เมื่อคืนนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร พิมาลาหลับไม่สนิทเลย จึงเอาแต่กลิ้งตัวไปมากว่าจะหลับได้เวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่แล้ว พอออกจากห้องหญิงสาวจึงได้แต่นวดขมับ ความง่วง หงาวหาวนอนนั้นยังคงตามติด จนกระทั่งดวงตากลมโตต้องเบิกกว้างเมื่อมองเห็นใครบางคนนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา ป้าวาดมองหน้าพิมาลาอย่างหนักใจเล็กน้อย แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องต้อนรับขับสู้ลูกชายคนเดียวของเจ้านายใหญ่อยู่ดี
เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศคุกรุ่น ปราบก็พาแม่บ้านออกไปรอด้านนอก เว้นพื้นที่ในบ้านให้เจ้านายกับภรรยาที่เพิ่งหย่ากัน
เมื่อได้เห็นใบหน้าคมคายของเชษฐ์อย่างถนัดตา พิมาลาไม่รู้จริงๆ ว่าภายในใจลึกๆ รู้สึกอย่างไรกันแน่ ดีใจ เสียใจ ดูเหมือนเธอจะแยกแยะความรู้สึกที่มีไม่ได้เลย
หญิงสาวก้มหน้ามองตัวเองที่สวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ผมเผ้ายุ่งเหยิงแล้วก็ไมได้ล้างหน้าล้างตาอย่างลำบากใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ก็สายเกินกว่าจะหันหลังหนีแล้ว ทำได้เพียงสูดหายใจเข้าปอดลึกเพื่อรวบรวมความกล้าในการเผชิญหน้ากับเขา
พออดีตภรรยายืนเม้มปากเช่นนั้น เชษฐ์ก็ได้แต่เอ่ยขึ้น “นั่งสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน พิมาลาคงจะเชื่อฟังคำสั่งของเขา สั่งนั่งก็นั่ง สั่งยืนก็ยืน แต่ว่าตอนนี้เธอกลับตวัดดวงตาดำขลับมองแล้วเดินเลยผ่านไปรินน้ำอุ่นดื่มให้ชุ่มคอ “ฉันจำได้ว่าเราหย่ากันแล้ว คงไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกัน อีกอย่างฉันนึกว่าชาตินี้เราสองคนคงไม่ต้องพบกัน บอกตรงๆ พอเห็นคุณนั่งอยู่ตรงนี้ทำให้ฉันคาดไม่ถึงจริงๆ”
มุมปากของชายหนุ่มโค้งขึ้น พลางนึกในใจว่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า พิมาลาจะสามารถพูดประโยคยาวๆ ได้ด้วย นึกว่าจะพูดไม่เป็นซะอีก หรือว่าใบหย่าสมัยนี้สามารถทำให้คนใจกล้าขึ้น
คนตั้งใจจะวางท่าทีเคร่งขรึมอย่างทุกครั้งที่เผชิญหน้ากันจึงเริ่มรู้สึกว่าตัวเองต้องเปลี่ยนวิธีการรับมือใหม่ เชษฐ์จึงนั่งหลังตรงขณะนัยน์ตาคมกริบเอาแต่มองคนที่ทำตัวใส่ชุดสบายๆ ยืนพิงสะโพกอยู่กับขอบโต๊ะมองเขา
ชายหนุ่มวางเอกสารลง “นี่เป็นโปรเจกต์ใหม่ของโรงแรม”
พิมาลาอยากจะหัวเราะให้ดังๆ ตั้งแต่แต่งงานกัน ผู้ชายคนนี้ไม่เคยพูดคุยเรื่องงานกับเธอ ไม่เคยพาเธอไปที่โรงแรมด้วยกัน ถ้าหากเธอไม่ถูกคุณลุงกับคุณป้าลากไปละก็ พนักงานในโรงแรมนั้นคงไม่รู้ใครรู้ด้วยซ้ำว่าภรรยาท่านประธานหน้าตาเป็นแบบไหน แล้วหลังหย่ากันเขาก็เอาโปรเจกต์ใหม่มาให้ดู มันเป็นเรื่องตลกที่หัวเราะไม่ออกจริงๆ
พิมาลาไม่มองเอกสารฉบับนั้นเลยสักนิด เธอหันไปเปิดตู้เย็น ในหัวกำลังคิดเรื่องอื่น เช่น ของในตู้เย็นจะทำอะไรกินได้บ้าง
เชษฐ์มองคนดื้อด้านอย่างไม่พอใจ พริบตาเดียวเขาก็ก้าวยาวๆ เข้าไปหา
“ทำไม แค่นั่งคุยกับฉันมักยากนักหรือ”
“ยาก”
หญิงสาวตอบตรงๆ “อย่าว่าแต่คุยเลย แม้แต่มองหน้าคุณยังยากเกินไปด้วยซ้ำ”
“พิมาลา!”
