ความฝัน

2143 คำ
แต่เธอเชื่อ ม่านเวยอิง จะต้องโด่งดังแน่นอน เมื่อแต่งตัวเสร็จออกมาตรงด้านหน้า ที่นั้นเต็มไปด้วยช่างภาพนักข่าวและนักแสดงมากหน้าหลายตา แม้ม่านเวยอิงจะเคยรับบทเป็นตัวประกอบมาหลายเรื่อง ทว่าการได้มายืนร่วมกับตัวเอกนี่คือครั้งแรกและเพียงมองด้วยตาเปล่าก็สามารถรู้ได้ทันทีว่านักแสดงคนใดมีค่าตัวสูงสุด หลี่รั่วซุน นางเอกของเรื่องกระดูกมาร เธอเด่นเปล่งประกายท่ามกลางฝูงชนที่กำลังล้อมรอบ ชุดเซียนจีนโบราณขับให้เธองามดุจหยกสูงส่งเกินบรรยาย มันสะกดจิตแทบทุกสายตาให้จ้องมองไป แม้กระทั่งม่านเวยอิงเองก็ถูกความงดงามนั่นดึงดูด ใจของเธอเต้นระรัวแรงขึ้น เธอถามใจตนเองทำไมทั้งที่ก่อนหน้านี้ถอดใจเรื่องการแสดงไปแล้ว ทำไมถึงกลับมาหวั่นไหวอีกครั้ง ในขณะเดียวกันลู่ปิง อี้หนิงและเฉียวเจียวก็ตกอยู่ในภวังค์ความงดงามของเหล่านักแสดง ความยิ่งใหญ่ของกองถ่าย ถังรุ่ยเห็นสีหน้าของเหล่าเด็กสาวก็พูดขึ้น “การดูแลนักศิลปินมีหลายหลายหน้าที่ ทั้งเรื่องการประสานงานการจัดคิว ยังมีเรื่องการเครื่องแต่งกาย การแต่งหน้า ดูแลเรื่องสถานที่อาหารการกิน ยิ่งตัวศิลปินโด่งดังมากเท่าไร คนที่ต้องดูแลก็ต้องมีมากและเชี่ยวชาญมากขึ้น” ไป๋หลันยิ้มบาง ๆ แล้วพูด “ตอนนี้พวกเธอก็ดูแลแบบจิปาถะ ตามที่ถังรุ่ยสั่งก็พอถ้าสนใจด้านไหนเป็นพิเศษก็ค่อยไปเรียนเพิ่มเติม” “ค่ะ พวกเราจะพยายามศึกษาให้มาก” ลู่ปิงหันมากระซิบกับอี้หนิง “ฉันอยากจะเรียนแต่งหน้าอ่ะ” เฉียวเจียวเบ้ปากโต้ “เมื่อเช้าเธอบอกว่าจะเรียนต่อแฟชั่นดีไซน์นะ” ลู่ปิงก้มหน้า “ก็พวกเธอจะไปเรียนฉันเลยจะไปเรียนด้วย” อี้หนิงพูดปลอบเล็กน้อย “ดีแล้ว ๆ ตอนนี้พวกเรามีเป้าหมายกันแล้ว ดีจังเลยเนอะ” “อืม” ม่านเวยอิงถูกเชิญไปร่วมพิธีและถ่ายภาพ ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อย เมื่องานเสร็จขึ้นรถกลับไป๋หลันก็พูดกำชับม่านเวยอิงอีกครั้ง “พรุ่งนี้ พี่จะไปรับเพื่อเข้าบริษัทเพื่อทำสัญญาใหม่ และนี่คือบทของนางมาร ไปอ่านและทำความเข้าใจให้ดี ตารางคิวงานพี่ส่งเข้า mail ไปให้ทั้งสี่คนนะ” “ค่ะ” ทั้งสี่คนขานรับอย่างพร้อมเพียง เมื่อรถมาถึงที่พักไป๋หลันกำชับพวกเด็กสาวอีกครั้ง “ถึงที่แล้วก็พากันพักผ่อน หลังจากนี้จะมีเวลาให้พักน้อยลง ยิ่งรายได้เยอะ ความรับผิดชอบก็ยิ่งเยอะขึ้นเข้าใจใช่ไหม” “ค่ะ” ทั้งสี่คนขานรับอย่างพร้อมเพียงอีกครั้ง เมื่อรถเคลื่อนออกไป อี้หนิงก็พูดขึ้น “ทำไมฉันรู้สึกว่า พี่ไป๋หลันไม่ใช่ผู้จัดการแต่เป็นแม่มากกว่านะ” ม่านเวยอิงยิ้มตอบ “จะคิดอย่างนั้นก็ได้นะ แม่ฉันทิ้งฉัน ให้พี่ไป๋หลันดูแลมาตั้งแต่เด็กแล้ว” น้ำเสียงของม่านเวยอิงดังใสกระจ่างไม่มีความน้อยใจ ลู่ปิงรู้สึกชอบไป๋หลันมากยิ่งขึ้น “มิน่าล่ะ ถึงได้ตามใจเธอให้พวกเราอยู่ด้วย” “ดังนั้น ในเมื่อพี่ไป๋หลันบอกให้พักผ่อน พวกเราก็ไปพักผ่อนกันเถอะ” เฉียวเจียวสรุปแล้วเดินนำทุกคนขึ้นคอนโดไป ไม่มีใครเอ่ยถามถึงที่มาที่ไป ทั้งเรื่องแม่ของม่านเวยอิงตัดสินใจเช่นนั้นและแน่นอนว่าไม่มีใครถามถึงพ่อม่านเวยอิงเช่นกัน วันถัดมาม่านเวยอิงก็เข้าบริษัทไปทำสัญญาใหม่รับค่าตอบแทนที่สูงขึ้น หลังจากนั้นก็เข้าเรียนการแสดงต่อโดยมีลู่ปิง อี้หนิงและเฉียวเจียว นั่งรอเป็นเพื่อน ทว่าวันนี้ความตั้งใจของม่านเวยอิงไม่เหมือนเดิม หลังจากเลิกเรียนอาจารย์ผู้สอนก็เดินเข้ามากระซิบคุยกับไป๋หลัน “วันนี้เด็กคนนี้ตั้งใจขึ้นมากนะ” ดวงตาไป๋หลันเป็นประกายโค้งตัวพูด “ขอบคุณอาจารย์มากนะคะ” “เป็นหน้าที่ๆ แต่ก็ต้องแสดงความยินดีกับคุณด้วย ดีใจด้วยนะ ในที่สุดเด็กคนนี้ก็เริ่มเปล่งประกายแล้ว” “ค่ะ ฉันก็ดีใจมากเหมือนกัน” ในขณะที่พูด ไป๋หลันก็ชำเลืองมองม่านเวยอิงที่กำลังยิ้มร่าอยู่กับเพื่อน ๆ เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมเดินเข้าไปหา “พี่จะให้คนขับรถพาไปส่งนะ” ม่านเวยอิงตอบ “ได้ค่ะ ความจริงพี่ไม่ต้องไปรับไปส่งฉันตลอดเวลาก็ได้” “อย่ามาทำเป็นเกรงใจอะไรกันตอนนี้ วันนี้กลับถึงที่พักก็รีบทบทวนบทเรียน หากออกไปข้างนอกก็ระวังให้มากเข้าใจไหม” “พวกเราพร้อมปฏิบัติตามค่ะ” ลู่ปิงขานรับทันที แล้วทุกคนก็ต่างพยักหน้าหงึกๆ สีหน้าจริงจังรับคำสั่ง วันเวลาไหลผ่านพร้อมให้ม่านเวยอิงและผองเพื่อนได้เติบโตในช่วงเวลาไม่นาน สำนักงานตำรวจ ห้องทำงานของหรงจือหยาง ชายหนุ่มกำลังคุยโทรศัพท์เสียงปลายสายที่แว่วมา มุมปากชายหนุ่มยกยิ้มกรุ่มกริ่มแล้วตอบ “แน่นอน ฉันเคยโม้ด้วยหรอ” “ก็นะ ไม่เคย...ในเมื่อคุณชายหรงจือหยางโทรมาด้วยตนเองก็จะลองไปดูสักครั้ง” “แล้วนายจะได้ขอบคุณฉัน” “ฮ่า ฮ่า แน่นอนอยู่แล้ว แล้วเจอกันว่ะ” “อืม” เมื่อวางหูลง หันมาหรงจือหยางก็พบกับสีหน้าคาดคั้นจากฉีเจ๋อ “ขอสักเรื่อง นายคงไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องมั้ง” ฉีเจ๋อเหยียดยิ้ม “แน่นอนว่าสิ่งที่นายทำไม่ผิดกฎหมายใช่ไหม” “ก็ต้องแน่อยู่แล้ว” ฉีเจ๋อนั่งลงโซฟา ยกขาไขว้ห้างเอนกายลง “นายอยากจีบก็จีบสิว่ะ ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากด้วย” หรงจือหยางยกกาแฟจิบ “ยังไม่ถึงเวลา” ฉีเจ๋อยกไหล่ “ตามใจ แล้วโครงการล้านหยวนของนาย กำหนดการเรียบร้อยแล้ว?” “เรียบร้อยแล้ว ส่งไปให้ประชาสัมพันธ์จัดการต่อ” วันแข่งกีฬาระหว่างโรงเรียนมัธยมระดับภาค การแข่งขันว่ายน้ำ เสียงเชียร์ดังกึกก้องข้างสนาม หลายคนมามาเชียร์ หลายคนก็มาดูม่านเวยอิง ลู่ปิงที่กำลังเดินเข้าไปมีมือสะกิดแล้วถามขึ้น “เธอมาจากโรงเรียนเจ๋อจงใช่หรือเปล่า” “ใช่ ทำไมหรือ” “เปล่าๆ ไม่มีอะไรพวกเราแค่จะถามว่าจริงหรือเปล่าที่เขาว่า ม่านเวยอิงจะลงแข่งว่ายน้ำ” ลู่ปิงเข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นแฟนคลับของม่านเวยอิงก็ยิ้มแป้นตอบ “จริงค่ะ จะมาเชียร์คุณม่านหรือคะ รีบเข้าไปสิแต่ว่า ตอนนี้น่าจะไม่มีที่นั่งไม่เป็นไร แล้วฉันจะบอกคุณม่านให้...ฉันต้องรีบไปแล้ว ขอบใจนะที่มา” ไม่อาจจะชักช้า ลู่ปิงรีบเข้าไปส่งน้ำผลไม้ปั่นที่ม่านเวยอิงอยากกิน ชายหนุ่มที่กำลังยืนอยู่หน้าทางเข้าได้ยินเช่นนั้นก็หันมาคุยกับอีกคนที่มาด้วยกัน “เข้าไปข้างในกันเถอะ ฉันสั่งให้คนเตรียมที่นั่งไว้ให้แล้ว” เมื่อกรรมการคนหนึ่งมองเห็นเผยจงเดินเข้ามาก็เข้าไปเชื้อเชิญด้วยท่าทีนอบน้อม บรรยากาศครื้นเครงเป็นอย่างมาก เด็กหนุ่มสาวอยู่เต็มอัฒจันทร์ของสระว่ายน้ำ ทั้งกองเชียร์และเหล่าเด็กวัยใสล้วนเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เผยจงยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดขึ้น “ไม่ได้มาดูการแข่งขันของเด็กๆ นานแล้ว ดูมีพลังชีวิตทำให้รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย” “ครับท่าน ในการแข่งขันวันนี้มีดาราร่วมด้วยจึงดึงดูดให้เด็กวัยรุ่นเข้ามาเยอะครับ” เสียงตะโกนดังก้อง “คุณม่านสู้ๆ” ชายหนุ่มที่มาด้วยกับเผยจงก้มลงกระซิบพูดบางอย่าง “คงไม่ใช่ว่าพวกเราก็มาดูดาราม่านเวยอิงนั่นหรอกนะ” เผยลู่ยิ้มมุมปากตอบ “อืม ถูกต้องแล้ว” ชายหนุ่มเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อทว่าก็ไม่ไต่ถามต่อ ในเมื่อมาแล้วรอดูผลไปเลย เมื่อผู้แข่งขันกำลังเตรียมตัวเขาก็กระซิบบอกข้อมูลเพิ่ม “มุมขวาสุดคือ กู้หรงซิ่ง นักกีฬาว่ายน้ำที่ได้รับเหรียญทองแดงระดับประเทศเมื่อปีที่แล้ว” รอบนี้ถือว่าเป็นรอบชิงชนะเลิศแล้ว กองเชียร์จึงเต็มไปด้วยความดุเดือดนักกีฬาต่างอยู่บนที่เตรียมและกำลังทำสมาธิ เผยลู่จ้องมองไปยังม่านเวยอิง แววตาของเด็กสาวยังสดใสไม่มีท่าทีตึงเครียดเธอดูไม่มีความกังวลใดๆ การแข่งขัน ชายหนุ่มหยิบเครื่องจับเวลาขึ้นมาในใจมีความตื่นเต้นขึ้นมากจางๆ เมื่อกรรมการให้สัญญาณปล่อยตัว เผยลู่กดจัดเวลาทันทีและเมื่อปลายมือของม่านเวยอิงแตะเขาก้มมองตัวเลข มือของเผยลู่สั่นเบาๆ หัวใจแทบเต้นออกมา สถิตินี้ ดีกว่านักกีฬาว่ายน้ำอันดับหนึ่งของโลกเสียอีก เสียงรอบสระยังคงดังกึกก้อง ชายข้างกายเผยลู่ตกตะลึงผลการแข่งขัน ม่านเวยอิงชนะทิ้งห่างนักกีฬาทีมชาติอย่างกู้หรงซิ่ง เขาชำเลืองมองมาเผยลู่ เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็ก้มไปมองเวลา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง “ไม่จริง นี่มัน นี่มัน ผมจะรีบไปติดต่อเธอเดี๋ยวนี้” เผยลู่รีบคว้ามือพูดขึ้นจะไปพูดคุยตอนนี้ค่อนข้างไม่เหมาะสม จึงพูดเตือน “ใจเย็นหน่อย” ชายคนนั้นพลันได้สติ ค่อยๆ นั่งลง “ขอโทษที ผมใจร้อนไปหน่อย” เมื่อมอบเหรียญทองกันเรียบร้อย ม่านเวยอิงก็รีบปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปจากสนามทันที เผยลู่กำลังจะตามไปกลับวิ่งไม่ทัน เขาจดจำเด็กสาวที่อยู่ข้างกายม่านเวยอิงได้จึงรีบคว้ามือแล้วถามขึ้น “ขอโทษทีนะครับ ผมขอเวลาสักหน่อย” “อะไรกัน.. ฉันกำลังรีบมาก ไม่มีเวลา” ลู่ปิงไม่หยุดพูดคุย เธอปัดมือของชายหนุ่มออกอย่างโมโหแล้วหันวิ่งไปทันที เผยลู่เห็นเช่นนั้นก็รีบร้องตะโกน “หนูรอฉันก่อน” ชายหนุ่มวิ่งตามมาจนถึงสนามบอล ตรงบริเวณทางเข้าของนักกีฬามีคนรอรับลู่ปิงอยู่แล้ว เธอจึงวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วต่างจากเผยลู่ที่ถูกกันเอาไว้ “ขอโทษนะครับ ตรงนี้ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้า” เผยลู่ตวัดสายตามองคนที่ขวางเขาเอาไว้ เห็นอีกฝ่ายตกตะลึงและตั้งการด์เตรียมรับมือก็ได้สติ หันหน้าหนี “คุณคงตามมาดูคุณม่านเวยอิงสินะครับ ถ้าอย่างนั้นก็ไปดูที่ขอบสนามจะดีกว่า สนามบอลค่อนข้างกว้างน่าจะยังมีพื้นที่เหลือ” ชายคนที่ตามเผยลู่มาพูดขึ้น “ขอบใจนะ และขอโทษที่เสียมารยาท” เมื่อเดินออกมา “เมื่อกี้นายยังบอกให้ฉันใจเย็น” “อืม...บ้าจริงๆ ฮ่า ฮ่า” เผยลูขำกับท่าทีของตนเองจากนั้นพวกเขาก็พากันไปหาที่นั่งดูการแข่งขันโดยที่ไม่ให้ใครมาจัดเตรียมที่นั่งให้ และวันนั้นเผยลู่ก็ได้ค้นพบว่า นอกจากม่านเวยอิงจะวิ่งมาเพื่อลงแข่งกีฑาแล้ว เธอยังไปแข่งบาสเก็ตบอลในช่วงท้ายการแข่งขันอีก และในวันพรุ่งนี้เธอก็ยังมีกีฬาที่ต้องลงแข่งอีกหลายประเภท ชายคนที่มาด้วยกับเผยลู่ก็พูดด้วยน้ำเสียงกังวลและร้อนรน “เราคงต้องรีบติดต่อคุณม่านเวยอิงเสียแล้วไม่อย่างนั้นอาจจะถูกแย่งตัวได้” เผยลู่เห็นด้วย เขารีบกดโทรศัพท์ให้คนติดต่อบริษัทฝูหัวทันที บริษัทฝูหัว การประชุมประจำเดือน รองประธานกรรมการบริษัทเป็นประธานประชุมในครั้งนี้ เขาหยิบเอกสารขึ้นมาแล้วพูด “งานประชาสัมพันธ์ให้กับกรมตำรวจหรือ ม่านเวยอิงน่าจะเป็นคนแรกของบริษัทที่ได้รับงานของหน่วยงานของรัฐ ไป๋หลันดูแลเธอให้ดีอย่าให้มีเรื่องเสื่อมเสีย เธอนับว่าเป็นหน้าเป็นตาของบริษัท” ไป๋หลันยิ้มอย่างสุภาพตอบ “ค่ะท่าน ดิฉันทราบแล้ว” ขณะนั้นเลขาส่วนตัวของท่านรองประธานก็เข้ามา สีหน้าค่อนข้างแตกตื่นต่างจากยามปรกติที่นิ่งสุขุมมีมารยาท รองประธานจึงถามขึ้น “มีเรื่องอะไร” เลขารีบก้าวเท้าเข้ามาพร้อมรายงาน “มีโทรศัพท์จากหน่วยงานของรัฐค่ะ มาจากกระทรวงกีฬา” รองประธานสีหน้าตึงเครียดขึ้น “รีบเอาสายมา” จากนั้นทุกคนก็รีบปลีกตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ไป๋หลันขมวดคิ้วรู้สึกมีลางสังหรณ์ว่าสายนั้นจะเกี่ยวข้างกับม่านเวยอิงที่กำลังแข่งกีฬาระดับภาคอยู่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม