สองวันหลังจากเธอให้คำปรึกษา พายุก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นอีก ซึ่งมันทำให้เธอได้หายใจคล่องสักที และหวังว่าความสุขจะคงอยู่เช่นนี้ตลอดไป
ตอนแรกก็หวังให้มันเป็นอย่างนั้น แต่ข่าวในกรุปแชตนี่มันอะไรกัน!
[พายุเลิกกับดาวคณะบริหารแล้ว]
[ปีนี้พายุเปลี่ยนผู้หญิงไปสิบคนแล้วมั้ง]
[สงสัยจะควงแค่คนละเดือน ทำสถิติใหม่ปะ]
ไพลินอ่านข้อความของเพื่อนๆ ด้วยท่าทางเหม่อลอย ขณะกำลังเดินไปหอสมุด ก่อนหยุดเดินและหัวเราะออกมาราวกับเป็นเรื่องตลก พายุ...เจ้าบ้านั่น สุดท้ายก็หาเรื่องให้เธอจนได้
ใบหน้าแสนจืดแหงนมองฟ้าอย่างรู้ชะตากรรมของตัวเอง เธอรู้ว่าหลังจากนี้ทุกสายตาของคนที่ชอบติดตามดรามาใต้เตียงคนดัง จะหันศรไปยังผู้หญิงคนใหม่ที่พายุให้ความสนิทสนมด้วย และเท่าที่รู้มันก็มีอยู่ไม่กี่คน และหนึ่งในนั้นก็คือเธอที่เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มทำงานของเขา
แต่ถึงอย่างไรหน้าตาของเธอในตอนนี้ก็ไม่ได้ผ่านมาตรฐานของผู้ชายคนนั้นอยู่แล้ว คนพวกนั้นก็คงไม่เหลียวแลยัยจืดอย่างเธอ
เพียงแต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ได้ เธอกลับมีลางสังหรณ์ว่าชีวิตคงไม่ได้กลับมาอยู่อย่างไร้ความกังวลเหมือนเมื่อก่อนแน่ๆ
ไพลินยกมือขึ้นบีบนวดหลังคอของตัวเองเบาๆ เพื่อคลายความเครียด
“เพราะตานั่นคนเดียว” หญิงสาวพึมพำเบาๆ
ทว่าก่อนที่ไพลินจะก้าวเดินไปยังหอสมุดที่อยู่ไม่ไกล แขนของเธอกลับถูกใครบางคนดึงรั้งเอาไว้โดยไม่ได้ตั้งตัว ทำเอาเกือบหงายหลัง แต่เมื่อทรงได้ จึงหันกลับไปเพื่อจะโวยวาย แต่เมื่อเห็นเป็นใครหญิงสาวจึงหุบปากและเปลี่ยนน้ำเสียงทันที
“นายทำอะไรน่ะ เราเกือบจะล้มแล้วนะ!” ไพลินกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดมากกว่าเดิม
แต่ดูเหมือนว่าเสียงของเธอจะดังเกินไปหน่อย จึงทำให้คนรอบข้างหันมาสนใจ
พายุยกมือขึ้นเกาท้ายทอยด้วยความรู้สึกผิด ตอนแรกเขาตั้งใจจะแกล้งให้หญิงสาวตกใจเล่น แต่ไม่คิดว่าแม่คุณจะตัวบางชนิดที่รั้งเบาๆ ก็ปลิวแล้ว
“ขอโทษๆ พอดีแค่จะเข้ามาทักทายเฉยๆ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส
ไพลินหรี่ตามองอย่างไม่สบอารมณ์นักหลังจากเห็นรอยยิ้มของเขา
ถ้าเป็นคนอื่นหลังเลิกกับแฟนคงจะเฮิร์ตไปสามวันเจ็ดวัน แต่กับผู้ชายตรงหน้า อย่าหวังว่าจะได้เห็นสีหน้าอาลัยอาวรณ์เลย เพราะตอนนี้เขาดูสดใสเหมือนกับสุนัขที่ถูกปลดโซ่มากกว่าอีก
พอโสดแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง
เธอเกลียดผู้ชายอย่างเขาจริงๆ ผู้ชายประเภทที่คบผู้หญิงฆ่าเวลา คนที่ไม่มีความจริงใจและความจริงจังแบบนี้ ใครเขาจะอยากเป็นเพื่อนด้วยเล่า ทั้งที่ย้ำไปแล้วว่าอย่าเลิกกับแฟนเพราะผู้หญิงอีกคน
แต่ใครจะไปรู้กันเล่าว่าเขาบ้ากว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก
ไพลินถอนหายใจ จากนั้นบิดข้อมือออกจากการจับกุมของเขา และขยับตัวถอยเว้นระยะห่างเมื่อสังเกตเห็นสายตาของผู้คนรอบข้าง
“นาย...มีอะไร”
พายุเลิกคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวเย็นชามากขึ้นกว่าเดิม ทั้งที่คิดว่าถ้าตัวเองโสดแล้ว จะเข้าหาได้ง่ายกว่านี้อีก
แต่ที่เขาเลิกกับแฟน ไม่ได้เป็นเขาที่บอกเลิกสักหน่อย เด็กคนนั้นเห็นเขาเข้าบาร์และนั่งอยู่กับเด็กดริงค์ ก็เลยบอกเลิกเขาต่างหาก ซึ่งเขาก็คว้าโอกาสนั้นทันที แต่กลับกลายเป็นว่าถูกขีดเส้นกั้นมากกว่าเดิมเสียอย่างนั้น
“จะไปห้องสมุดเหรอ ให้เราช่วยไหม เราว่างพอดี”
ไพลินช้อนสายตามองเจ้าของร่างสูงที่ยังส่งยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นกวาดสายตามองรอบข้างที่เหมือนจะเริ่มจับกลุ่มพูดกันแล้ว
ถ้าอยู่ต่อต้องมีเรื่องมากวนใจแน่ๆ ออกไปจากตรงนี้ก่อนดีกว่า
“แล้วแต่นาย” ไพลินตอบกลับพร้อมกับหลังหันให้เพื่อนร่วมคณะและเดินตรงไปยังห้องสมุดทันที
พายุหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ปฏิเสธ จึงเดินตามแผ่นหลังเล็กไปอย่างอารมณ์ดี ถึงภายนอกจะดูเย็นชา แต่ก็ไม่ได้กีดกันความรับผิดชอบของเขาที่มีต่องาน ถ้าทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เขาต้องชนะใจเธอได้แน่
ดวงตาเรียวคมมองหญิงสาวด้วยความมาดมั่น
“ไพลิน! รอด้วยสิ!”
จนถึงตอนนี้พายุก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมไพลินถึงต้องขีดเส้นกั้นแบ่งแยกกับเขานัก ทั้งที่ช่วงเวลาที่ผ่านมาเท่าที่เคยสังเกตอยู่ไกลๆ หญิงสาวยังมีท่าทางเป็นมิตรให้กับเพื่อนร่วมรุ่นทุกคน ไม่ว่าใครจะเข้าหาเพื่อถามเรื่องการเรียน เธอก็พร้อมช่วยเหลือ ในขณะที่ยังคงปฏิเสธการเข้าหาของเขาอย่างต่อเนื่อง
นี่มันสองมาตรฐานชัดๆ!