นายแพทย์เหนือนที

1434 คำ
“ต้องขอโทษคุณหมอด้วยนะคะ คนไข้บนวอร์ดชัก หมอเนทไม่ไหว หมอธนภพขึ้นไปช่วยดู เลยต้องรบกวนคุณหมอเลย” “ไม่เป็นไรครับ มีอะไรก็เรียกได้ เดี๋ยวเคสนี้ผมดูเองนะครับ ไม่ต้องส่งต่อ ฝากหาห้องให้ด้วยนะครับ คนไข้ต้องเเอดมิท” “ได้ค่ะคุณหมอ” “เอ่อ แล้วคนไข้มีญาติมาหรือเปล่า” “มีคนมาด้วยค่ะ” “ช่วยเชิญมาพบผมที่ห้องด้วยนะครับ” “ได้ค่ะ คุณหมอ” เจอกันครั้งที่แล้วเเค่แปลกใจ แต่เจอกันอีกครั้งด้วยอาการเหมือนคล้ายๆ เดิม เขามีเรื่องอยากถามคนรู้จักเกี่ยวกับตัวเธอหลายอย่าง หลังจากสั่งการรักษาคนไข้อีกรายเรียบร้อย นายแพทย์เหนือนที อายุรแพทย์ด้านสมองและระบบประสาทเดินกลับไปทางห้องตรวจที่เขาใช้เป็นห้องทำงานชั่วคราว เขาไม่ได้เป็นหมอประจำที่นี่ แต่ชอบมาที่นี่ เพราะเป็นโรงพยาบาลสาขาย่อยในเครือธุรกิจของที่บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยที่เขาสอนอยู่ ที่ที่ได้เจอเกวลินครั้งแรก ‘ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย เพื่อนหนูเป็นลม’ เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือ และเขาคือคนที่เข้าไปช่วยเจ้าของร่างเล็กในชุดนักศึกษาที่เป็นลมล้มลงไปบนพื้น สิ่งแรกที่นายแพทย์หนุ่มทำคือฉวยข้องมือบางหมดเรี่ยวแรงนั้นมาคลำหา ชีพจรของเธอเต้นช้ากว่าระดับปกติ แต่ก็ยังดีที่คลำจับข้อมือเเล้วยังคลำได้อยู่ ทว่าใบหน้าซีดเซียวขาวราวกับกระดาษ ทำให้เขายังอดนึกเป็นห่วงไม่ได้ ‘เดี๋ยวพาไปห้องพยาบาลก่อน ผมขอตรวจให้ละเอียดอีกครั้ง คุณ...คุณ ยังพอรู้สึกตัวอยู่หรือเปล่า ได้ยินหมอมั้ยครับ’ จำได้ว่าตัวเองบอกไปประมาณนั้น หน้าซีดที่พยักรับหนึ่งครั้ง แต่พอเรียกอีกครั้งก็ไม่ตอบสนองอะไรแล้ว สองแขนคุณหมออุ้มร่างบางขึ้นมา ปฐมพยาบาลเธอจนฟื้น คนตัวเล็กทำหน้าหงอย ยกมือไหว้ แล้วบอกเขาว่า ‘ขอโทษคุณหมอจริงๆ นะคะ วันนี้หนูจะสอบ อ่านหนังสือดึกมาหลายคืนแล้ว เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนเลย ตอนเช้ารีบไปสอบ... ก็เลยไม่ได้กินข้าว’ ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นเรื่องที่เจอได้ทั่วไปปกติธรรมดา ตอนเป็นนักศึกษาเเพทย์เขาก็ทำเเบบนี้ อย่าว่าแต่ตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังทำอยู่บ่อยๆ เลยด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมพอเป็นเด็กคนนี้ทำเขาถึงรู้สึกโกรธเป็นพิเศษ ‘ไม่มีอะไรสำคัญกว่าสุขภาพหรอกนะครับ การเป็นลมก็ไม่ใช่เรื่องสนุก ถ้าเป็นมากอาจถึงขั้นหัวใจหยุดเต้นได้ ดูแลตัวเองดีๆ หน่อย’ ตามด้วยวิตามินเป็นกำที่สั่งไปให้ ซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจว่าเธอได้กินหรือเปล่า แต่คิดว่าน่าจะไม่ ดูจากตอนที่เรามาเจอกันครั้งที่สอง แล้วก็ครั้งนี้.... เธอป่วย เเต่มันเป็นความบังเอิญที่เราต้องมาเจอกันเป็นครั้งที่สาม สามครั้งในเรื่องซ้ำๆ ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงกัน จากก่อนหน้านี้นั่งวางแผนการรักษาคุณยายเป็นโรคอัลไซเมอร์ว่าดื้อแล้ว มาเจอเด็กดื้ออีกคนเข้าไป คุณยายอาการหนักกว่า แต่เขากลับอยากรู้ว่าจริงๆ แล้วเกวลินเป็นอะไรมากกว่า ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น เรียกคุณหมอหนุ่มที่เอนหลังไปกับพนักเก้าอี้หลับตานิ่ง ให้ลืมตาขึ้นมา เสียงทุ้มเอ่ยอนุญาตคนที่เดินเข้ามาเป็นพยาบาล มาแจ้งเขาว่าญาติคนไข้มาเเล้ว “เชิญเข้ามาได้เลยครับ” บอกอย่างนั้น แล้วก็เป็นอากัปกิริยาเป็นนั่งหลังตรง เขาคิดว่ามีเรื่องหลายอย่างที่เขาจำเป็นต้องรู้เพื้อเป็นประโยชน์กับการรักษาต่อไป และครั้งนี้ควรเป็นการรักษาที่จริงจังซักที “สวัสดีค่ะคุณหมอ” ประตูถูกเปิดเขามา อรพินธ์ยกมือไหว้นายแพทย์กนุ่มที่พยาบาลแจ้งว่าเป็นหมอเจ้าของไข้ของเพื่อนและมีเรื่องอยากคุยกับเธอ หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา เมื่อเจ้าของห้องตอบกลับมาในเเบบเดียวกัน ตอนเชิญให้เธอนั่งเขากำลังก้มหน้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเต็มตาเท่านั้นล่ะ “เอ่อ....” อาารย์หมอเหนือนที ปกติเธอเรียกเขาแบบนั้น ไม่เคยคุยกันเป็นการส่วนตัว เธอรู้จักเขาแต่เขาไม่น่าจะรู้จักเธอ เขาเป็นเพื่อนกับอาจารย์ของเธอ แล้วตอนปริญญาตรีที่เรียนพยาบาล เพื่อนก็เคยเรียกไปกรี๊ด มากรี๊ดเรื่องของเขาให้ฟังอยู่บ่อยๆ ทว่าสายตาคล้ายเป็นคำถามกับอาการเหลอหลาของเธอนั้น ทำให้อรพินธ์ต้องดึงตัวเองออกมาจากโลกของการมโนกลับสู่โลกปัจจุบัน “หนูเป็นเพื่อนของเกวลินค่ะ เอ่อ ความจริงจะเรียกว่าเพื่อนได้หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ยังไงดีล่ะคะ คือเราเป็นรูมเเมทที่เช่าคอนโดอยู่ด้วยกันค่ะ” ความจริงความเป็นมายาวกว่านั้น แต่คิดว่าคุณหมอคงไม่ได้อยากรู้เธอจึงรวบรัดจับใจความให้เข้าใจง่ายที่สุด เหนือนทีพยักหน้ารับรู้ เขาเริ่มเล่าถึงอาการที่เกวลินเป็น ผลการวินิจฉัย และเเผนการรักษาให้ญาติคนไข้ฟัง “แล้วปกติอยู่ด้วยกันเธอมีอาการแบบนี้บ่อยมั้ยครับ” “ก็เป็นเรื่อยๆ ค่ะ แต่ไม่เคยเป็นมากขนาดนี้ ถ้าบ่นปวดหัว ออยก็เห็นเกวนอน แล้วตื่นมาก็จะดีขึ้น” ... มันก็เป็นตามอาการของโรค อีกครั้งที่นายแพทย์หนุ่มพยักหน้ารับ ไม่ได้ขัดอะไรตอนเพื่อนร่วมห้องคนไข้ในความดูเเลเล่าต่อ “ก็จะเป็นช่วงเครียดงานหนักๆ ค่ะ แล้วตอนนี้เกวเขาก็กำลังจะสอบโครงร่างวิทยานิพนธ์อยู่ปลายสัปดาห์นี้เเล้วด้วยเเล้วก็มีแลปที่ยังไม่ปิด อาจารย์เขาค่อนข้างสตริก ให้ทำหลายๆ อย่างไปพร้อมกัน “พอทราบมั้ยครับ ว่าอาจารย์ที่ปรึกษาน้องชื่ออะไร” อรพินธ์บอกไป ด้านคนฟัง ตอนแรกที่ถามเเค่เผื่อไว้ว่าอาจรู้จัก แต่ชื่อที่ได้ยินกลับเป็นคนที่เขารู้จักเคยสนิทสนมมากกว่าที่คิด แต่ก็ดีอะไรๆ จะได้ง่ายขึ้น “แต่เกวก็เป็นหลายอย่างนะคะ โรคกระเพาะ กรดไหลย้อน ออฟฟิตซินโดรม ภูมิแพ้ เป็นเเล้วก็หาย ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงทีงานเยอะนี่แหละค่ะ น้องเขาเป็นเด็กสดใสนะคะ แต่เวลาทำงานก็เต็มที่จริงจังมากๆ “ “หมอว่าเขาไม่เคยคิดที่จะดูเเลตัวเองจริงจังมากกว่า” อรพินธ์เล่าให้ฟัง ทว่าประโยคที่คุณหมอเปรยออกมาทำไมฟังเเล้วมันดูหวิวสันหลังแบบเเปลกๆ นายเเพทย์หนุ่มซักถามประวัติคนไข้ของเขากับเพื่อนอีกหลายอย่าง ถึงไม่ใช่ญาติ แต่การอยู่ด้วยกันทุกวันก็ทำให้เขาได้ข้อมูลมากขึ้นมาก ร่วมยี่สิบนาทีจนทุกอย่างเสร็จเรียบ เขาแจ้งเพื่อนร่วมห้องของเกวลินว่าอยากให้เธอนอนค้างโรงพยาบาลเพื่อตรวจเลือด ระบบสมอง แะลอีกหลายอย่าง อรพินธ์จึงขอตัวกลับก่อน พรุ่งนี้เธอมีงานแต่เช้า แต่หลังจากเสร็จงานจะมาอยู่เป็นเพื่อนเกวลิน ฝากเขาดูแลด้วย ความจริงไม่ต้องฝาก เพราะในฐานะหมอเจ้าของไข้ถึงจะดูมัดมือชกคนไข้ไปหน่อย แต่เขาก็ต้องดูแลเธออย่างดีอยู่เเล้ว มีแผนการรักษาคร่าวๆ อยู่ในสมองเเล้วตอนนี้ อีกครั้งที่คุณหมอหนุ่มหันไปทางหน้าคอม กำลังกดสั่งรายการตรวจเลือดเพิ่ม ทว่าโทรศัพท์ที่ดังขึ้น และเสียงของปลายสายที่ดูเหมือนไม่ค่อยกล้าพูดกับเขาเท่าไรนักแต่ก็ต้องพูด “คุณหมอค่ะน้องคนไข้ที่เข้ามาอีอาร์ที่คุณหมอให้เเอดมินอยากคุยกับคุณหมอค่ะ น้องขอไม่นอนค้างโรงพยาบาล คุณหมออนุญาตมั้ยคะ” “ไม่อนุญาตครับ” เสียงปลายสายหายไปครู่หนึ่ง เหมือนหันไปบอกให้คนขอรู้ และก่อนเขาจะรู้อะไรจากน้ำเสียงอึกอักนั่นอีก เด็กดื้อ ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งจะจับตีก้นซะให้เข็ด เหนือนทีนึกในใจ ยังจัดการเด็กดื้อตอนนี้ไม่ได้ แต่ที่เขาทำได้คือหยิบสเต๊ทโตสโคปคล้องคอ ก่อนลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป เสียงเรียบบอกปลายสาย “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม