"ดูออกด้วยเหรอ" โยธินถามกลับ
"มึงเล่นนั่งจ้องดูเป็นวิญญาณอาฆาตแบบนี้ ดูไม่ออกก็บ้าแล้ว" เธอตอบกลับ "มีอะไรว่ามา"
"มึงนั่นแหละ มีอะไรอยากจะถามกูไหม"
พอถูกถามแบบนั้น สิ่งที่วารีทดอัดอั้นมาทั้งวันก็เหมือนจะระเบิดออกมา หากแต่เธอก็พยายามเก็บมันเอาไว้ เพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศในตอนนี้
"ไม่มี"
"โกหก"
"ถ้ารู้ว่าโกหกงั้นก็อย่าถามดิ!"
วารีเริ่มเสียงดังขึ้น น้ำตาที่กลั้นไว้เริ่มเอ่อล้นขึ้นมารอบๆ โยธินไม่อาจปกปิดความเจ็บปวดทางสีหน้าไว้ได้ เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าคนตรงหน้าใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ
"ไอ้วา พวกเรา...เป็นเพื่อนกันตลอดไปไม่ได้เหรอ" คำถามของเขาเหมือนมีแส้เส้นใหญ่ฟาดใส่หน้าเธออย่างจัง
วารีชาวาบไปทั้งหน้าราวกับโดนตบ ทั้งที่ไม่มีใครตบเธอด้วยซ้ำ
"มึงว่าไงนะ"
"กูอยากเป็นเพื่อนกับมึงตลอดไปนะ อยากมีมึงอยู่ข้างๆ ในทุกช่วงเวลาของชีวิตเลย กูขาดมึงไม่ได้" โยธินอ้อนวอน
เขาเดินไปนั่งฝั่งเดียวกับเธอจนกระเช้าเอียงเล็กน้อย มือหนาจับมือของวารีขึ้นมาแนบแก้มของตัวเอง
"จะตบกูก็ได้ จะด่ากูก็ได้ หรือจะกระทืบกูก็ได้ แต่ว่าพวกเรา...เป็นแบบที่เคยเป็น มันก็โคตรดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ"
วารีผ่อนลมหายใจอย่างระงับอารมณ์ ก่อนจะค่อยๆ หันไปสบตากับโยธิน สายตาของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังเจ็บปวดไม่แพ้กัน
"มึงแน่ใจนะ ที่พูดออกมา"
"..."
"คิดให้ดี เพราะถ้ากูตอบตกลงเมื่อไหร่ นั่นแปลว่ามึงจะไม่มีโอกาสอีก" วารีตั้งคำถามอีกครั้ง
'ถ้าคุณคิดว่าเพื่อนคนนี้คือเพื่อนรักจริงๆ อย่าคบกันเด็ดขาด ถ้าไม่อยากให้เขาหายไปจากชีวิตของคุณ เพราะสุดท้ายแล้ว...เพื่อนกันมันดีที่สุด'
คอมเมนท์ที่ได้อ่านมาในตอนนั้นย้อนกลับเข้ามาในความคิด โยธินนิ่งไปครู่นึงก่อนจะพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
"กูแน่ใจ"
"..."
"เป็นเพื่อนกัน...เพื่อนที่โคตรรักอย่างที่ผ่านมา" โยธินยืนยันคำเดิม
วารีแค่นยิ้ม แต่ว่าในใจแสนจะรวดร้าว เธอพยายามเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลอาบลงมา ก่อนจะพยักหน้ารับ
"โอเค ได้ เพื่อนก็เพื่อน เพื่อนกัน ฮะๆ"
เป็นเสียงหัวเราะที่แห้งเหือดและน่าเศร้าที่สุดเท่าที่เธอเคยหัวเราะมา
กระเช้ามาหยุดอยู่ที่ปลายทางพอดี พนักงานมาเปิดประตูให้ทั้งสองคน วารีรีบเดินออกไป เธอจ้ำอ้าวลงไปที่ชั้นล่างโดยไม่รอโยธิน
"ไอ้วา! เดี๋ยวสิวะ รอกูด้วย!"
"อย่าตามมา!"
"..."
