ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหนุ่มหล่ออย่างเขาจะถูกสาวเทแบบนี้ ทั้งน่าหงุดหงิดและเสียศักดิ์ศรีที่สุด เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครข้าขัดใจเขาเลยแม้แต่คนเดียว
จะไปมีได้ยังไงในเมื่อคนที่อยู่กับเขามาตั้งแต่เกิดก็มีแต่คนรับใช้ ส่วนพ่อกับแม่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาตั้งนานแล้ว ขอแค่โตมาไม่เสียคนและพร้อมสืบทอดตำแหน่งก็พอแล้วนี่
ซึ่งทำให้เขาตั้งปฏิญาณกับตัวเองว่าจนกว่าจะเรียนจบที่นี่และไปเรียนต่อที่เมืองนอก เขาจะทำตามใจตัวเองให้มากที่สุด สิ่งที่อยากได้ก็ต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือผู้คนก็ตาม รวมทั้งผู้หญิงคนนี้ด้วย!
แต่ทั้งที่ความจริงมีวิธีบังคับให้ไพลินมาอยู่ใต้อาณัติมากมาย ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ยอมใช้วิธีนั้น
ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ
“นี่ไพลิน ไม่หิวเหรอ ออกไปกินข้าวกันมั้ย” เสียงทุ้มถามเพราะรู้สึกเบื่อหน่ายที่เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องสมุด เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยทำมาก่อนเลยจริงๆ
ไพลินขยับตัวแล้วก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง แต่ปรากฏว่านาฬิกาตายไปแล้วเสียอย่างนั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาแทน
บ่ายสามแล้ว...นี่เธอนั่งทำงานถึงสามชั่วโมงเลยเหรอเนี่ย
“หิวเหรอ” หญิงสาวถามกลับด้วยสีหน้านิ่งเรียบ อันที่จริงเธอก็หิวเหมือนกัน แต่เพราะเร่งทำงานจนลืมเวลาไปเลย แต่พอมองดูคนข้างๆ แล้วจึงเห็นว่าเขาทำในส่วนที่เธอมอบหมายให้เสร็จแล้วเช่นกัน ช่างขยันทำให้ประหลาดใจจริงๆ
จะว่าไปงานของเขาที่ส่งมาให้ก็ทำให้แปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะข้อมูลที่สรุปมานั้นค่อนข้างได้มาตรฐานเลยทีเดียว ผิดกับท่าทางไม่เอาอ่าวจนต้องมองเสียใหม่
พายุพยักหน้า ความจริงคือหิวมากเพราะไม่มีอะไรตกท้องมาตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนเที่ยงก็เห็นว่าหญิงสาวอยู่คนเดียว จึงรีบพุ่งเข้าไปหาทันที และเมื่อเข้าสู่โหมดการทำงานจึงลืมความหิวไปชั่วขณะ
“ทำงานเสร็จแล้วก็เลยหิวน่ะ”
“นายจะออกไปกินก่อนก็ได้นี่” คนตัวเล็กตอบพร้อมมองคนตรงหน้าด้วยสายตางุนงง ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรอถามเธอ
“แล้วไพลินไม่หิวเหรอ”
“ยังไม่หิว”
โครก...
หญิงสาวชะงักไปทันทีเมื่อเสียงประท้วงดังออกมาได้จังหวะนรกมาก รู้สึกร้อนไปทั้งหน้าจนต้องรีบหลบสายตาล้อเลียนนั้น
น่าอับอายที่สุด!
พายุที่ได้ยินเสียงคำตอบอย่างชัดเจนจึงยิ้มออกมาบางๆ คนปากแข็งใจร้ายสุดท้ายสิ่งที่ซื่อสัตย์ที่สุดก็คือร่างกายสินะ
ชายหนุ่มยักคิ้วข้างหนึ่งให้ราวกับประกาศชัยชนะ
“ไปกันเถอะ เธอบอกเองนี่ว่าให้เราเลี้ยงข้าวระหว่างทำงาน” เขายกข้ออ้างขึ้นมาทันที เพื่อไม่ให้โดนปฏิเสธ
อึก!
