1. หน้าฝนปี 2017
1
หน้าฝนปี 2017
ปัจจุบันเป็นยุคที่ทุกคนรู้จักกับคำว่าสื่อโซเชียล โซเชียลมีเดียและสังคมออนไลน์เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนในสังคมไปหลายอย่าง รวมทั้งเปลี่ยนแปลงเรื่องความรักและการหาคู่ที่มาในหลายรูปแบบ หลายแอปพลิเคชัน
ฉันชื่อขวัญ นางสาวประทานพร พิกุลศรันย์ ตอนนี้ฉันอายุยี่สิบสี่ปี เป็นบัณฑิตจบใหม่ที่เพิ่งรับปริญญาไปเมื่อเดือนที่แล้ว ฉันเป็นคนหนึ่งที่เล่นโซเชียล ฉันรู้จักสื่อโซเชียลที่ใช้สำหรับการพิมพ์สนทนาครั้งแรกตอนเรียนอยู่ ม.3 ตอนแรกฉันแค่เห็นเพื่อนเล่นแต่ฉันไม่คิดที่จะสนใจเพราะว่าตอนนั้นค่อนข้างติดเรียน จนกระทั่งวันหนึ่งตอนอยู่ ม.4 ฉันเห็นเพื่อนเล่นแล้วเพื่อนบอกว่าสามารถค้นหาคนที่เราต้องการหาได้ แถมยังสามารถเพิ่มเพื่อนและทักไปสนทนากับเขาได้ด้วย ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันเริ่มสนใจและอยากสมัครเล่นบ้าง
สาเหตุที่ฉันเริ่มสนใจอยากเล่นทั้งที่ตอนแรกไม่สนใจเลยก็เพราะว่าฉันต้องการตามหารุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันแอบรักมากว่าห้าปี เขาเป็นรักแรกของฉัน เป็นพี่ที่หมู่บ้านอยู่ใกล้ ๆ กัน แต่พี่เขาไม่ได้อยู่บ้าน พอเรียนจบ ม.3 จากโรงเรียนที่ฉันเรียนพี่เขาก็ไปเรียนต่อที่ต่างจังหวัด จากนั้นก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย ฉันไม่รู้ข้อมูลอะไรของเขาเลยนอกจากชื่อเล่นและเพื่อนสนิทที่บ้านอยู่ข้าง ๆ บ้านเขาคนหนึ่ง และแน่นอนว่าหลังจากฉันสมัครแอปพลิเคชันนั้นและได้เป็นเพื่อนกับเพื่อนเขาในโลกออนไลน์ฉันก็ไม่กล้าทักไปถามข้อมูลอะไรเกี่ยวกับรุ่นพี่ที่ฉันแอบรักเหมือนเดิม สิ่งที่ฉันทำได้คือการค้นหาเพื่อนในบรรดาเพื่อนของพี่ผู้ชายคนนั้น หาได้เกือบหนึ่งปี ในที่สุดฉันก็หาเจอ...
แต่เรื่องของเรื่องคือพี่เขามีแฟนแล้ว...หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้เลิกชอบพี่เขาหรอก ฉันยังชอบพี่เขาเหมือนเดิม มันเป็นการแอบชอบที่ฝังใจมานาน ฉันคิดว่าฉันคงเลิกชอบเขาไม่ได้เพราะในระหว่างนั้นมีคนเข้ามาคุยแต่ฉันเหมือนจะคุยกับใครไม่ได้เลย และด้วยความที่ตอนนั้นยังเด็ก การค้นหารุ่นพี่ที่แอบรักมาตั้งหลายปีเจอก็อยากถามอยากคุย เพราะฉะนั้นฉันจึงทักไปคุยกับพี่เขา พี่เขาพอรู้ว่าฉันเป็นเด็กแถวบ้านก็คุยด้วยดีมาก หลังจากนั้นมีโอกาสก็ได้คุยกันบ่อย ๆ ส่วนมากจะคุยกันแค่เรื่องเรียน พี่เขาเรียนเก่งและแนะนำเรื่องเรียนได้ดีมาก ฉันรู้เรื่องนี้จากพี่ชายฉันที่เคยรู้จักกับเขาและยึดเขาเป็นแบบอย่างเรื่องเรียนมาโดยตลอด และจริง ๆ ฉันกับเขาก็มีเรื่องที่คุยกันแค่นั้นแหละ ฉันไม่กล้าถามเรื่องอื่น ไม่ได้คาดหวังว่าจะจีบเขาหรือแย่งเขามาจากแฟนของเขา ฉันแค่รู้สึกดีที่มีโอกาสได้มารู้จักและได้พูดคุยกับเขาหลังจากแอบรักและฝันถึงมานานหลายปี แค่นั้นฉันก็มีความสุขแล้ว...และหลังจากนั้นพอมีโอกาสได้คุยกันมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเรียนจบม.6 ฉันก็เหมือนจะรู้สึกกับเขาน้อยลง รู้สึกน้อยลงแต่ก็ยังไม่ใช่เลิกชอบได้เสียทีเดียว
และหลังจากจบ ม.6 ฉันมีโอกาสได้รู้จักกับแอปพลิเคชันอีกแอปหนึ่ง เป็นแอปพลิเคชันสีเหลืองที่หลาย ๆ คนอาจจะรู้ดี ฉันรู้จักแอปพลิเคชันนี้เพราะเพื่อนที่ทำงานในระหว่างรอไปเรียนมหาวิทยาลัยแนะนำให้เล่น เพื่อนบอกว่าสามารถใช้คุยกับคนใกล้ ๆ กันหรืออ่านพวกกระทู้นิยายได้ฟรี ตอนนั้นที่ฉันสนใจคือการอ่านกระทู้เพราะฉันชอบอ่านนิยาย พอรู้ว่าแอปดังกล่าวให้อ่านนิยายได้ฟรีฉันจึงลองดาวน์โหลดมาเล่นดูบ้าง
ตอนแรกฉันแค่สมัครและอ่านกระทู้อย่างเดียว จนกระทั่งวันหนึ่งมีผู้ชายคนหนึ่งแอดมา จริง ๆ หลังจากสมัครก็มีหลายคนแอดและทักมา ตอนแรกด้วยที่ไม่รู้ฉันก็รับแอดและกดอ่านข้อความที่เขาทักมา แต่หลังจากเปิดอ่านเท่านั้นแหละ แม่เจ้า...มาทั้งภาพทั้งวิดีโอจนฉันในวัยสิบเก้าปีที่ยังใส ๆ กดออกแทบไม่ทันเลย และหลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้กดรับใครเป็นเพื่อนอีก จนกระทั่งวันที่ผู้ชายคนนั้นที่จะเป็นเจ้าของสตอรี่นิยายเรื่องนี้แอดและทักมานั่นแหละ...
วันนั้นหลังจากอ่านกระทู้เสร็จ ฉันเห็นแจ้งเตือนขอเป็นเพื่อนและข้อความหนึ่งที่ทักเข้ามา ข้อความมีอยู่ว่า
"สวัสดีครับ ชอบเตะตะกร้อเหรอ? "
ที่เขาทักแบบนี้อาจจะเป็นเพราะภาพโปรไฟล์ของฉันเป็นภาพที่ฉันยืนถือตะกร้อถ่ายรูป
ฉันเห็นข้อความแล้วลองกดเข้าไปดูโปรไฟล์ของเขา ในโปรไฟล์ดังกล่าวมีรูปอยู่แค่รูปเดียวเป็นรูปที่เขายืนหันข้างเห็นหน้าไม่ค่อยชัด และเขาก็ไม่ได้โพสต์ภาพอะไรนอกนั้นอีกเลย เสร็จแล้วฉันก็ตอบเขาสั้น ๆ ว่า
"ค่ะ"
และหลังจากนั้นฉันก็ไปชงกาแฟให้ลูกค้าต่อ...วางโทรศัพท์ไว้ประมาณสิบห้านาทีกลับมาเปิดดูโทรศัพท์อีกทีก็เห็นข้อความที่เขาชวนคุย ตอนแรกฉันก็คุยตามปกติ เห็นพี่แกไม่ได้หื่นเหมือนคนอื่น ๆ ที่ทักมาและโชว์ของลับ ฉันถามพี่แกว่าชื่ออะไร อายุเท่าไร เป็นคนที่ไหน พี่แกบอกฉันว่าชื่อคราม อายุยี่สิบเจ็ด ทำงานในโรงงานที่ชลบุรี ภูมิลำเนาเป็นคนน่าน...และพอรู้ว่าอยู่น่านอยู่ ๆ ฉันก็ถูกชะตากับพี่แกขึ้นมาเฉยเลย อาจจะเป็นเพราะฉันชอบจังหวัดน่านอยู่แล้วด้วยมั้ง หลังจากนั้นฉันก็คุยกับเขาแทบทุกวัน ตอนแรกคุยแค่ในแอปพลิเคชันสีเหลือง คุยเรื่องทั่ว ๆ ไป ทั่วไปแบบจิปาถะจริง ๆ ไม่ได้มีเรื่องสิบแปดบวกเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนมากถ้าฉันถามเขาก็จะเป็นเรื่องตะกร้อและเรื่องที่เที่ยวในชลบุรีกับน่าน ตอนแรกเขามักจะทักฉันมา แต่หลัง ๆ ฉันก็เริ่มเป็นฝ่ายทักไปคุยบ้างเพราะรู้สึกว่าคุยกับเขาแล้วสบายใจไม่ว่าจะคุยเรื่องไหนก็กลายเป็นเรื่องสนุกน่าคุยไปหมด และหลังจากคุยในแอปสีเหลืองได้ประมาณสิบวัน วันที่ 25 เมษายนฉันก็ลองขอเฟสจากเขาลองดูเพราะอยากจะรู้จักเขามากยิ่งขึ้นด้วยที่คิดว่าโลกในเฟสบุ๊กน่าจะกว้างและฉันน่าจะได้เห็นตัวจริงของเขาชัดกว่าในแอปสีเหลือง และสรุปว่าพี่เขาก็ให้...พอฉันแอดไปเขาก็กดรับ เพราะฉะนั้นวันที่ 25 เมษายน 2017 เราจึงได้เป็นเพื่อนกันครั้งแรกในเฟสบุ๊ก
พอฉันแอดไปสิ่งแรกที่ฉันทำคือเข้าไปส่องเขาในเฟสบุ๊กเขา แต่สิ่งที่ฉันเจอมีเพียงภาพของเขาแบบเดียวกับภาพในแอปสีเหลือง นอกจากนั้นก็มีรูปของเขาในชุดทหารลายพรางที่ถ่ายกับเพื่อนตอนทำกิจกรรมอาสาบางอย่าง ตอนนั้นฉันเข้าใจว่าน่าจะเป็นรูปเก่าสมัยที่พี่เขายังเป็นทหารเกณฑ์ พอส่องแล้วเห็นแค่นั้นฉันก็ไม่ได้นึกสงสัยอะไร ก็ยังคุยกับเขาตามปกติแต่เปลี่ยนจากคุยในแอปสีเหลืองมาคุยในเฟสบุ๊ก
เราเริ่มคุยกันในเฟสบุ๊กตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน และตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนมิถุนายนฉันกับเขาก็คุยกันทุกวัน ตื่นมาหกโมงเช้าก็ทักไปหาเขาคนแรก หรือไม่ก็ตอบข้อความที่เขาส่งมาค้างไว้ตั้งแต่ก่อนนอนเมื่อคืน เอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาพูดให้กลายเป็นเรื่องที่น่าคุย เพียงแค่ประโยคแรกที่ฉันตอบหรือทักเขาไปในตอนเช้ามันก็จะมีเรื่องอีกมากมายให้เราคุยกันได้ไปอีกทั้งวัน ตอนแรกฉันคุยกับเขาด้วยความที่คุยแล้วรู้สึกสบายใจ ฉันเริ่มคุยกับเขาแบบไม่ได้คิดหรือรู้สึกอะไรเพราะฉันก็ไม่ได้รู้จักเขาดีขนาดนั้น แม้จะคุยกันมานานแต่หน้าตาชัด ๆ ของเขาฉันก็ไม่รู้ แต่แล้วพอเริ่มคุยกันทุกวัน ๆ ฉันก็เริ่มคุ้นชินกับการตอบแชทเขา จากปกติเป็นคนไม่ชอบทำอาหารก็เริ่มเข้าครัวทำอาหารเพื่อถ่ายอวดเขา เวลาไปทำนา เตะตะกร้อหรือทำอะไรฉันจะชอบถ่ายรูปให้เขาดูแล้วเขาก็จะแซวกลับมาในประโยคที่ค่อนข้างน่าหมั่นไส้แต่ทำให้ฉันยิ้มได้ตลอด
หน้าฝนในปี 2017 เป็นช่วงเวลาที่ฉันชอบมากที่สุดจากการได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ในโลกออนไลน์ที่ชื่อพี่คราม...
ตะเอ๋ ๆ ตอนแรกมาลงแล้วนะทุกคน ฝากเข้ามาอ่านกันเยอะ ๆ และอย่าลืมกดไลค์ คอมเมนต์ และเก็บเข้าชั้นกันด้วยนร้า
ในช่วง 1-4 ตอนแรกเป็นช่วงนางเอกเพ้อ ๆ ถึงเรื่องราวในอดีตของตัวเองหน่อย ทุกคนอย่าเพิ่งเบื่อกันนะ
ไว้ตอนที่ 5 เราจะไปขึ้นเหนือไปหาผู้บ่าวทหาร เอ้ย! ไปหาแรงบันดาลใจมาเขียนนิยายกัน...กริ้ว ๆ