"กูขอเวลาอาทิตย์นึง ไม่สิ สามวัน แค่สามวัน มึงอย่าเพิ่งมาให้กูเห็นหน้าเลยนะ กูไม่อยากเจอหน้ามึง" วารีพูดโดยไม่หันไปมองหน้าเขา
แผ่นหลังเล็กๆ กำลังสั่นเทาราวกับว่าเธอกำลังร้องไห้ โยธินกำหมัดแน่น นึกเกลียดตัวเองที่ทำให้เธอต้องเสียน้ำตา
"กูถือว่าความเงียบของมึงแปลว่าตกลง"
วารีพูดแค่นั้นก็ก้าวเดินต่อไปยังทางออกของสวนสนุกเพียงลำพัง โยธินไม่อยากให้เธอกดดัน จึงได้แต่แอบเดินตามหลังเธออยู่ห่างๆ
วารีเดินมายืนรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์หน้าทางเข้าสวนสนุกติดถนนใหญ่ แต่เพราะเธอยืนน้ำตาไหลพราก ทำให้ผู้คนรอบๆ พากันมองด้วยความสงสัย โยธินยืนมองอยู่ไม่ไกล เขาถือผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือ อยากจะเข้าไปเช็ดน้ำตาให้แต่ก็ทำไม่ได้
รอไม่นานรถเมล์ก็มา วารีเดินไปนั่งตรงที่นั่งเดี่ยวด้านหน้าสุด ส่วนโยธินยืนอยู่แถวๆ กลางรถเพราะไม่มีที่นั่ง เขาไม่ละสายตาไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว
"ฮึก...ฮืออออ!!!" เสียงร้องไห้ของงานวารีดังลั่นไปทั้งรถ
คนในรถพร้อมใจกันหันไปมองที่เธอเป็นตาเดียว หญิงสาวไม่ได้สนใจสายตาใคร แต่ยังคงนั่งร้องไห้เสียงดังไปตลอดทาง
ด้านธีรดลและซอนย่า
"โยไม่รับสายเลย นี่มันอะไรกันเนี่ย สวนสนุกปิดปล้วนะ สองคนนั้นไปอยู่ที่ไหนกันแน่"
ซอนย่ากดโทรออกหาโยธินอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีคนรับสาย ด้านธีรดลเองก็กดโทรหาวารีจนมือหงิกเช่นกัน
"ยัยวารับสายไหมคะ?" เธอถามธีรดล
"ไม่รับเลย โยธินล่ะรับไหม"
"ไม่ค่ะ สงสัยไปด้วยกันแน่ๆ บ้าชะมัด มาทิ้งกันไว้แบบนี้ได้ยังไง แล้วฉันจะกลับยีงไงล่ะเนี่ย กระเป๋าตังค์ก็ลืมพกมา รถเมล์ก็ขึ้นไม่เป็น" ซอนย่าเริ่มเครียด
"โทรให้พ่อแม่มารับสิ" ธีรดลเสนอ
"พ่อแม่ฉันทำงานอยู่ต่างประเทศค่ะ ฉันอยู่คอนโดฯ คนเดียว"
"อยู่แถวไหน"
"ลาดพร้าวค่ะ" ซอนย่าตอบ พลางเลื่อนหาเบอร์ในมือถือ
แต่เพราะเธอเป็นคนปากแบบนี้ก็เลยไม่เคยมีเพื่อน ในเครื่องเลยมีแต่เบอร์ผู้ชายที่เป็นแฟนเก่าเท่านั่น
"ฉันก็อยู่ลาดพร้าว กลับด้วยกันสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง" ธีรดลแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมีเพื่อนเยอะแยะ เดี๋ยวโทรให้เพื่อนมารับก็ได้" เธอตอบวางมาด
"งั้นก็โทรสิ ถ้าเธอโทรหาเพื่อนเสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะกลับ" ธีรดลกอดอกรอ
ซอนย่าชักสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะกดโทรหาหนึ่งในกิ๊กเก่าของเธอดู
[ ฮัลโหล! ]
"ฮัลโหลเต้ นี่ซอนย่านะ เต้ว่าง..."
[ เตะบอลอยู่ ไม่ว่าง แค่นี้นะ! ]
ปลายสายตัดสายทิ้งอย่างไม่ไยดี ซอนย่าอยากจะกรี๊ดด้วยความโมโหแต่ก็ต้องเก็บอาการเอาไว้
"อย่าเล่นตัวนักเลย ที่ฉันจะไปส่งไม่ได้มีจุดประสงค์แอบแฝงอะไรหรอก แค่มันเริ่มมืดแล้ว มันอันตราย หรือเธอจะยืนล่อเสือล่อตะเข้อยู่ตรงนี้ก็ตามใจนะ" ธีรดลเริ่มรำคาญ
เขามองการแต่งตัวที่โชว์เนื้อหนังมังสาของซอนย่าแล้วได้แต่ถอนหายใจ
"กะ...ก็ได้ค่ะ! แต่ที่ฉันกลับด้วย ไม่ใช่เพราะไม่มีเพื่อนมารับหรอกนะ ก็แค่...เห็นว่ารุ่นพี่อยากทำตัวเป็นคนดี ก็ดลยสนองให้เท่านั้น" เธอกอดอกเชิดหน้าไปอีกทาง
"จะคิดยังไงก็ตามใจเหอะ ตามมาสิ รถจอดอยู่ตรงนั้น" ธีรดลเดินนำไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง
เขาส่งหมวกกันน็อคที่ซื้อมาเตรียมไว้สำหรับวารีโดยเฉพาะให้ซอนย่า แต่มันเป็นตัวล็อกแบบที่เธอไม่เคยเห็นก็เลยใส่ไม่เป็น ได้แต่ยืนเงอะๆ งะๆ หาทางใส่จนธีรดลสังเกตเห็น
"เอามานี่" เขาดึงหมวกกันน็อคไปแล้วจัดการใส่ให้เธอเอง
"ฉันไม่ได้ขอให้ช่วยนะ รุ่นพี่ทำเอง"
"อือ! ฉันยุ่งเอง พอใจยัง"
เขาขึ้นคร่อมรถแล้วสตาร์ทรอเธอ สองมือของซอนย่าจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของเขาแล้วขึ้นคร่อมซ้อนท้าย
"อยู่แถวไหนของลาดพร้าว"
"คอนโดฯ รื่นฤดีค่ะ"
"ถามจริง?"
"ทำไมคะ?"
"ฉันก็อยู่ที่นั่น"
ธีรดลตอบแค่นั้น ก็บิดคันเร่งทะยานออกสู่ถนนใหญ่ทันที
ด้านวารีและโยธิน
รถเมล์จอดเทียบที่หน้าหมู่บ้าน วารีเดินต่อเพื่อกลับบ้านด้วยสภาพที่หมดอาลัยตายอยากมากๆ โยธินยังคงเดินตามอยู่ห่างๆ เขาหยิบมือถือออกมาแล้วกดส่งข้อความหาขจร
'แด๊ดดี้ช่วยออกมารอไอ้วาทีาหน้าบ้านได้ไหมครับ ช่วยดูแลมันแทนผมตอนนี้ด้วย'
หลังจากกดส่งข้อความ โยธินก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลออกมาทิ้ง ไม่ใช่แค่วารีที่ร้องไห้เสียใจ เขาเองก็มีสภาพย่ำแย่ไม่ต่างไปจากเธอ
"แด๊ดดี้! ป๊ะป๋า! ฮืออออ!"
หมับ!
วารีที่เห็นว่าบิดามั้งสิงออกมายืนรอเธออยู่หน้าบ้านตะโกนเรียกทั้งสองคน ก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดแล่วร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด
ขจรและเนรมิตต่างก็กอดปลอบลูกสาว พลางมองมาทางโยธินด้วยแววตาเข้าใจและไม่ถือโทษ เพราะทั้งสองรู้ดีว่าอีกฝ่ายก็เจ็บปวดและเสียใจไม่แพ้กัน
'ไม่เป็นไรนะ'
ขจรเอ่ยถามอย่างไม่มีเสียง แค่โยธินอ่านปากออก เขาส่ายหน้าเพื่อจะบอกว่าไม่เป็นไร หากแต่น้ำตามันกลับไหลออกมา จนร่างกายรับไม่ไหว ต้องทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นแล้วอุดปากกลั่นเสียงสะอื้นไม่ให้วารีได้ยิน
ปัจจุบัน ปี พ.ศ. 2565
ณ ซอกตึกข้างร้านขายยา
"จำได้ยัง ว่ามึงขีดเส้นอะไรเอาไว้ ในเมื่อมึงเป็นคนสร้างเส้นนั้นขึ้นมา ก็ช่วยปฏิบัติตามด้วย อย่ามาล้ำเส้นกัน กูไม่ชอบ"
วารีเอ่ยเสียงเย็นและทำท่าจะเดินกลับไปที่รถ แต่โยธินดึงเธอกลับเข้ามาในซอกตึกอีกครั้ง
"มันคนละเรื่องเลยเว้ย ที่กูพูดเพราะกูเป็นห่วง มึงเข้าใจกูไหมเนี่ย"
"ไม่เข้าใจ นี่มันเรื่องบนเตียงชองกูกับแฟนกู มึงอย่ายุ่งได้ปะ"
"ไอ้วา มึงงี่เง่าแล้วนะ"
พลั่ก!
"มึงแหละงี่เง่า นี่มันตัวกู ร่างกายกู กูจะทำอะไร จะเอากับใคร หรือจะไปวันไนท์ที่ไหนเมื่อไหร่มันก็สิทธิ์ของกู มึงช่วยอยู่ในเส้นของคำว่าเพื่อนด้วย!"
วารีผลักอกโยธินหลายครั้งพร้อมตวาดแบบไม่ฟังอะไร
จากที่แค่อยากจะเตือนเพราะเป็นห่วง พอได้ยินหญิงสาวพูดเหมือนไม่สนใจไยดีร่างกายของตัวเองแบบนี้ โยธินก็เริ่มโมโหจนสติหลุด
"ไอ้วา!"
หมับ!
"ทำไม! มึงจะทำอะไรกู จะตบกูเหรอ เอาดิ มึงตบกูถีบ!" วารีโวยวายเมื่อถูกเขาผลักเข้ากำแพง
"กูไม่ได้จะตบ"
"แล้วมึงจะทำอะไร!"
"จะจูบไงไอ้เหี้ย!"
"อื้อ!!!"
สิ้นคำพูดอันเกรี้ยวกราด โยธินก็ประกบปสกจูบลงมาอย่างเร่าร้อนและรุนแรง!