ย่อมเป็นอันดับหนึ่ง

1339 คำ
ม่านเวยอิงเดินนำเด็กทั้งสามออกมาแล้วเธอก็ถามขึ้น “พวกเธอพักที่ไหน” “เราพักด้วยกัน” ลู่ปิงตอบ “งั้นดีเลย วันนี้ไปเก็บของแล้วมาพักกับฉัน” ม่านเวยอิงบอก “บ้ารึเปล่า ฉันไม่อยากไปกับแกนะ” อี้หนิงรีบแย้ง “คิดดี ๆ นะ หากพวกนั้นย้อนกลับมาพวกเธอจะรับมือไหวหรือเปล่า ไปอยู่กับฉัน ฉันรับรองจะคุ้มครองพวกเธอเอง” เฉียวเจียวรู้สึกหวั่นใจจึงพูดขึ้น “ถะ...เธอ จะให้ฉันไปอยู่ด้วยจริงหรอ” ม่านเวยอิงยิ้มมุมปาก “แน่นอน แต่ว่าวันนี้อาจจะแออัดกันสักหน่อย แต่ไม่นาน ไม่ต้องกังวล...ฉันมีเงินแล้วก็หาที่ดีๆ ใหม่ได้” “เธอไม่กลัวหรือ” อี้หนิงถาม ม่านเวยอิงชำเลืองมอง “มาถึงขนาดนี้แล้ว คำถามนี้ยังจะถามอีกหรอ” จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีเพียงม่านเวยอิงที่ช่วยพวกเธอรอดจากทั้งฝั่งแก๊งเดิมและฝั่งทางตำรวจ เด็กทั้งสามจ้องมองประสานตาพยักหน้าแล้วพูดขึ้นพร้อมกัน “ตกลง พวกเราจะไปอยู่กับเธอ” เมื่อพาไปเก็บของจากหอพักเดิม ม่านเวยอิงก็สั่งเก็บไปเพียงสิ่งของสำคัญก่อน ที่เหลือค่อยมาเก็บอีกในวันหลัง เมื่อทั้งหมดมาถึงคอนโดก็เกือบจะสี่ทุ่ม ม่านเวยอิงรู้สึกเหนื่อยล้าอยากจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จึงพูดขึ้น “วันนี้พวกเธอก็จัดแจงกันนอนในห้องรับแขกไปก่อน” “อืม พวกฉันจะจัดการกันเอง” เมื่อม่านเวยอิงปิดประตูห้องนอนไป คนทั้งสามก็จัดพากันจัดที่นอนกันอย่างเชี่ยวชาญเหมือนการย้ายที่พักเป็นเรื่องปกติที่ได้พบเจอกันประจำ หลังจากพากันอาบน้ำเสร็จก็มานอนปรึกษากัน เฉียวเจียวเอ่ยขึ้นก่อน “เธอรู้สึกแปลกๆ ไหม ทำไมตอนนี้พวกเรามาพักกับยัยนั่นได้” ลู่ปิงเอ่ยตาม “ฉันยังคิดว่ากำลังฝันไปเสียอีก” อี้หนิงเลยพูดต่อ “พวกนั้นจะตามล่าพวกเราไหม” เฉียวเจียวส่ายหัว “ไม่รู้สิ” ลู่ปิงกำลังเอ่ย ประตูห้องนอนเปิดออก ม่านเวยอิงยืนนิ่งพร้อมใบหน้าไม่สบอารมณ์พูดขึ้น “ฉันอดทนรอให้พวกเธอจัดการตัวเองให้เสร็จ แล้วตอนนี้ยังพูดพล่ามไม่หยุดมันหนวกหู ฉันจะนอนแล้ว เรื่องที่พวกเธอห่วงเลิกคิดไปได้เลย ไอ้พวกนั้นถูกจัดการไปหมดแล้ว คาดว่าตอนนี้ทั้งญาติสนิทของพวกเธอจะเป็นพ่อหรือแม่ก็ล้วนถูกตำรวจจับตาไว้หมด เบี้ยเล็กๆ อย่างพวกเธอนายใหญ่เขาไม่เอาเวลามาใส่ใจหรือเสี่ยงด้วยหรอก และความจริงอีกอย่างตั้งแต่ต้นนายใหญ่เขาก็ไม่รู้ว่าเบี้ยแบบพวกเธอมีตัวตนหรือเปล่าเวลาเก็บกวาดพวกเธอก็สลายไปพร้อมอยู่แล้ว” เฉียวเจียวดวงตาเป็นประกายขึ้น “แสดงว่าพวกฉันก็มีอิสระแล้วสิ” เห็นทั้งสามแสดงอาการดีใจ จนม่านเวยอิงรู้สึกสมเพช “นี่!! เป็นอิสระ คิดง่ายดีนิ” อี้หนิงหน้าเสียขึ้นมา “อย่าบอกนะว่าเธอจะให้พวกเราไปขูดรีดเงินคนอื่นมาให้แทน” ม่านเวยอิงหน้าบึงตึงขึ้น ตะคอกทันที “งี่เง่า!! ด้วยฐานะอย่างฉันไม่ลดตัวลงไปทำอะไรแบบนั้น ขี้เกียจจะอธิบาย เอาเป็นว่าตัดสินใจเอาล่ะกัน ว่าจะอยู่กับฉันเป็นลูกน้องฉันหรือกลับไปอยู่สภาพเดิมที่พวกเธอเคยอยู่ แล้วก็เงียบๆ ด้วยฉันจะนอน” ปัง!! เสียงประตูที่ดังทำให้พวกเขาสะดุ้ง หันมองหน้ากันกระซิบแผ่วเบา “ฐานะยัยนั่นคือฐานะอะไร” “น่าจะไม่ธรรมดามั้ง ตอนกลางวันยังต่อรองตำรวจได้ด้วย” “อืม แถมยังขอเงินมาได้ตั้งสามแสน” “หรือจริง ๆ แล้ว....คือสายตำรวจ” “ใช่...ต้องใช่แน่ๆ” เมื่อสรุปได้ว่าม่านเวยอิงคือฝ่ายตำรวจ และดูแล้วคงจะมีพอมีเงินเด็กทั้งสามก็ตัดสินใจเลือกหัวหน้าใหม่ทันที รุ่งเช้าอากาศสดใสกว่าปกติ ม่านเวยอิงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ได้ยินเสียงคนข้างนอกคุยกันก็ไม่สนใจ ทว่าเมื่อเปิดประตูออกก็ตกตะลึงตกใจกับท่าทีใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรเกินบรรยาย “ท่านม่านตื่นแล้วหรือคะ พวกเราทำข้าวต้มไว้แล้ว มาทานข้าวเช้ากันเถอะค่ะ” คนหนึ่งช่วยถือกระเป๋า คนหนึ่งช่วยยกเก้าอี้ คนหนึ่งช่วยเสริฟนมอุ่นๆ ม่านเวยอิงกระหยิ่มยิ้มพอใจ พูดขึ้น “พวกเธอ...เข้าใจอะไรง่ายดีฉันชอบ จากนี้รับรองว่าฉันจะดูแลพวกเธออย่างดี” จากนั้นม่านเวยอิงก็โทรหาไป๋หลันว่าต้องการบ้านเช่าที่มีห้องนอนสัก 2-3 ห้อง จังหวะพอดีกับที่ไป๋หลันเองก็กำลังเตรียมจัดหาที่พักใหม่ เพราะตอนนี้ม่านเวยอิงไม่ใช่ดาราเกรด C แล้ว แต่เป็นถึงดาราเกรด A ชีวิตเรียบง่ายที่ลงตัว เห็นม่านเวยอิงเดินนำคนทั้งสามไปโรงเรียน โดยที่ไม่สอบถามอะไรพวกเขาก็คิดว่า อีกฝ่ายคงรู้ความจริงหมดแล้ว จึงไม่มีการอธิบายอะไรอีก ม่านเวยอิงพูดขึ้น “ฉันอยากจะเข้าชมรมว่ายน้ำ พวกเธอจะไปสมัครด้วยไหม” ลู่ปิงพูดขึ้น “แน่นอนสิค่ะ ท่านม่านไปที่ไหนพวกเราก็ไปด้วย” อี้หนิงเสริม “ถ้าท่านม่านเข้าชมรมจะต้องทำให้ชมรมโด่งดังแน่นอนค่ะ” เฉียวเจียวพูดต่อ “เสียดายที่เทอมสองการแข่งกีฬาโรงเรียนจบไปแล้ว” ม่านเวยอิงจึงพูด “ไม่หรอก กีฬาระหว่างโรงเรียนยังคงมีอยู่” ลู่ปิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงฮึกเหิม “ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปสมัครกันค่ะ” อี้หนิงเลื่อนดูมือถือฟีดใหม่ ๆ ที่กำลังเป็นกระแสนิยม “ท่านม่าน ท่านดูนี่สิ ถ่ายภาพโปรโมทเกมออนไลน์ REGA ภาพของท่านม่านเวยอิงได้รับการกดไลน์และชื่นชมมากที่สุดเลยนะคะ” “ว้าวว ท่านม่านดูองอาจเก่งกาจที่สุดเลย” ม่านเวยอิงยืนมือไปรับภาพมาดู ความรู้สึกอิ่มเอมกระจ่างใสดุจมีสายน้ำไหลผ่านหัวใจ นี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอได้มองรูปถ่ายที่ถ่ายทอดความเป็นตัวเธอได้ชัดเจนขนาดนี้ เธอเหม่อลอยไปพูดน้ำเสียงแผ่วเบา “สวยจริง ๆ” เด็กสาวทั้งสามเห็นประกายแวววับภาคภูมิใจของม่านเวยอิงก็รีบเอ่ยชม “ท่านม่านเหมือนจอมยุทธ์หญิงเลย” “กระแสเมื่อวานบวกกับภาพโปรโมทชุดนี้ ยิ่งทำให้ท่านม่านได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก” “ใช่ค่ะ ตอนนี้ยอดค้นหาของท่านม่านพุ่งทะยานขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งแล้วค่ะ” “พวกเราโชคดีมาก ๆ ที่ได้มาอยู่เป็นลูกน้องคนสนิทของท่าน” “เพื่อน ๆ ในโรงเรียนต้องอิจฉาพวกเราแน่ๆ เลย” “เสียดายที่ตำแหน่งดาวโรงเรียนแข่งขันจบไปแล้ว” “ก็แค่ตำแหน่ง แต่ความจริงก็รู้อยู่แล้วว่าทั้งความสวยและความสามารถท่านม่านเวยอิงต้องมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว” “ใช่ ๆ รอถึงตอนแข่งขันกีฬาระหว่างโรงเรียน วันนั้นจะเป็นที่ประจักษ์ว่าใครคืออันดับหนึ่งอย่างแท้จริง” “ท่านม่าน พวกเรารีบไปชมรมว่ายน้ำกันเถอะค่ะ” “ตอนนี้จะสายแล้วเข้าห้องเรียนก่อน” “นั่นสิ ท่านม่านพวกเราไปห้องเรียนกันก่อนนะคะ” เด็กทั้งสามสลับกันพูดยกย่องเป็นจังหวะสอดคล้องกันไปมา วาจาอ่อนหวาน ๆ ผู้ใดก็ย่อมชื่นชอบ ม่านเวยอิงยิ้มอ่อน ๆ อันดับหนึ่งทางด้านกีฬาก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก กระนั้นก็ยังแสร้งตีเสียงขรึม “อืม.เรื่องว่ายน้ำฉันย่อมเป็นอันดับหนึ่ง...แต่ว่าตอนนี้เรียกฉันว่าคุณม่านเวยอิงก็พอ” เสียงใสๆ ขานรับพร้อมกัน “ได้ค่ะ คุณม่านเวยอิง” สำนักงานกฎหมาย ฉีเจ๋อวางเอกสารลงแล้วมองหน้าหรงจือหยางแล้วพูดขึ้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม