7
ขออย่าให้เขาจำฉันได้
ฉันคงไม่คิดว่าที่ฉันต้องเจอกับเขาเป็นเพราะโลกกลม ก็ฉันมาทำงานที่ร้านอาหารใกล้ค่ายที่เขาทำงานซะขนาดนี้มันก็คงจะมีบังเอิญเจอกันบ้างแหละ แต่เรื่องของเรื่องคือไม่คิดว่าจะได้เจอเร็วขนาดนี้ เร็วและมาแบบที่ยังไม่ทันตั้งตัว และฉันก็อยากจะบ้าตาย ฉันบอกว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาอีกแล้วแต่ทำไมพอรู้ว่าเป็นเขาอาการของฉันมันถึงได้มาซะขนาดนี้ ทั้งสะอึก ทั้งใจเต้นแรง ไหนจะเบลอจนบ้าก้าวถอยหลังทั้ง ๆ ที่ตรงที่ยืนเป็นบันไดลิงไม่มีด้านหลังให้ก้าวไปได้
แต่จริง ๆ ก็อาจจะแค่ตกใจแหละ เจอแบบนี้เป็นใครก็ต้องตกใจจนทำอะไรไม่ถูกด้วยกันทั้งนั้นล่ะวะ ยังไงเขาก็เคยเป็นผู้ชายที่ฉันเคยชอบและเคยบอกชอบ จู่ ๆ ผู้ชายที่เราเคยบอกชอบโผล่มาให้เผชิญหน้าไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้ทุกคนก็คงตกใจเหมือนฉันแหละน่า
เอาล่ะ ต่อไปฉันจะเป็นฉันที่มีสติและไม่เป็นแบบเมื่อกี้นี้แล้ว...ขออย่างเดียว ถ้าเขาเป็นพี่ครามจริง ๆ ขออย่าให้เขาจำฉันได้ ถ้าเขาจำฉันไม่ได้ฉันก็จะได้ไม่ต้องอายเรื่องในอดีต
"เป็นยังไงบ้างแก หายสะอึกหรือยัง หายสะอึกแล้วก็มานั่งนี่กับฉันเลย"หญิงเดินเข้ามาถามแล้วก็จูงมือฉันไปนั่งด้วย นั่งที่โต๊ะเดียวกับทหารหน้าหล่อสองคน เท่าที่จำได้คนหนึ่งคือพี่ยอดพี่ชายของหญิง เคยเจอกันสมัยเรียนอยู่ปีสอง ส่วนวันรับปริญญาพี่ยอดติดธุระสำคัญก็เลยไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดี ส่วนอีกคน...ถ้าฉันจำไม่ผิดคนจริง ๆ เหมือนที่เคยจำผิดที่ปักธงชัยก็น่าจะเป็นพี่ครามตัวจริงนั่นแหละ
และด้วยความสงสัย หลังจากต้องมานั่งในโต๊ะเดียวกันฉันจึงเผลอจ้องไปที่เขาหลายต่อหลายครั้ง ยืนยันได้เลยว่าเผลอเพราะทุกครั้งที่ฉันรู้ตัวว่ากำลังมองเขาฉันก็ตกใจตัวเองและต้องรีบหันหน้าหนีทันทีเหมือนกัน
ส่วนเขาก็ทำหน้านิ่ง ๆ เหมือนไม่ได้สนใจและเหมือนจะจำฉันไม่ได้จริง ๆ ...ว่าแต่สายตาของฉันตอนที่มองเขาโดยไม่รู้ตัวมันจะเหมือนฉันมองแบบอ่านกินเขาหรือเปล่าวะ...ตอนนี้เริ่มระแวงตัวเองแล้วหนึ่ง กลัวเขาจะจำได้เพราะฉันเอาแต่จ้องเขาก็ด้วย...
"แก ยังช็อกอยู่หรือเปล่าเนี่ย กาน เข้ามาแล้วก็ไปชงชามะนาวเปรี้ยว ๆ มาให้พี่ขวัญเขาดื่มให้สดชื่นหน่อย"หญิงสะกิดถามฉันแล้วบอกกับกานที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในร้าน
"ครับพี่"กานรับปากแล้วรีบไปชงชามะนาวมาให้
"พี่ขวัญโอเคนะครับ เมื่อกี้ผมใจหายใจคว่ำ"
"โอเคแล้ว แค่นี้ไม่ตกใจมากหรอก ตอนอยู่ที่บ้านพี่ตกหลังควายออกบ่อย"
"ฮ่า ๆ ยังจะมีหน้ามาอวด เมื่อกี้ฉันเห็นเหตุการณ์ก็เกือบจะช็อกไปด้วย นี่ถ้าผู้กองครามเขาไม่เข้าไปช่วยรับไว้ป่านนี้แกคงนอนซี้แหงแก๋อยู่ที่พื้นไปแล้ว สมองแกชอบคิดแต่เรื่องนิยายจนเบลอเป็นประจำ ตั้งแต่ตอนยังเรียนจนกระทั่งตอนนี้ฉันบอกจนปากเปียกปากแฉะว่าอย่าหาทำอะไรที่มันเสี่ยง ๆ เพราะถ้าแกเผลอแป๊บเดียวมันจะหมายถึงชีวิตของแกเลย"
หญิงเทศนาใส่ฉันเป็นชุด...นี่แหละแม่คนที่สองของฉัน ตอนไปอยู่มหาวิทยาลัยฉันยังมีชีวิตอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะหญิงนี่แหละ
"เทศนาเป็นแม่ของเพื่อนเลยนะเรา เอาซะไม่เกรงใจผู้กองที่นั่งฟังอยู่ด้วยเลย"พี่ยอดพูดแกมขำ ส่วนคนที่เขาเรียกว่าผู้กองก็ยังนิ่งได้อีก
"เอ่อ เมื่อกี้ขอบคุณนะคะที่ช่วยหนูไว้ แล้วก็ขอโทษที่ทำให้ลำบากด้วย"ฉันมองหน้าเขาแล้วยกมือไหว้ขอบคุณ
"ไม่เป็นไรครับ"เขาตอบกลับมาสั้น ๆ จากนั้นก็เปิดสมุดเมนูอาหารเพื่อสั่งอาหาร
"เอ้อ เพราะมัวตกใจหญิงก็เลยไม่ได้แนะนำเพื่อนหญิงให้พี่ยอดกับผู้กองรู้จักเลย นี่ขวัญเพื่อนหญิงนะคะ เป็นคนอีสาน เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกันกับหญิง จะขึ้นมาทำงานที่น่านสามเดือนเพื่อหาประสบการณ์ไปเขียนนิยาย"หญิงเริ่มแนะนำ
"พี่จำขวัญได้ เคยเจอตอนไปเยี่ยมเราที่มหาวิทยาลัยเมื่อหลายปีก่อน อีกอย่างเราก็เล่าเรื่องขวัญให้ฟังบ่อย ๆ จนพี่รู้สึกเหมือนพี่ได้เป็นเพื่อนกับขวัญไปด้วย ว่าแต่ขวัญจำพี่ได้ไหมเนี่ย"พี่ยอดยิ้มถามฉัน
"จำได้ค่ะพี่ยอด หญิงก็พูดถึงพี่ยอดให้ฟังบ่อย ๆ จนขวัญก็รู้สึกว่าพี่ยอดเป็นพี่ชายอีกคนของขวัญไปแล้วเหมือนกัน"
"ใช่ไหม...ถ้าเห็นว่าพี่เป็นพี่ชายแล้ว มาอยู่ที่นี่ถ้าติดปัญหาอะไรหรือต้องการให้พี่ช่วยอะไรก็บอกพี่ได้เสมอนะ พี่เต็มใจช่วย"
"แค่ช่วยเพราะเห็นเป็นน้องแค่นั้นนะพี่ยอด คนเจ้าชู้ ๆ อย่างพี่ยอดอย่าได้มาม่อหรือมาหยอดเพื่อนหญิงเด็ดขาด"
"ไม่ทันไรหวงเพื่อนซะและ"
"เปล่าหวงเพื่อนค่ะ ห่วงพี่ยอดนั่นแหละ กลัวจะกลายเป็นเสือสิ้นลายร้องไห้ขอความรักจากคนไม่มีหัวใจที่รักใครไม่เป็นอย่างยายนี่"
นึกว่าจะห่วงเพื่อนแต่กลายมาเป็นว่าฉันซะงั้น!
"พี่ยอดรู้จักขวัญและขวัญก็รู้จักพี่ยอดอยู่แล้ว งั้นแนะนำผู้กองครามที่อุตส่าห์ช่วยแกวันนี้ให้แกรู้จักก็แล้วกัน คนนี้ผู้กองคราม เป็นหัวหน้าพี่ยอดในค่ายทหารใกล้ ๆ ร้านเรานี่แหละ"
ตอนนี้ฉันว่าฉันมั่นใจว่าเป็นเขาจริง ๆ แบบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะ...ว่าแต่ตอนนี้เขาน่าจะอายุสักสามสิบเก้าแล้วใช่ไหมนะ เป็นทหารมันสบายเหรอเขาถึงไม่แก่สมอายุเลย ถ้าฉันไม่รู้จักเขามาก่อนและเขาโกหกว่าอายุยี่สิบปลาย ๆ ฉันก็คงจะเชื่อเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือฉันอยากรู้ขึ้นมาอีกและว่าเขามีเมียมีลูกหรือยัง ไม่ใช่อยากรู้เพราะอยากกลับไปชอบเขาเหมือนเดิมหรอกนะ ฉันก็แค่อยากรู้ตามนิสัยปกติชนทั่วไปที่ในครั้งหนึ่งเคยชอบและเคยเสียน้ำตาเพราะเขามาก่อน
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ"
"ครับ..."
ตอบสั้นเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงเลย...
"ของฉันเอาเป็นข้าวสวย ปลาทับทิมทอดน้ำปลา แล้วก็น้ำพริก ส่วนเครื่องดื่มขอเป็นน้ำมะพร้าวปั่นก็แล้วกัน หมวดอยากกินอะไรก็สั่งเลยนะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง"เขาตอบฉันแล้วหันไปสั่งอาหารกับกิ่งที่มายืนรอรับออเดอร์ และเมื่อเห็นว่าเขาเป็นลูกค้าและอาจจะอยากนั่งแค่กับคนที่เขามาด้วยฉันจึงขอตัวลุกไปยืนรอรับอาหารจากหน้าห้องครัวมาเสิร์ฟให้แทน
และในวันนั้นหลังจากเขารับประทานอาหารเสร็จเขาก็ออกไปจากร้านทันที ฉันไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรเพิ่มเติมจากเขาและก็ไม่ได้ถามหญิงหรือว่าพี่ยอดในเรื่องเขาด้วย แม้จะอยากรู้แค่ไหนแต่ฉันก็พยายามจะตัดใจไม่คิดขึ้นมาให้วุ่นวายอีก เขาจะมีครอบครัวหรือไม่มีครอบครัวมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันหมดความหวังเรื่องเขาไปนานมากแล้ว และถึงแม้จะได้บังเอิญกลับมาเจอกันฉันก็จะไม่ตั้งความหวังอะไรขึ้นอีก...แม้ใจมันจะทรยศคิดถึงตอนเจอกับเขาบ่อย ๆ อยู่บ้างก็เถอะ
สองวันต่อมา
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ เป็นวันที่ร้านปิดแต่ฉันก็ยังต้องตื่นแต่เช้าเหมือนเดิมเพราะหญิงบอกว่าวันนี้จะพาทัวร์น่านเพื่อหาโลเคชันเจ๋ง ๆ ให้ฉันได้ใช้เป็นแรงบันดาลใจในการวางพล็อตนิยายเรื่องใหม่
ประมาณหกโมงห้านาที ฉันลุกจากเตียงนอนตามเสียงนาฬิกาปลุกที่ปลุกเป็นรอบที่สาม จากนั้นก็พับผ้าห่มแล้วเดินไปเปิดม่านหน้าต่างดูวิวข้างนอก มองจากใบข้าวที่โบกพัดด้านนอกเหมือนจะมีลมพัดเอื่อย ๆ และน่าจะมีกลิ่นดินกลิ่นข้าวหอม ๆ เพราะฉะนั้นฉันจึงคิดจะออกไปสูดอากาศข้างนอกสักพัก
"หื้อ สดชื่นเว้ย! หลงรักที่นี่จนไม่อยากกลับบ้านแล้ว"ฉันบิดขี้เกียจสองสามทีแล้วตะโกนออกไปดัง ๆ จากนั้นก็หลับตาลงก่อนจะสูดอากาศสุดบริสุทธิ์เข้ามาเต็มปอด
แต่แล้ว...เมื่อลืมตาขึ้นแล้วก้มลงไปที่นาข้าวด้านนอกระเบียงฉันกลับต้องตกใจจนต้องถอยหลังกลับไปชนเข้ากับขอบประตูที่เปิดอ้าไว้เมื่อเห็นใครบางคนยืนอยู่ด้านล่าง
"พักอยู่ที่นี่เหรอ"
หลังจากแหงนหน้าขึ้นมองหน้าฉันอึ้งๆ (แต่ฉันคิดว่าฉันน่าจะอึ้งกว่าเพราะตอนนี้ฉันอยู่ในชุดนอน ยังไม่ล้างหน้า ยังไม่แปรงฟัน และที่สำคัญคือไม่รู้ว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง) พี่ครามที่ใส่เสื้อสปอร์ตคอกลมแขนสั้นสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นสีดำ มือข้างหนึ่งถือเบ็ด อีกข้างถือข้องใส่ปลาก็เอ่ยถามฉันขึ้นมาคนแรก
"แล้วพี่ เอ่อ..ผู้กองมาทำอะไรที่นี่คะ"ฉันถามหลังจากยกมือขยี้ตาตัวเองหลายครั้ง ตอนแรกนึกว่าผีหลอกหรือว่าภาพหลอน แต่หลังจากได้ยินเสียงถามก็เริ่มมั่นใจว่าคนที่ยืนแหงนหน้ามองฉันตอนนี้คือเขาจริง ๆ
"นี่นาป้าฉัน ส่วนบ้านหลังที่เธออยู่ก็เป็นบ้านเช่าของป้าฉัน"
"บะ บ้านป้าผู้กองเหรอคะ"ฉันถามกลับเสียงดังด้วยความตกใจ ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันเข้าใจคำว่าบังเอิญและก็โลกกลมสุด ๆ แล้วแหละ...