ตอนที่ 12 ลงไม้ลงมือ
ม่านเวยอิงก้าวเท้าตามกลุ่มวายร้าย สายตาสำรวจรอบ ๆ พื้นที่ทั้งแออัดและมีกลิ่นอับ มีน้ำเอ่อนองไปตามทางเดิน ตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามาสายตาของคนที่อาศัยแถวนี้ก็ต่างจ้องมองอย่างไม่หวังดี
อี้หนิงชำเลืองมองดูหน้าม่านเวยอิงแล้วพูดขึ้น
“ม่านเวยอิงเธอต้องการจะทำอะไรกันแน่”
“ถึงหรือยัง คนที่สั่งให้พวกเธอมาขูดรีดเงินฉัน”
ลู่ปิงร้องฮึให้ลำคอ แล้วตอบ
“บ้านหลังข้างหน้าก็ใช่แล้ว”
เฉียวเจียวกระซิบถามอี้หนิง
“พวกเราต้องเข้าไปด้วยหรือเปล่า”
ม่านเวยอิงจึงพูดขึ้น
“ไปสิ”
อี้หนิงจึงพูดขึ้น
“กลัวเป็นแล้ว? บอกไว้ก่อนนะ พวกฉันไม่มีทางยืนมือเด็ดขาด”
ม่านเวยอิงขำเบา ๆ พูด
“มั่นใจเถอะ ด้วยฝีมือของพวกเธอฉันไม่หวังให้ช่วยอยู่แล้ว”
คนทั้งสามจ้องมองม่านเวยอิง ด้วยสายตารังเกียจ
เมื่อเข้าไปถึงหน้าบ้านซอมซ่อหลังหนึ่ง อี้หนิงเดินไปกดกริ่งเป็นจังหวะส่งสัญญาณให้คนข้างในเปิดประตู
เอี๊ยดดด
คนที่มาเปิดประตูเป็นชายอายุประมาณยี่สิบปลายๆ สวมกางเกงยีนส์เสื้อกรามสีดำเผยให้เห็นรอยสักตามรอยแขน มันมองม่านเวยอิงสายตากรุ่มกริ่มแฝงความชั่วร้าย
“ทำไมถึงมีคนอื่นมาด้วย แต่ว่า...ไม่เป็นไรสำหรับสาวสวยที่นี่ต้อนรับเสมอ เข้ามาสิ”
ม่านเวยอิงยิ้มมุมปาก เข้าไปตามคำเชิญอย่างไม่ลังเล ภายในบ้านเป็นห้องโถงขนาดกลางคละคลุ้งเต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่
ม่านเวยอิงรู้สึกหายใจไม่ออก เธอสำลักควันไอไปหลายครั้ง เมื่อปรับตัวได้ จึงตั้งใจจะรีบจัดการแล้วรีบออกไป เธอปรายสายตา มองมีเหล่าวัยรุ่นบางส่วนกำลังเล่นสนุ๊กเกอร์ บางส่วนกำลังนั่งดื่ม บางส่วนนั่งพูดคุยกัน มีมากกว่าสามสิบคน
เด็กสาวทั้งสามตกใจ เหตุใดวันนี้มีคนมากมายขนาดนี้
ลู่ปิ่งจึงกระซิบพูด
“ฉันว่าพวกเรากลับกันเถอะ”
เฉียวเจียวเห็นด้วย เธอถอยหลังอย่างหวาดระแวง
“นั่นสิ ฉันว่าบรรยากาศมันดูไม่ปกตินะ”
พูดเสร็จก็คว้ามือกันหันเตรียมเดินกลับ
ชายฉกรรจ์กับลูกน้องอีกสองสามคนก็เดินมาขวาง แววตามุ่งร้าย
“จะรีบไปไหน ในเมื่อมาแล้วก็คุยกันเสียหน่อย อีกอย่าง นี่ก็เปิดเทอมหลายวันแล้ว ไม่ใช่วันนี้พวกเธอมาส่งเงินหรือ”
ม่านเวยอิงหันตัวมาตอบแทน
“ไม่มี”
ชายคนนั้นเลิกคิ้วขึ้น
“น้องสาว ที่นี่ไม่ใช่ที่จะมาล้อเล่นได้”
“ฉันไม่ได้บอกว่าล้อเล่น”
“ฮ่า ฮ่า ไม่ล้อเล่น แล้วน้องสาวต้องการจะทำอะไร”
ม่านเวยอิงมองชายตรงหน้า คนแบบนี้ไม่น่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่ แต่อย่างไรก็ต้องจัดการก่อน
“ฉันมาทวงเงินคืน เงินที่พวกนี้นำมาให้พวกแก”
เสียง “พรืด” ดังขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะดังก้องขึ้น
แม้ม่านเวยอิงจะพูดน้ำเสียงดุดันเพียงใดทว่าความน่ารักพริ้มเพราเหล่าโจรโชกโชนมองเป็นการเล่นงิ้ว
“น้องสาว อะไรทำให้น้องสาวคนสวย..มั่นใจเช่นนั้น”
ชายคนนั้นพูดพลางปรายสายตามองเด็กสาวทั้งสาว
พวกเธอต่างส่ายหน้าด้วยความหวาดกลัว
ม่านเวยอิงเกลียดที่สุดก็คือ คนพูดและทำหน้าตาเช่นนี้ ชาติที่แล้วหากใครดูหมิ่นเธอเช่นนั้นต้องสิ้นชีพทันที ทว่าในยุคนี้เธอเข้าใจดีว่าไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ จึงกำหมัดแน่นกดความโกรธไว้
“ในเมื่อพูดดีไม่ชอบ ก็คงต้องใช้กำลัง”
ฮ่า ฮ่า พวกนั้นพากันหัวเราะก้องอีกครั้ง
ผลัวะ!! โครม!!
ทุกคนต่างตกตะลึงกับปลายเท้าของหญิงสวยที่ฟาดลงไปและยังตามด้วยแรงถีบชายคนนั้นปลิวไปไกล
สามสาวดวงตาเบิกกว้าง อ้าปากค้าง
ม่านเวยอิงวางเท้าลงยืนนิ่ง ปรายสายตามองรอบ ๆ พร้อมพูดขึ้น
“ใครจะลองก็เข้ามา”
น้ำเสียงและสีหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความโอหังอวดดี มันเป็นการท้าทายกระตุ้นอารมณ์ เหล่าวัยรุ่นต่างพายืนขึ้นเตรียมกรูเข้ารุม
ม่านเวยอิงยิ้มกรุ่มกริ่ม ลมปราณไม่ลดแสดงว่าใช้ยามป้องกันตัวได้
ดี!! คันไม้ คันมือ มาหลายวันแล้ว
ย๊าก!!
ผลัวะ!! โครม!!
นอกบ้าน
หรงจือหยางขมวดคิ้ว เหตุใดข้างในถึงได้มีเสียงต่อสู้ดังขึ้น
“หัวหน้าครับ เราจะจู่โจมตอนนี้เลยหรือไม่ครับ”
“รอสักพักพวกมันอาจจะเจรจากันไม่สำเร็จแล้วต่อสู้กันเอง สายของเราข้างในแจ้งมาว่าอย่างไร”
กรี๊ด!!
มีเสียงผู้หญิงดังขึ้น พร้อมข้อความส่งสัญญาณออกมา
หรงจือหยางจึงยกมือสั่งบุก
เสียงหนึ่งดังแหวกขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย
หยุด!! เจ้าหน้าที่ปิดล้อมไว้หมดแล้ว