ม่านเวยอิงเดินนำเด็กทั้งสามออกมาแล้วเธอก็ถามขึ้น
“พวกเธอพักที่ไหน”
“เราพักด้วยกัน” ลู่ปิงตอบ
“งั้นดีเลย วันนี้ไปเก็บของแล้วมาพักกับฉัน” ม่านเวยอิงบอก
“บ้ารึเปล่า ฉันไม่อยากไปกับแกนะ” อี้หนิงรีบแย้ง
“คิดดี ๆ นะ หากพวกนั้นย้อนกลับมาพวกเธอจะรับมือไหวหรือเปล่า ไปอยู่กับฉัน ฉันรับรองจะคุ้มครองพวกเธอเอง”
เฉียวเจียวรู้สึกหวั่นใจจึงพูดขึ้น
“ถะ...เธอ จะให้ฉันไปอยู่ด้วยจริงหรอ”
ม่านเวยอิงยิ้มมุมปาก
“แน่นอน แต่ว่าวันนี้อาจจะแออัดกันสักหน่อย แต่ไม่นาน ไม่ต้องกังวล...ฉันมีเงินแล้วก็หาที่ดีๆ ใหม่ได้”
“เธอไม่กลัวหรือ” อี้หนิงถาม
ม่านเวยอิงชำเลืองมอง
“มาถึงขนาดนี้แล้ว คำถามนี้ยังจะถามอีกหรอ”
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีเพียงม่านเวยอิงที่ช่วยพวกเธอรอดจากทั้งฝั่งแก๊งเดิมและฝั่งทางตำรวจ เด็กทั้งสามจ้องมองประสานตาพยักหน้าแล้วพูดขึ้นพร้อมกัน
“ตกลง พวกเราจะไปอยู่กับเธอ”
เมื่อพาไปเก็บของจากหอพักเดิม ม่านเวยอิงก็สั่งเก็บไปเพียงสิ่งของสำคัญก่อน ที่เหลือค่อยมาเก็บอีกในวันหลัง
เมื่อทั้งหมดมาถึงคอนโดก็เกือบจะสี่ทุ่ม ม่านเวยอิงรู้สึกเหนื่อยล้าอยากจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จึงพูดขึ้น
“วันนี้พวกเธอก็จัดแจงกันนอนในห้องรับแขกไปก่อน”
“อืม พวกฉันจะจัดการกันเอง”
เมื่อม่านเวยอิงปิดประตูห้องนอนไป คนทั้งสามก็จัดพากันจัดที่นอนกันอย่างเชี่ยวชาญเหมือนการย้ายที่พักเป็นเรื่องปกติที่ได้พบเจอกันประจำ
หลังจากพากันอาบน้ำเสร็จก็มานอนปรึกษากัน
เฉียวเจียวเอ่ยขึ้นก่อน
“เธอรู้สึกแปลกๆ ไหม ทำไมตอนนี้พวกเรามาพักกับยัยนั่นได้”
ลู่ปิงเอ่ยตาม
“ฉันยังคิดว่ากำลังฝันไปเสียอีก”
อี้หนิงเลยพูดต่อ
“พวกนั้นจะตามล่าพวกเราไหม”
เฉียวเจียวส่ายหัว
“ไม่รู้สิ”
ลู่ปิงกำลังเอ่ย ประตูห้องนอนเปิดออก ม่านเวยอิงยืนนิ่งพร้อมใบหน้าไม่สบอารมณ์พูดขึ้น
“ฉันอดทนรอให้พวกเธอจัดการตัวเองให้เสร็จ แล้วตอนนี้ยังพูดพล่ามไม่หยุดมันหนวกหู ฉันจะนอนแล้ว เรื่องที่พวกเธอห่วงเลิกคิดไปได้เลย ไอ้พวกนั้นถูกจัดการไปหมดแล้ว คาดว่าตอนนี้ทั้งญาติสนิทของพวกเธอจะเป็นพ่อหรือแม่ก็ล้วนถูกตำรวจจับตาไว้หมด เบี้ยเล็กๆ อย่างพวกเธอนายใหญ่เขาไม่เอาเวลามาใส่ใจหรือเสี่ยงด้วยหรอก และความจริงอีกอย่างตั้งแต่ต้นนายใหญ่เขาก็ไม่รู้ว่าเบี้ยแบบพวกเธอมีตัวตนหรือเปล่าเวลาเก็บกวาดพวกเธอก็สลายไปพร้อมอยู่แล้ว”
เฉียวเจียวดวงตาเป็นประกายขึ้น
“แสดงว่าพวกฉันก็มีอิสระแล้วสิ”
เห็นทั้งสามแสดงอาการดีใจ จนม่านเวยอิงรู้สึกสมเพช
“นี่!! เป็นอิสระ คิดง่ายดีนิ”
อี้หนิงหน้าเสียขึ้นมา
“อย่าบอกนะว่าเธอจะให้พวกเราไปขูดรีดเงินคนอื่นมาให้แทน”
ม่านเวยอิงหน้าบึงตึงขึ้น ตะคอกทันที
“งี่เง่า!! ด้วยฐานะอย่างฉันไม่ลดตัวลงไปทำอะไรแบบนั้น ขี้เกียจจะอธิบาย เอาเป็นว่าตัดสินใจเอาล่ะกัน ว่าจะอยู่กับฉันเป็นลูกน้องฉันหรือกลับไปอยู่สภาพเดิมที่พวกเธอเคยอยู่ แล้วก็เงียบๆ ด้วยฉันจะนอน”
ปัง!!
เสียงประตูที่ดังทำให้พวกเขาสะดุ้ง หันมองหน้ากันกระซิบแผ่วเบา
“ฐานะยัยนั่นคือฐานะอะไร”
“น่าจะไม่ธรรมดามั้ง ตอนกลางวันยังต่อรองตำรวจได้ด้วย”
“อืม แถมยังขอเงินมาได้ตั้งสามแสน”
“หรือจริง ๆ แล้ว....คือสายตำรวจ”
“ใช่...ต้องใช่แน่ๆ”
เมื่อสรุปได้ว่าม่านเวยอิงคือฝ่ายตำรวจ และดูแล้วคงจะมีพอมีเงินเด็กทั้งสามก็ตัดสินใจเลือกหัวหน้าใหม่ทันที
รุ่งเช้าอากาศสดใสกว่าปกติ
ม่านเวยอิงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ได้ยินเสียงคนข้างนอกคุยกันก็ไม่สนใจ ทว่าเมื่อเปิดประตูออกก็ตกตะลึงตกใจกับท่าทีใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรเกินบรรยาย
“ท่านม่านตื่นแล้วหรือคะ พวกเราทำข้าวต้มไว้แล้ว มาทานข้าวเช้ากันเถอะค่ะ”
คนหนึ่งช่วยถือกระเป๋า
คนหนึ่งช่วยยกเก้าอี้
คนหนึ่งช่วยเสริฟนมอุ่นๆ
ม่านเวยอิงกระหยิ่มยิ้มพอใจ พูดขึ้น
“พวกเธอ...เข้าใจอะไรง่ายดีฉันชอบ จากนี้รับรองว่าฉันจะดูแลพวกเธออย่างดี”
จากนั้นม่านเวยอิงก็โทรหาไป๋หลันว่าต้องการบ้านเช่าที่มีห้องนอนสัก 2-3 ห้อง จังหวะพอดีกับที่ไป๋หลันเองก็กำลังเตรียมจัดหาที่พักใหม่ เพราะตอนนี้ม่านเวยอิงไม่ใช่ดาราเกรด C แล้ว แต่เป็นถึงดาราเกรด A
ชีวิตเรียบง่ายที่ลงตัว
เห็นม่านเวยอิงเดินนำคนทั้งสามไปโรงเรียน โดยที่ไม่สอบถามอะไรพวกเขาก็คิดว่า อีกฝ่ายคงรู้ความจริงหมดแล้ว จึงไม่มีการอธิบายอะไรอีก
ม่านเวยอิงพูดขึ้น
“ฉันอยากจะเข้าชมรมว่ายน้ำ พวกเธอจะไปสมัครด้วยไหม”
ลู่ปิงพูดขึ้น
“แน่นอนสิค่ะ ท่านม่านไปที่ไหนพวกเราก็ไปด้วย”
อี้หนิงเสริม
“ถ้าท่านม่านเข้าชมรมจะต้องทำให้ชมรมโด่งดังแน่นอนค่ะ”
เฉียวเจียวพูดต่อ
“เสียดายที่เทอมสองการแข่งกีฬาโรงเรียนจบไปแล้ว”
ม่านเวยอิงจึงพูด
“ไม่หรอก กีฬาระหว่างโรงเรียนยังคงมีอยู่”
ลู่ปิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงฮึกเหิม
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปสมัครกันค่ะ”
อี้หนิงเลื่อนดูมือถือฟีดใหม่ ๆ ที่กำลังเป็นกระแสนิยม
“ท่านม่าน ท่านดูนี่สิ ถ่ายภาพโปรโมทเกมออนไลน์ REGA ภาพของท่านม่านเวยอิงได้รับการกดไลน์และชื่นชมมากที่สุดเลยนะคะ”
“ว้าวว ท่านม่านดูองอาจเก่งกาจที่สุดเลย”
ม่านเวยอิงยืนมือไปรับภาพมาดู ความรู้สึกอิ่มเอมกระจ่างใสดุจมีสายน้ำไหลผ่านหัวใจ นี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอได้มองรูปถ่ายที่ถ่ายทอดความเป็นตัวเธอได้ชัดเจนขนาดนี้ เธอเหม่อลอยไปพูดน้ำเสียงแผ่วเบา
“สวยจริง ๆ”
เด็กสาวทั้งสามเห็นประกายแวววับภาคภูมิใจของม่านเวยอิงก็รีบเอ่ยชม
“ท่านม่านเหมือนจอมยุทธ์หญิงเลย”
“กระแสเมื่อวานบวกกับภาพโปรโมทชุดนี้ ยิ่งทำให้ท่านม่านได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก”
“ใช่ค่ะ ตอนนี้ยอดค้นหาของท่านม่านพุ่งทะยานขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งแล้วค่ะ”
“พวกเราโชคดีมาก ๆ ที่ได้มาอยู่เป็นลูกน้องคนสนิทของท่าน”
“เพื่อน ๆ ในโรงเรียนต้องอิจฉาพวกเราแน่ๆ เลย”
“เสียดายที่ตำแหน่งดาวโรงเรียนแข่งขันจบไปแล้ว”
“ก็แค่ตำแหน่ง แต่ความจริงก็รู้อยู่แล้วว่าทั้งความสวยและความสามารถท่านม่านเวยอิงต้องมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว”
“ใช่ ๆ รอถึงตอนแข่งขันกีฬาระหว่างโรงเรียน วันนั้นจะเป็นที่ประจักษ์ว่าใครคืออันดับหนึ่งอย่างแท้จริง”
“ท่านม่าน พวกเรารีบไปชมรมว่ายน้ำกันเถอะค่ะ”
“ตอนนี้จะสายแล้วเข้าห้องเรียนก่อน”
“นั่นสิ ท่านม่านพวกเราไปห้องเรียนกันก่อนนะคะ”
เด็กทั้งสามสลับกันพูดยกย่องเป็นจังหวะสอดคล้องกันไปมา วาจาอ่อนหวาน ๆ ผู้ใดก็ย่อมชื่นชอบ ม่านเวยอิงยิ้มอ่อน ๆ อันดับหนึ่งทางด้านกีฬาก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก กระนั้นก็ยังแสร้งตีเสียงขรึม
“อืม.เรื่องว่ายน้ำฉันย่อมเป็นอันดับหนึ่ง...แต่ว่าตอนนี้เรียกฉันว่าคุณม่านเวยอิงก็พอ” เสียงใสๆ ขานรับพร้อมกัน
“ได้ค่ะ คุณม่านเวยอิง”
สำนักงานกฎหมาย
ฉีเจ๋อวางเอกสารลงแล้วมองหน้าหรงจือหยางแล้วพูดขึ้น