างหนี้สินเพิ่มจนเธอต้องดิ้นรนมากกว่าเดิม
“พริตตี้ ไม่สิ ไพลิน แน่ใจนะว่าจะไม่ขายดริงค์แล้ว ช่วงนี้มีแต่ลูกค้ากระเป๋าหนักเข้าร้าน ไม่เสียดายเหรอ” ไอวี่ถามน้องสาวด้วยความสงสัยเมื่ออยู่ๆ เธอก็เข้ามาบอกว่าจะไม่ทำงานเป็นเด็กดริงค์แล้ว แต่จะเป็นบาร์เทนเดอร์แทน
ซึ่งก็พอดีกับคนล่าสุดที่ลาออกไป ประจวบกับเด็กคนนี้มีความสนใจด้านนี้มาก่อนแล้ว เธอจึงให้ลองฝึกกับน้องชาย แต่ปรากฏว่าทำได้ดีมากกว่าที่คิด
“แน่ใจค่ะพี่ไอวี่ ช่วงนี้หนูเรียนหนักมากด้วย เลยอยากเอาสมองไปทุ่มกับการเรียนมากกว่า” ไพลินตอบพลางจัดยูนิฟอร์มบาร์เทนเดอร์ประจำร้านให้เรียบร้อย วันนี้เธอจะได้ทำงานด้วยตัวเองแบบเต็มตัวแล้ว พอคิดว่าไม่ต้องเอาตัวไปรับแขกเหมือนเมื่อก่อน ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากกว่าเดิม
ไอวี่มองน้องสาวกำลังมัดผมขึ้นเป็นหางม้า พร้อมมองรูปร่างที่ปกปิดด้วยชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงคลุมถึงเท้าอย่างไม่คุ้นชิน
เมื่อก่อนพริตตี้คือพนักงานที่ขายดริงค์ได้เป็นอันดับต้นๆ ของร้าน เธอจึงอดเสียดายไม่ได้ที่เสียพนักงานฝีมือดีให้ฝ่ายคลาสสิกบาร์แทน แต่กระนั้นก็ไม่ได้คิดจะไปขัดขวางแต่อย่างใด เพราะว่าเธอเป็นคนที่อยากเข้าไปช่วยเหลือเด็กคนนี้ก่อน
อย่างน้อยก็ช่วยให้เด็กดีคนนี้ได้ปลดหนี้สินท่ามกลางยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง
“นั่นสิ เห็นว่าจะทำอาทิตย์ละสี่วันใช่ไหม พี่จะได้รับคนเพิ่ม”
ไพลินพยักหน้า
“ค่ะพี่ ขอโทษด้วยจริงๆ นะคะที่เอาแต่สร้างปัญหา”
ไอวี่ยิ้มอบอุ่น
“พูดอะไร! สร้างปัญหาที่ไหนกัน พี่น้องกันช่วยเหลือกันน่ะถูกแล้ว”
ไพลินยิ้มตามอย่างตื้นตันใจ เพราะน้อยคนที่จะใจดีไม่คิดเอาเปรียบเธอแบบนี้
“ขอบคุณนะคะพี่ไอวี่ ถึงหนูจะขายดริงค์ไม่ได้ แต่หนูจะทำให้ลูกค้าติดบาร์เราแน่นๆ เลยค่ะ” เสียงหวานกล่าว ดวงตากลมโตเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
ไอวี่ลูบผมน้องสาวเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“จ้าๆ ไป ไปเถอะ ถึงเวลาเปิดบาร์แล้ว เดี๋ยวไอ้วินมันด่าพี่อีกว่าคิดจะฉกพนักงานของมันคืน” ไอวี่พูดถึงวินนี่น้องชายตัวแสบที่เป็นหุ้นส่วนในส่วนของบาร์ และเป็นบาร์เทนเดอร์หลักของไอเวรี่บาร์อีกด้วย
ตอนแรกเจ้านั่นก็ไม่ได้อยากได้เด็กดริงค์ไปทำงานด้วย แต่หลังจากสอนกันได้หนึ่งสัปดาห์ กลับมาบอกว่าห้ามทวงเด็กคืนซะอย่างนั้น ทำเอาเธอถึงกับมึนงงไปเลยทีเดียว แต่พอเห็นว่าทั้งสองคนเข้ากันได้ดี เธอก็วางใจ