ไพลินมองคนตรงหน้าด้วยความหนักใจ เพราะถ้าเกิดออกไปกับเขาแค่สองคนละก็ จะต้องมีข่าวลือแปลกๆ ออกมาแน่
แล้วถ้ามีมากกว่าสองคนล่ะ!
“นั่นหมายถึงไปทั้งกลุ่มต่างหาก ถ้างั้นเราโทรเรียกเพื่อนก่อนนะ” ไพลินยิ้มร่าพร้อมกับจิ้มโทรศัพท์ทันที เธอนี่ฉลาดจริงๆ ที่คิดหาทางออกให้ตัวเองได้
เรื่องเอาตัวรอดแบบนี้ เธอจะแพ้ได้ยังไงกัน!
“ก็... ก็ได้” พายุยิ้มแห้ง แผนการอยู่ด้วยกันสองต่อสองของเขาพังไม่เป็นท่า เพราะไม่คิดว่าจะถูกย้อนด้วยวิธีการนี้
ช่วงนี้เหมือนเขาจะถูกปฏิเสธบ่อยจนชินชาไปแล้ว ไม่ว่าจะกับเด็กดริงค์ที่จีบไม่ติดสักทีจนต้องยอมแพ้ และเพื่อนร่วมรุ่นที่กำแพงทั้งสูงทั้งหนาที่ทำให้สมองของเขาถูกนำมาใช้งานหนักมากกว่าปกติ
จะว่าไปแล้วสองคนนี้ก็มีส่วนคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาด ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือน้ำเสียง ไม่ได้หวานออดอ้อน แต่ก็ไม่ได้เย็นชา ยิ่งได้เห็นลักยิ้มข้างแก้มนั้น ก็ยิ่งเหมือนมีบางอย่างกำลังกวนใจอย่างไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้
หลังจากโทรนัดเพื่อนๆ ที่เหลือแล้ว ไพลินจึงหันกลับมาบอกเพื่อนร่วมรุ่นที่รอคำตอบอยู่ทันที
“ชานมจะไปกินด้วย นายโอเคใช่ไหม”
พายุมองสายตาของหญิงสาวที่เหมือนจะบอกว่า ถ้าไม่โอเค แผนการครั้งนี้เป็นอันล้มเหลว แล้วเขาจะทำอย่างไรได้ล่ะ
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ได้สิ เราเป็นคนพูดเองนี่ คำไหนคำนั้น” เอาเถอะ กับผู้หญิงคนนี้ถ้าใจร้อนเกินไปก็อาจจะทำให้ทุกอย่างสูญเปล่า แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะใจเย็นขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน ไม่เคยคิดว่าหญิงสาวจะเป็นตัวปัญหาที่ก่อกวนหัวใจ จนต้องยอมทำในสิ่งที่ไม่ถนัดเลยสักนิดเช่นนี้
แต่พอเห็นรอยยิ้มพึงพอใจนั่นแล้ว กลับคิดว่าคุ้มค่าที่ได้ลองเสี่ยง
ไพลินเก็บของใส่กระเป๋าด้วยความสบายใจ จากนั้นเดินถือกระเป๋าแท็บเลตของตนเองออกจากที่ห้องสมุด
คราวนี้ก็สามารถจัดการปัญหาเฉพาะหน้าได้อีกตามเคย และดูเหมือนจะรับมือตัวปัญหาอย่างเขาได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ต้องขอบคุณความสามารถในการล้วงความลับของตัวเอง ทำให้รู้ว่าการปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวจะยิ่งทำให้พายุรุกหนักเพราะอยากเอาชนะมากขึ้น การรับมือกับเขาก็เหมือนรับมือกับเด็ก ทุกอย่างต้องมีการแลกเปลี่ยน
ทว่าหญิงสาวกลับลืมบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญไปเช่นกัน เมื่อเผลอไปเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มอันเป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งมหาวิทยาลัย ราคาที่ต้องจ่ายจึงสูงมากขึ้นเป็นเท่าตัว