เมื่อเขาขึ้นเสียง ก็ได้แต่กอดอกจ้องตากลับ “บอกธุระของคุณมาสิคะ ฉันรู้ว่าถ้าหากคุณไม่มีเรื่องสำคัญก็คงไม่มาหาฉันถึงที่นี่ เพราะยังไงๆ ตอนนี้ระหว่างเราก็คือคนแปลกหน้า ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ คงไม่ต้องพบกันอีก”
ตั้งแต่แต่งงานกันจนกระทั่งหย่าขาดเชษฐ์ไม่เคยอยากหักคอพิมาลาเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย เขาพยายามใจเย็นทั้งๆ ที่ในใจเกรี้ยวกราดเต็มที
“ฉันจะใช้พื้นที่บ้านหลังนี้ขยายโรงแรมในเครือ”
เห็นหญิงสาวอึ้งไปก็ได้แต่เอ่ยต่อ “เมื่อก่อนแม่บอกจะยกที่นี่ให้ ฉันก็เลยคิดขยับขยายเป็นโรงแรมเพื่อรองรับลูกค้า แต่ว่าจู่ๆ แม่ก็เปลี่ยนใจแล้วใส่ชื่อเธอเป็นเจ้าของแทน เธอว่าฉันควรทำยังไง”
“แล้วไงคะ” พิมาลายอมเดินมานั่งบนเก้าอี้ มือยกเท้าคางมองเขา “ในเมื่อคุณป้ายกบ้านหลังนี้ให้ฉันแล้ว ก็แสดงว่าคุณเชษฐ์ต้องล้มโปรเจกต์ร้อยล้านพันล้านนั่นไม่ใช่หรือ”
“เธอจะขายต่อให้ฉันเท่าไร ฉันยินดีซื้อคืน”
คำตอบเขาคล้ายกับกำลังถือถังน้ำแข็งสาดใส่หน้าเธออย่างไรอย่างนั้น พิมาลามองสบตากับเชษฐ์ด้วยใบหน้าติดจะบึ้งตึง เมื่อเห็นว่าเขาล้วงเช็คออกมาเขียนจึงเอื้อมไปคว้าเอาไว้อย่างห้ามปราม
“ไม่ต้อง พรุ่งนี้ฉันจะย้ายออก คุณอยากทำอะไรกับบ้านหลังนี้ก็ทำไป เพราะฉันไม่เคยคิดจะรับบ้านหลังนี้เลยสักครั้ง ที่มาอยู่ก็เพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศเท่านั้น”
“ไม่เป็นไร บอกราคามาเถอะ ฉันยินดีจ่าย”
พิมาลาไม่อยากมองหน้าคนมีเงินอีก
“อย่าเลยค่ะ ตั้งแต่แต่งงานกันจนหย่าขาด ฉันจำได้ว่าไม่เคยใช้เงินของคุณแม้แต่บาทเดียว เพราะฉะนั้นคุณเก็บเงินนั่นไว้เถอะ ถ้าจะให้จริงๆ เอาไปฝากไว้กับคุณป้าก็แล้วกัน เพราะเงินสิบล้านที่คุณให้ฉันก็ฝากคุณป้าไว้ ไม่ได้เอาติดตัวมา”
“ตามใจ” เชษฐ์เก็บเช็คแล้วลุกขึ้น ในเมื่อธุระจบเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่เผชิญหน้ากับอดีตภรรยาอีก แต่พอจะเดินออกจากบ้านก็ห้ามปากเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี
“แล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหน”
หญิงสาวมองเขาแล้วอดยิ้มอย่างเย้ยหยันไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าเธอเย้ยหยันเขาหรืออะไร แต่เธอกำลังสมเพชตัวเองต่างหาก เพราะเชษฐ์ไม่เคยแสดงความห่วงใยหรืออยากรู้เรื่องของเธอเลย
จึงได้แต่หลุบตาต่ำบอกเขา “อย่าพูดหรือแสดงท่าทีอะไรที่คุณไม่เคยทำสิคะ เพราะมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่าคุณไม่ใช่ตัวจริง”
คนฟังชะงักงันไปเล็กน้อย ก่อนจะเก็บสายตากลับแล้วเดินออกจากบ้านด้วยสีหน้าบึ้งตึงยิ่งกว่าเดิม ทำเอาปราบไม่กล้าถามเลยว่าเจ้านายเจรจากับอดีตภรรยาสำเร็จหรือไม่ กระทั่งเห็นเจ้านายหยิบโทรศัพท์สั่งธงชัยให้ติดต่อทีมโปรเจกต์เพื่อเริ่มดำเนินการนั่นแหละถึงได้รู้ว่าการพูดคุยครั้งนี้เรียบร้อยดี ทว่าทำไมสีหน้ากับแววตาของคุณเชษฐ์ถึงไม่มีคำว่าดีใจเลย
“ถึงแล้วครับคุณเชษฐ์” เสียงบอกกล่าวดังขึ้นเมื่อมาถึงหน้าโรงแรม และอีกสิบห้านาทีการประชุมของผู้เป็นนายก็จะเริ่มขึ้น
ปลายนิ้วเรียวยาวของเชษฐ์ลูบระหว่างคิ้วเบาๆ ก่อนน้ำเสียงสั่งการจะหลุดลอดไรฟันออกมา “ให้คนตามดู พิมาลาด้วย ฉันอยากรู้ทุกความเคลื่อนไหวของเธอ”
หน้าของปราบเวลาที่ได้ยินคำสั่งไม่เปลี่ยนสีแม้แต่น้อย