“ค่ะพี่ไอวี่ หนูไปก่อนนะคะ” ไพลินหยิบแว่นไม่มีเลนส์ขึ้นมาสวมใส่ จากนั้นหมุนตัวสำรวจความเรียบร้อยหน้ากระจกอีกครั้ง แล้วเดินไปยังส่วนของบาร์ทางปีกซ้ายทันที
ไพลินเดินไปยังส่วนของคลาสสิกบาร์อย่างอารมณ์ดี ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะความสบายใจที่ได้สวมใส่ชุดทำงานที่ปกปิดมิดชิด ไม่เน้นขายรูปลักษณ์เหมือนเมื่อก่อน แม้จะลำบากเรื่องศาสตร์ศิลปะในการชง แต่ก็ใช่ว่าจะยากเกินความสามารถของเธอ
ต้องขอบคุณที่มีหัวทางด้านนี้อยู่แล้ว การฝึกก่อนลงสนามจริงเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ จึงไม่ใช่เรื่องยาก
“เป็นอะไรน่ะเรา ไปกินอะไรมาถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้” วินนี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย หลังจากเห็นหญิงสาวเดินเข้ามาในคลาสสิกบาร์ด้วยท่าทางมีความสุข โดยฉายออกมาทางใบหน้าอย่างไม่สามารถปิดบังได้
แต่กระนั้นเพราะรอยยิ้มของเด็กคนนี้ ถึงทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดีตามไปด้วย ทั้งที่เพิ่งจะมีเรื่องทะเลาะกับแฟนสาวมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้
ไพลินได้ยินชายหนุ่มรุ่นพี่ทักเช่นนั้นจึงแย้มยิ้มกว้างกว่าเดิม พร้อมกับหมุนตัวให้คนตรงหน้าดูหนึ่งที
“ต้องอารมณ์ดีสิคะ! ในที่สุดพริตตี้ก็ได้ใส่ยูนิฟอร์มของพี่วินนี่แล้ว!”
วินนี่หัวเราะเบาๆ จากนั้นวางแก้วที่เช็ดค้างไว้ และเดินเข้าไปลูบหัวของคนตัวเล็กด้วยความเอ็นดู
“เป็นพริตตี้คงไม่ได้ใส่ แต่ถ้าเป็นไพลินถึงจะได้ใส่ ตกลงจะเป็นพริตตี้หรือไพลิน เอาสักอย่าง”
ไพลินแก้มป่อง มองคนตรงหน้าด้วยสายตาเหงาหงอย เพราะว่าไม่อยากเปิดเผยชื่อจริงสักเท่าใดนัก
“แต่หนู...แต่ถ้าเพื่อนของหนูรู้เข้า ก็แย่น่ะสิคะ”
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มอย่างหนุ่มใต้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่ามาก่อนว่าคนตัวเล็กทำงานด้วยการปิดบังตัวตนเอาไว้จากเพื่อนมหาวิทยาลัย เพราะเขารู้ว่าพริตตี้เป็นชื่อในวงการเด็กดริงค์เท่านั้น
เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของหญิงสาวทีไร ก็กลายเป็นเขาที่ต้องใจอ่อนทุกที
คงเพราะรู้สึกเอ็นดูเหมือนน้องสาวล่ะมั้ง อีกอย่างเด็กคนนี้มีฝีมือด้านนี้ด้วย เขาไม่อยากเสียคนมีฝีมือไป
“ก็ได้ พริตตี้ก็พริตตี้” วินนี้ถอนหายใจยอมแพ้ให้กับความใจอ่อนของตัวเอง
ไพลินได้ยินดังนั้นจึงกระโดดหมุนตัวยิ้มร่าด้วยความดีใจ
“ขอบคุณนะคะพี่วินนี่ รับรองว่าพริตตี้จะตั้งใจทำงานเลยค่ะ!”
วินนี่หัวเราะ
“งั้นก็ไปทำงานได้แล้ว เตรียมเปิดร้าน”
“รับทราบค่ะ!”