Chapter 21 แผนลวงนางมารร้าย

1216 คำ
Chapter 21 แผนลวงนางมารร้าย หม่อมพิศพิไลเป็นสตรีสูงวัยเลยเลข 6 ไปหลายปี แต่ใบหน้ายังคงทิ้งเค้าโครงของความสวยงามเอาไว้ เพียงแค่ได้สบตาฉันก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่อีกฝ่ายมอบให้ แม้ต้องเดินทางไกลไปถึงเขาใหญ่ แต่หม่อมก็สวมชุดผ้าไหมเรียบหรูพร้อมเครื่องเพชรชุดอลังการส่งแสงวิบวับแยงตา ฉันแอบอมยิ้มขำในคำว่าผู้ดีที่ต้องจัดเต็มเพื่อหน้าตาทางสังคม ทั้งที่ตัวเองจนกรอบกำลังจ่อคิวจะโดนฟ้องล้มละลายอยู่รอมร่อ คนที่ไม่เคยตกอยู่ในสังคมแบบนั้นอย่างฉันได้แต่ถามในใจ พวกคุณหญิงคุณนายที่ต้องแต่งตัวประโคมเพชรอย่างนี้ทุกวันรู้สึกอึดอัดบ้างไหม “สวัสดีค่ะหม่อม” ฉันพนมมือไหว้อย่างนอบน้อม สองมือเหี่ยวย่นยกขึ้นประคองใบหน้าของฉันพร้อมกับรอยยิ้มละมุน “ไหว้พระเถอะหนูดาว ตัวจริงสวยกว่าในรูปมากเลยลูก” “ดาวกราบขอบพระคุณค่ะหม่อม” “เรียกว่าหม่อมแม่เถอะ” ฉันยิ้มแหยทำหน้าไม่ถูก พอเดาได้ว่าพ่อต้องไปตกลงอะไรกับหม่อมพิศพิไลเรียบร้อย ท่านถึงใช้แววตาและคำพูดกับฉันแบบนี้ ถึงแม้ความรู้สึกจะกระดากอาย แต่ก็ยอมเรียกเพื่อความสบายใจของอีกฝ่าย “ค่ะ หม่อมแม่” คิดอยู่ในใจว่าแม่พิมพ์แบบนี้จะเลี้ยงลูกให้เป็นเพลย์บอยและดูถูกผู้หญิงได้ขนาดนั้น ตาหม่อมหลวงนั่นคงเลวเพราะนิสัยตัวเองล้วนๆ “ตัวจริงหนูดาวสวยกว่าที่คุณพิมานเอารูปให้แม่ดูอีกนะ” คำชมซึ่งๆ หน้าทำให้แก้มของฉันแดงระเรื่อ “กราบขอบพระคุณหม่อมแม่ที่เอ็นดูดาวค่ะ” ฉันพนมมือไหว้ขอบคุณอย่างนอบน้อมก่อนจะผายมือเชิญหม่อมพิศพิไลขึ้นในรถตู้ แม้เวลาตอนนี้จะแค่ 9 โมงเช้า แต่แดดของเมืองไทยก็ค่อนข้างจ้าและเริ่มร้อนจนเหงื่อไหลซึม “เชิญขึ้นรถเถอะค่ะ เดี๋ยวสายกว่านี้จะยิ่งร้อนมาก” ฉันผายมือเชิญ “โอเคจ้า ไปคุยกันต่อในรถนะ” หม่อมพิศพิไลบอกและก้าวเข้าไปในรถก่อน จากนั้นฉันจึงก้าวตามขึ้นไป ฉันรู้สึกโล่งอกขึ้นมามากเมื่อหม่อมพิศพิไลให้ความเอ็นดู หม่อมไม่ได้เป็นผู้หญิงเจ้ายศเจ้าอย่างเหมือนอย่างที่คิดและนึกกลัวเอาไว้ตั้งแต่ต้น เมื่อได้รู้จักและสนทนากับหม่อมทำให้ฉันรู้สึกชื่นชม ท่านเป็นผู้หญิงทำงานไม่ต่างจากฉัน แม้จะอายุมากจนเลยวัยปลดเกษียณแต่ก็ต้องดูแลบริษัท ในขณะที่ลูกชายกลับไม่มาเหลียวแลดูดำดูดีกิจการของครอบครัวแม้แต่นิด ‘ผู้ชายอะไร เห็นแก่ตัวและไร้ความรับผิดชอบที่สุด’ ตอนนี้ฉันสรุปออกมาได้แบบนี้ ได้แต่ภาวนากับตัวเอง...หวังว่าเขาจะไม่มีเรื่องอื่นที่เลวร้ายมากไปกว่าที่รู้จักนะ ในตอนเช้าของวันทำงานปกติ แสงอาทิตย์อบอุ่นส่องผ่านกระจกบานใสมาถึงเตียงนอน แอร์คอนดิชั่นเนอร์เย็นฉ่ำยังทำความเย็นได้เต็มที่ คนบนเตียงหงุดหงิดเล็กน้อยที่แสงแดดแยงตาเพราะเด็กฟ้าใสลืมปิดม่านให้ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเมื่อผ้าห่มผืนหนาถูกพันรอบตัวและพลิกหน้าซุกหน้าลงบนหมอนอีกครั้งหลบแสงแดด “ห่ะ แดดส่อง สายแล้วยัยดาว” แต่ในวินาทีนั้นฉันก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีธุระด่วนที่ต้องไปจัดการ ผ้าห่มผืนหนาถูกสลัดออกจากตัว รีบกระโจนลงจากเตียงและวิ่งปรี่เข้าไปในห้องน้ำ ฉันใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวเร็วที่สุดในชีวิต หนีบกระเป๋าสะพายและเอียงคอใส่ตุ้มหูพร้อมกับเดินออกมานอกห้องด้วยความเร่งรีบ “จะทันไหมยัยดาว หล่อนมัวแต่นอน” ฉันบ่นกับตัวเองรีบวิ่งลงบันไดมาในขณะที่ยังใส่ตุ้มหูอีกข้างไม่เสร็จ “นั่นแกจะรีบไปไหน” เสียงทักทายไม่คุ้นเคยในตอนเช้าเรียกสายตาของฉันให้หันกลับไปมอง ถ้าจะนับเวลาจริงๆ ฉันไม่เจอพ่อบนโต๊ะอาหารเช้าแบบนี้มานับปี “ดาวมีธุระค่ะ” “วันนี้ไม่มีประชุมสำคัญไม่ใช่เหรอ” “ค่ะพ่อ แต่ดาวนัดเพื่อนเอาไว้” “นัดเพื่อนคนไหน แกถึงจะได้รีบไปแบบเร่งด่วนขนาดนั้น มาเล่าเรื่องเมื่อวานให้ฟังก่อนแล้วค่อยไป” น้ำเสียงทรงพลังบอกเป็นเชิงสั่ง ฉันต้องทำหน้าหงอยเดินไปที่ห้องอาหารของบ้าน การย่อตัวลงนั่งบนเก้าอี้ประจำของตัวเอง เด็กในบ้านขยับตัวเพื่อที่จะเติมกาแฟให้ ฉันต้องรีบยกมือห้ามเอาไว้ “ไม่เป็นไร” “จะไม่กินเช้าก่อนเหรอ เราไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแค่ไหนแล้ว” เสียงดังแทรกขึ้นมาทำให้ฉันอ่อนอกอ่อนใจ เหมือนพ่อจงใจจะแกล้งให้ฉันสายเสียอย่างนั้น “ค่ะพ่อ” ฉันตอบ ลอบพ่นลมหายใจผ่านปลายจมูก ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้เด็กจัดอาหารเช้าให้ “เมื่อวานเป็นยังไงบ้าง” “เรียบร้อยดีค่ะ หม่อมพิศพิไลชอบที่และโครงสร้างบ้านมาก” “อืม” พ่อตอบรับในลำคอสั้นๆ และเปิดหนังสือพิมพ์ขึ้นมากางอ่านโดยไม่สนใจที่จะสนทนากับฉันสักนิด หรือแม้แต่จะละสายตาจากหนังสือพิมพ์ธุรกิจขึ้นมามองก็ไม่มี ฉันงงกับอาการของพ่อมาก เรียกฉันมารับประทานอาหารเช้าด้วย แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนเป็นอากาศธาตุ ฉันยกกาแฟขึ้นจิบและสะพายกระเป๋าเป้พร้อมกับลุกขึ้น ขออนุญาตกับพ่อ “พ่อคะ ดาวขอตัวก่อนนะคะ” พ่อละสายตาจากหนังสือพิมพ์ขึ้นมามองฉันอีกครั้ง “อ้าว ไม่กินข้าวแล้วเหรอ” “ไม่ดีกว่าค่ะ ดาวรีบ” “อือ” พ่อบอกพร้อมกับทำมือส่งสัญญาณให้ฉันออกไปได้ ‘โฮะ! แบบนี้ก็ได้เหรอ พ่อนะพ่อ...สายจนได้นะยัยดาว เธอต้องสวมตีนผีซิ่งให้ถึงที่ทันเวลาอย่างเดียว’ “เฮ้อ! ในที่สุดก็มาทันนะยัยดาว” ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นรถเป้าหมายจอดอยู่ในลานจอดรถ เพราะรับปากกับคุณป้าทาริกาเอาไว้ว่าจะช่วย แม้จะกลายเป็นนางมารร้ายในสายตาของคนอื่นก็ตาม ฉันรอเป้าหมายอยู่ในรถ ไม่นานก็เห็นเขาเดินออกมา สังเกตเห็นว่าเขาสลัดศีรษะอยู่บ่อยๆ และใช้มือนวดขมับของตัวเอง ทวิชเดินออกมาอย่างเซ็งๆ หลังจากประชุมกับพี่ชายเสร็จ ตอนนี้สมองของเขามันตื้อจนไม่สามารถประมวลผลอะไรได้ ตอนนี้เขาต้องการเตียงนอนนุ่มๆ กับยาลดไข้สักสองเม็ด ทวิชก้าวเข้าไปในรถ แต่พอจะเอื้อมมือไปปิดประตูก็ถูกมือเล็กของฉันจับประตูเอาไว้ ฉันเห็นว่าใบหน้าเขามีอาการตกใจเล็กน้อยที่เห็นฉันอยู่ที่นี่ เชื่อว่าเขาคงจะจำฉันได้ “สวัสดีค่ะ ไปดื่มกาแฟเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” ฉันส่งยิ้มหวานและเอ่ยชวนเขา “มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า” เขาเลิกคิ้วถามฉันอย่างแปลกใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม