เธออาเจียนไปอีกหนึ่งครั้ง ก่อนพบว่าการได้อาเจียนครั้งนี้ทำให้อาการดีขึ้นระดับหนึ่ง โล่งขึ้น มึนหัวน้อยลง แม้ยังรู้สึกเหมือนเส้นเลือดในสมองเต้นตุบๆ แต่มันก็คงค่อยๆ ดีขึ้นเหมือนทุกครั้ง เธอก็เป็นแบบนี้บ่อยๆ แต่ถ้าได้นอนพักผ่อนเพียงพอตื่นขึ้นมามันก็จะหายไปเอง
จากลืมตาไม่ได้เลยภาพมันซ้อนกันไปหมดก็พอลืมตาขึ้นมาได้บ้าง เมื่อกี้เธอแจ้งพยาบาลไปว่าอยากขออนุญาตคุณหมอไม่นอนค้างคืน เธอยังทำสไลด์ไม่เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ดี มีคำถามเป็นช่องโหว่ที่อาจารย์ถามมาแล้วยังหาคำตอบไม่ได้อีกมากต้องไปอ่านเปเปอร์เพิ่ม ไม่อย่างนั้นมีหวังสอบไม่ผ่านแน่ๆ
เกวลินกำลังครุ่นคิด เธอยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากพี่พยาบาล เลยไม่รู้ว่าเขาจะอนุญาตหรือเปล่า ทว่าม่านด้านขวาที่ถูกเปิดเข้ามา รองเท้าหนังสีดำปราบ กางเกงสแล๊คสีดำ ยังไม่ทันได้เหลือบตาขึ้นไปมอง ช่วงขายาวที่มาหยุดยืนอยู่ข้างๆ อยู่ๆ เกวลินก็รู้สึกตัวลีบเป็นพิเศษ การมีคุณหมอเหนือนทีมายืนเอามือไขว้หลังมองกันด้วยใบหน้าเรียบสายตายิ่งเรียบขรึมอยู่ตรงหน้า เธอเงยหน้าขึ้นไปสบตาเขานิดหนึ่งก่อนก้มหน้าไม่กล้าสบตา เขาคงไม่พอใจที่เธอทำให้เขาเสียเวลา คุณหมอคงมีคนไข้อีกมากที่ต้องรักษา พอคิดถึงประเด็นนี้คนป่วยก็รู้สึกผิดขึ้นมาในใจที่คอยจะคิดถึงแต่ตัวเอง ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย
“เห็นพยาบาลบอกคนไข้มีเรื่องอยากคุยกับหมอ” เป็นนายแพทย์หนุ่มที่เริ่มเปิดประเด็นเสียงเรียบ
“ค่ะ หนูอยากขออนุญาตคุณหมอไม่ต้องนอนค้างโรงพยาบาลค่ะ หนูดีขึ้นแล้ว” เสียงแผ่วเอ่ยบอกไปในที่สุด เธอรู้ว่ามันไม่มีน้ำหนักอะไรให้เชื่อถือได้เลย ยิ่งคำ ‘หนูดีขึ้นแล้ว’ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเหือนไม่ชอบใจเท่าไรนัก แต่เพียงครู่เดียวก็คลายออก
“ทำไมล่ะ หมอขอเหตุผลได้มั้ยครับ” เสียงทุ้มที่ถามกลับ เธอคิดว่าเขาอาจจะโกรธที่เธอริอาจทำตัวรู้ดีกว่าหมอ ทว่าเสียงเข้มที่ลดระดับลงมาเลเวลหนึ่งตอนนี้ ไม่ดุเป็นเอสเพรสโซ่ขมจัดเหมือนที่คิด ก็พอให้คนฟังใจชื้นกล้าบอกเขาไป
“คือหนูมีธุระสำคัญต้องไปทำค่ะ สำคัญมาก” ที่จริงเธออยากบอกความจริงกับเขาไปว่าธุระที่ว่าคือการสอบโครงร่างวิทยานิพนธ์มะรืนนี้ที่ทำเสร็จแล้วทุกอย่าง แต่ยังไม่มีอะไรที่สมบูรณ์ดีสักอย่าง แต่ถ้าบอกไปอย่างนั้นก็รู้ดีว่าเขาต้องไม่อนุญาตแน่ๆ
แต่ถึงบอกอย่างนี้ก็เถอะ ก็ยังไม่แน่ใจว่าคุณหมอที่บังเอิญมาเป็นเจ้าของไข้เป็นครั้งที่สามจะอนุญาตหรือเปล่า
ดูจากท่าทีที่เขาฟังแล้วเงียบ เหนือนทีลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เกวลิน” เสียงเรียกชื่อเธอ สาวน้อยเงยหน้าขึ้นมาสบกับแววตาคมดุที่มองมาอยู่ก่อน
“เราเคยเจอกันสามครั้งแล้วจำได้มั้ย”
“…”
“ครั้งแรกตอนที่คุณเป็นลม”
“…”
“ครั้งที่สองเราก็เจอกันด้วยสถานการณ์อะไรที่คล้ายๆ แบบนี้ คุณบอกผมว่ามันโอเคเลย”
“…”
“มาครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม”
“…”
“ถ้าคุณเป็นหมอ ถ้าคุณเป็นผม คุณคิดว่าผมควรจะปล่อยคนไข้ออกไปแบบนี้เหรอครับ”
แบบนี้ที่เขาว่าแบบเดิมซ้ำๆ เรื้องรังยาวนานหลายปี… รักษาไม่หายหรือไม่คิดจะใส่ใจแก้ไขมันอย่างแท้จริงกันแน่
“เพราะฉะนั้น ถึงเป็นสิทธิ์ที่คุณทำได้ แต่ผมไม่อนุญาต ไม่มีอะไรสำคัญกว่าสุขภาพหรอกนะครับ”
เขาพูดคำนี้อีกแล้ว ประโยคเดิมที่เธอเคยได้ยินเมื่อหลายปีก่อน มันมีอะไรหลายอย่างยามสบกับดวงตาคมคู่นั้นทีทำให้เธอรู้สึกว่าเขาหวังดีอย่างจริงใจ
บางทีอาจจะมากกว่าเธอที่ห่วงตัวเองเสียอีก
ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมา อีกครั้งที่เธอเป็นฝ่ายต้องหลบตาเสียเอง
“ค่ะ”
หญิงสาวตอบรับ ความเงียบปกคลุมระหว่างเราสองคนครู่ใหญ่ เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่เธอกำลังคิดถึงอนาคตของตัวเองต่อไปว่าจะทำยังไง
“หนูมีสอบโครงร่างวิทยานิพนธ์มะรืนนี้ คุณหมอว่าหนูจะดีขึ้นทันไปสอบมั้ยคะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดก่อน อาจารย์ที่ปรึกษาคุณชื่ออะไรนะ”
ท้ายประโยคเขาถาม แต่ไม่ได้มองเธอ เป็นจังหวะที่พยาบาลถืออุปกรณ์เตรียมฉีดยาเข้ามาพอดี
“ดร.เนตรนภา เหล่าวัฒนา ภาควิชา phisio ค่ะ”
เกวลินตอบ แต่เธอไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินหรือสนใจฟังหรือเปล่า เพราะเหมือนกำลังสั่งบางอย่างกับพยาบาล ส่วนที่บอกชื่อย่อภาควิชาไปนั่นก็คิดว่าเขาน่าจะเข้าใจ ดูจากที่เจอกันครั้งก่อน เขาทำงานในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย พี่พยาบาลที่ลัดคิวให้เรียกเขาว่าอาจารย์ แต่เธอไม่แน่ใจว่าอาจารย์ตามนิยามของคณะแพทย์หมายถึงอะไรกันแน่ เป็นคนที่มีหน้าที่สอนนักศึกษาแพทย์ ทำวิจัย หรือใครก็ตามที่เป็นหมอในโรงพยาบาลก็จะเรียกว่าอาจารย์
แล้วที่เธอไม่แน่ใจว่าเขาใช่อาจารย์หรือเปล่าทั้งที่บุคลิกก็สุดแสนจะภูมิฐาน ก็เพราะออร่าหลายๆ อย่าง ให้พูดตรงๆ ก็คือเขาดูหล่อกว่าอาจารย์หมอทรงคุณวุฒิที่เธอเคยเห็นอยู่มาก
“คนไข้ครับ” …ก่อนเสียงเรียกอีกครั้งจะดึงคนช่างคิดมากออกจากภวังค์ หันไปมอง ‘คนหล่อ’ แล้วอยู่ๆ ก็หน้าแดงซ่าน หญิงสาวต่อว่าตัวเองในใจ ‘ขี้มโนอีกแล้ว’
และดูเหมือนการมโนของเธอครั้งนี้จะทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นผิดปกติ เกวลินมองคนตรงหน้าที่เลิกคิ้วยิ้มให้ เหมือนถามเธอว่ามีอะไร แล้วเขาก็หัวเราะตอนเธอส่ายหน้า
“คะ เมื่อกี้คุณหมอว่าอะไรนะคะ”
คนตัวเล็กกระพริบตาปริบๆ ไม่ใช่อะไร แต่เธอไม่เห็นเขายิ้มมานานแล้ว… อย่างน้อยก็ที่เราเจอกันครั้งนี้ ขอดูชัดๆ ให้แน่ใจว่าตาไม่ฝาด อืม ตาไม่ฝาดจริงๆ ด้วย โลกสว่างสดใสขึ้นมาทันตาเลย
“หมอบอกว่า เดี๋ยวนอนตะแคงเข้ากำแพงแล้วปลดซิปกางเกงหน่อยครับ”
“ฮะ”
“มาฮง มาฮะอะไร กลัวเข็มหรือเรา หมอจะฉีดยาให้ครับ”