ฉันแค่มาทวงเงิน

1170 คำ
ตอนที่ 13 ฉันแค่มาทวงเงิน หยุด!! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ คนที่หยุดไม่ใช่แค่กลุ่มคนที่อยู่ในห้องโถงนั่น เหล่าตำรวจที่กระโจนเข้าไปก็ต่างหยุดชะงักเหมือนกัน ต่างฝ่ายก็ต่างจ้องมองกันด้วยความตกตะลึง หรงจือหยางวิ่งตามเข้ามา ภาพตรงหน้าทำให้เขาตะลึงงันแทบจะอ้าปากค้าง ชายฉกรรจ์คนหนึ่งนอนอยู่ใต้ฝ่าเท้าของม่านเวยอิง มีเด็กสาวสามคนตัวสั่นเกาะอยู่ข้างหลังเธอ และรอบกายเต็มไปด้วยคนบาดเจ็บนอนระเนระนาด เหมือนเวลาหยุดไปชั่วขณะ ไร้ถ้อยคำใด ๆ หรงจือหยางได้สติรีบสั่งให้ตำรวจควบคุมสถานการณ์ จากนั้นก็เดินก้าวเข้าไปหาม่านเวยอิงแล้วถามขึ้น “คุณหนูม่าน ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้” ม่านเวยอิงเกือบจะยกนิ้วด่าอีกฝ่าย ทำไมเรื่องดี ๆ ของเธอล้วนถูกผู้ชายคนนี้ทำลายหมด เธอเก็บอาการตื่นตระหนกและโมโห พูดขึ้น “ฉันมาทวงหนี้” เฉียวเจียวกวาดสายตามองรอบๆ จนมั่นใจว่าเกิดอะไรขึ้น พอรู้ว่าตัวเองรอดแล้ว ก็ร้องไห้โฮขึ้นมาระบายความอัดอั้น “ฮื้ออออออออ” อี้หนิงก็กอดคอเพื่อนร้องตาม ในขณะที่ลู่ปิงก้มหน้าเก็บงำความรู้สึก หรงจือหยางเกิดอาการทำอะไรไม่ถูก คำพูดที่เตรียมจะเค้นถามอีกฝ่ายจึงได้หยุดชะงัก ได้แต่ปล่อยไปก่อน ม่านเวยอิงยิ้มที่มุมปากเด็กทั้งสามคนน่ารักไม่เบา ชายหนุ่มจึงพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้น ไปจากตรงนี้เสียก่อนเถอะ” ตลอดเวลาเดินทางหรงจือหยางก็ปล่อยให้เด็กทั้งสามร้องไห้จนพอใจ เมื่อเข้าไปยังห้องรับรองเขาให้คนเตรียมนมร้อนไว้ เมื่อเห็นว่าสงบใจกันแล้ว เขาจึงเดินมานั่งร่วมบนโต๊ะแล้วถามขึ้น “พร้อมจะตอบคำถามกันหรือยัง” “พวกเราไปแค่ไปทวงเงินเท่านั้น พวกนั้นไม่ยอมจึงได้มีการยื้อแย่งกันขึ้น” ตลอดเวลาหรงจือหยางได้สังเกตดูสีหน้าของม่านเวยอิงตลอด เด็กคนนี้นิ่งจนผิดปกติ ในฐานะในตำแหน่งในอาชีพเขาไม่อาจจะปล่อยผ่านได้ “คุณหนูม่าน คุณหนูคงทราบว่าหากผมสอบสวนพวกมัน แล้วได้ข้อมูลไม่ตรง อาจจะเกิดปัญหามากกว่าปกติได้ นี่คือหน้าที่ของผม” ม่านเวยอิงรู้สึกคับแค้น “ฉันก็พูดความจริง พวกเราเองก็เป็นผู้เสียหาย หากพวกคุณไม่มาฉันก็ทวงเงินฉันได้แล้ว ตรงนี้คุณจะรับผิดชอบยังไง” หรงจือหยางรู้สึกปวดหัวขึ้นมาหนึบ ๆ เขาปรายสายตามองไปยังเด็กสาวทั้งสามอีกครั้งแล้วชี้นิ้วไปยังอี้หนิงแล้วพูดขึ้น “หนูลองเล่ามาสิ ว่าวันนี้ไปทำอะไรที่นั่น” อี้หนิงชำเลืองตามองม่านเวยอิง ก่อนจะเอ่ยพูดน้ำเสียงตะกุกตะกัก “พวกเราทั้งสามคน พาม่านเวยอิงไปทวงเงินจริงๆค่ะ” หรงจือหยางยิ้มบางๆ แล้วถามต่อ “พาไป....ไม่ใช่ไปทวงด้วยกัน... ฉันขอเตือนนะเล่าความจริง ให้มันง่ายๆ จะได้จบง่าย ๆ” น้ำเสียงของหรงจือหยางคุกคามกดดัน ม่านเวยอิงคิดว่าไม่นานทุกอย่างก็คงเปิดเผย เธอไม่อยากจะอยู่ตรงนี้นานจึงพูดขึ้น “ก็พวกนี้ขูดรีดเอาเงินฉัน วันนี้ฉันก็แค่อยากจะทวงเงินก็เท่านั้น” ทั้งสามต่างพยักหน้ายอมรับ “คุณหนูม่านเวยอิง ใจกล้าไม่เบา ไม่คิดว่าอันตรายเกินไปหรือหากพวกเราไปไม่ทันเวลาจะเกิดอะไรขึ้น” “คุณตำรวจน่าจะเข้าใจผิดนะคะ ฉันกำลังจะได้เงินคืน แต่ถูกคุณมาขัดจังหวะ...ไม่ได้มาช่วย” เด็กทั้งสามต่างอึ้งกับคำพูดของม่านเวยอิง ฉีเจ๋อที่กำลังเข้ามาก็ตกตะลึง หรงจือหยางยิ้มบาง “ต้องขออภัยคุณหนูจริง ๆ บังเอิญพวกเราก็กำลังปฏิบัติหน้าที่” “ค*****นให้ฉัน ของกลางที่พวกคุณยึดไปย่อมมีเงินของฉันอยู่” หรงจือหยางจ้องมองม่านเวยอิงนัยต์ตาสีเข้มของเขาไม่บ่งบอกอารมณ์ “คุณหนูม่านต้องการเท่าไร” “ห๊า!!” ฉีเจ๋ออุทานอย่างตกใจ ม่านเวยอิงสีหน้าพอใจขึ้นมา “สามแสนนี่คือจำนวนที่ฉันต้องการไปทวง” หรงจือหยางยกหูโทรศัพท์ขึ้น สั่งการไป เรื่องของกลางหากยังไม่รายงานหลายอย่างจัดการได้และที่สำคัญเงินไม่ใช่เป้าหมายของภารกิจนี้ สักพักก็มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาพร้อมเงินสามมัด หรงจือหยางรับมาแล้วส่งให้ม่านเวยอิง “คุณหนูม่านเวยอิงสามารถกลับบ้านได้ ทว่าคุณหนูทั้งสามคนจำเป็นจะต้องอยู่ต่ออีก” ม่านเวยอิงรับเงินมาด้วยใจเบิกบาน แม้จะผิดแผนไปบ้างแต่ก็พอรับได้ ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของหรงจือหยางก็หยุดยิ้มแล้วพูดขึ้น “พวกฉันยังเด็ก ไต่สวนไปก็อยู่ในฐานะเยาวชนแต่หากทำให้เป็นเรื่องเป็นราวพวกนี้ได้ออกจากโรงเรียนแน่นอนส่วนอนาคตก็ไม่ต้องพูดถึง คุณจะทำเป็นไม่เห็นไม่ได้หรือ” เห็นม่านเวยอิงออกปาก เฉียวเจียวก็รีบพูดตาม “พวกเราไม่รู้ไม่เห็นสิ่งที่พวกนั้นทำนะคะ เราแค่ทำตามคำสั่งให้ขู่เอาเงินกลุ่มนักเรียนก็เท่านั้น” หรงจือหยางยกปากขึ้นถามต่อ “เท่านั้นหรือ” อี้หนิงรีบพูดต่อ แต่น้ำเสียงแผ่วเบา “เอ่อ ยังมีรับส่งของบางครั้งค่ะ” หรงจือหยางถอนหายใจแล้วถาม “รู้รึเปล่า ว่าอาจจะมีของสิ่งผิดกฎหมาย” เด็กทั้งสามพยักหน้ายอมรับผิด “เอาล่ะ ฉันจะปล่อยพวกเธอไป แต่ว่าหลังจากนี้หากมีใครติดต่อมาจะต้องรายงานฉัน นี่คือเบอร์ติดต่อ” หลังจากสอบถามมาสักพัก หรงจือหยางก็พอสรุปได้ว่าเด็กกลุ่มนี้ไม่มีข้อมูลอะไรและไม่ได้ร่วมการกระทำผิดร้ายแรง การรายงานโรงเรียนหรือผู้ปกครองอาจจะมีผลเสียมากกว่า หากสำนึกผิดได้ย่อมเป็นเรื่องดี ฉีเจ๋อเห็นว่าหรงจือหยางปล่อยคนแล้วก็รีบส่งสายตาบอกให้พวกเขากลับ ม่านเวยอิงจึงรีบพูด “ถ้าอย่างนั้น พวกฉันขอบคุณมาก ขอตัวก่อนนะคะ” พอทุกคนออกไปหมดประตูปิดสนิทลง ฉีเจ๋อก็หันไปทำหน้าเบื่อหน่ายใส่สหาย “ทำไม ต้องทำหน้าดุ เสียงดุ ขนาดนั้นด้วยว่ะ เด็กๆทั้งนั้นเลย” “หึ เด็กหรือ แกไม่เห็นตอนคุณหนูม่านของแกฟาดพวกนักเลง เสียงดุแค่นี้ไม่ทำให้เธอกลัวหรอกน่า” ฉีเจ๋อเบิกตากว้างถาม “จริงหรือ ที่พวกข้างนอกบอกว่าเธอล้มผู้ชายตัวโต ๆ ไปแล้วสิบกว่าคน” หรงจือหยางพยักหน้า เขาเห็นกับตา ฉีเจ๋อตกตะลึง เอ่ยพูดแผ่วเบา “น่ากลัวเกินไปแล้ว เรื่องที่ฉัน...เอ่อ...เรื่องนั้นช่างมันเหอะ” หรงจือหยางกลับยิ้มไปถึงดวงตา “แต่ฉันรู้สึกว่าชอบขึ้นมาจริง ๆ แล้วล่ะ” “เฮ้ย!!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม