บทที่ ๑ คนไม่มีใจ(๑)
เรือนไทยประยุกต์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นสมบัติของตระกูลเก่าแก่อย่างนามวรพันธ์อาศัยมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ห้าสิบปีหลังมานี้ธุรกิจหลักของครอบครัวจะเป็นโรงแรมติดแม่น้ำที่อยู่ห่างจากตัวบ้านไปไม่ไกลนัก เดินแค่สิบนาทีก็ถึงแล้ว
ปกติคุณมนฤดีผู้เป็นแม่และคุณเชิดผู้เป็นพ่อจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของลูกชายเพียงคนเดียวนัก ยกเว้นก็แค่เรื่องชีวิตคู่ สองปีก่อนเชษฐ์ถูกบังคับให้รับพิมาลา ราตรีสวรรค์ ซึ่งเป็นบุตรสาวเพื่อนรักเพื่อนสนิทของคนเป็นพ่อเป็นภรรยา ด้วยบุญคุณที่เกี่ยวพันกันมาหลายสิบปี ต่อให้ชายหนุ่มไม่อยากยอมรับการแต่งงานครั้งนี้แค่ไหนก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับน้ำตาของคนเป็นแม่อยู่ดี
ดังนั้นการตกนรกเพราะการแต่งงานจึงเริ่มต้นขึ้น หลังผ่านพิธีวิวาห์ที่จัดกันอย่างเรียบง่าย เจ้าบ่าวเจ้าสาวแม้จะอยู่บ้านหลังเดียวกัน แต่ไม่เคยร่วมเตียงกันเลยสักครั้ง ทุกคนในตระกูลนามวรพันธ์ต่างรู้แก่ใจดี แต่ใครจะกล้าไปบังคับให้คุณเชษฐ์ผู้อารมณ์เกรี้ยวกราดนอนกับเมียที่ไม่ได้รักได้
พิมาลาหรือเพียง อยู่ในฐานะภรรยาของเชษฐ์มาสองปีแล้ว สองปีที่ไม่เคยกินข้าวด้วยกันสักมื้อ ไม่เคยได้ไปเที่ยวด้วยกันสักหน แม้จะเห็นหน้าหรือพูดคุยกันสักคำยังเป็นเรื่องยากจนน่าเหลือเชื่อ
ในที่สุดวันส่งท้ายปีก็เป็นวันที่ความอดทนของ พิมาลาหมดลง มือบางนุ่มจึงกระชับซองสีน้ำตาลฉบับหนึ่งยืนนิ่งอยู่หน้าห้องทำงานของเขา ห้องทำงานที่เป็นห้องนอนและอาณาเขตส่วนตัว ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านนี้เธอไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านในเลย เว้นก็แต่ลักลอบเข้าไปโดยที่เขาไม่รู้เท่านั้น ทว่าตอนนี้เธอกำลังจะเข้าไปเผชิญหน้ากับเขาแล้วคว้าเอาอิสรภาพที่หายไปสองปีกลับคืนมา
เมื่อเธอกับเขาไม่ได้รักกัน แล้วจะปล่อยให้คำว่าการแต่งงาน ทะเบียนสมรสมันแขวนคออีกทำไม ตัดให้ขาดๆ แล้วต่างคนต่างไปไม่ดีกว่าหรือ
หญิงสาวยืนปาดเหงื่ออยู่หน้าห้องของเขา พลางสูดหายใจลึกยาว ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตู เงียบไปครู่หนึ่งก็มีน้ำเสียงเยียบเย็นจากเจ้าของห้องถามขึ้น
“ใคร?”
“เพียงเองค่ะ เพียง พิมาลา”
เจ้าของร่างบอบบางไม่เคยคิดเลยสักนิดว่าต้องมาแนะนำตัวเองให้สามีรู้จักอีก แต่จะโทษอะไรได้ในเมื่อเขากับเธอแทบไม่เคยคุยกัน แล้วเขาจะจำเสียงของเธอได้ยังไง โชคดีแค่ไหนที่เขายังรับรู้ว่า ในบ้านหลังนี้ยังมีเธออยู่อีกคน
“มีธุระอะไร”
แม้แต่จะพบหน้ายังต้องมีธุระซะก่อน ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็อย่าทนอีกดีกว่า
พิมาลากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่แล้วก้มหน้าพูดออกมา “เพียงมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย เพียงขอเข้าไปนะคะ”
เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าเขาไม่มีวันอนุญาต แทนที่จะรอ พิมาลาเลือกจะเปิดประตูเข้าไป เมื่อสายตาปะทะกับ ชายหนุ่มอายุสามสิบห้าที่นั่งอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่ ริมฝีปากบางนุ่มถึงกับเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ถ้าหากไม่มีภาพถ่ายของเขาติดไว้จนทั่วบ้าน ก็คงลืมใบหน้าที่แท้จริงของสามีไปแล้ว
ทันทีที่ดวงตาสีดำเข้มปรายมองอย่างเอาเรื่อง พิมาลารีบเดินเข้าไปใกล้แล้วหยิบเอกสารด้านในออกมาวางลงบนโต๊ะ แม้จะพยายามบังคับตัวเองไม่ให้หวาดหวั่น แต่สุดท้ายภายในอกก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอยู่ดี
ตั้งแต่ที่ภรรยาแต่งเดินเข้ามาในห้องทำงาน เชษฐ์ใช้ทุกๆ วินาทีเพื่อพิจารณาอีกฝ่าย ตอนแต่งงานเขาจำได้ว่าเมียที่พ่อกับแม่บังคับให้เลือกอายุยี่สิบสาม ผ่านมาสองปีเธอก็คงอายุยี่สิบห้าแล้ว ดูเหมือนรูปร่างหน้าตาก็ยังเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด จะแตกต่างก็ตรงสีหน้ากับแววตาที่เคยสดใสได้อันตรธานหายไปแล้ว
พอเอกสารแผ่นหนึ่งถูกวางตรงหน้า เชษฐ์ก็เหลือบตาขึ้นทันที
“นี่อะไร?”
พิมาลาเม้มปากเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็บอกเขาอย่างมั่นใจ
“หนังสือขอหย่าค่ะ”
“อะไรนะ!” เชษฐ์ย้ำถามอีกรอบ
หญิงสาวมองเขาด้วยสีหน้าแววตาเฉยชาขึ้นเรื่อยๆ
“เพียงอยากหย่ากับคุณค่ะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป คุณเชษฐ์ช่วยเซ็นใบหย่าให้ด้วยนะคะ ในเอกสารนั้นระบุเอาไว้แล้วว่าไม่ต้องการค่าเลี้ยงดูใดๆ สองปีก่อนเพียงมายังไงก็จะออกไปแบบนั้น คุณไม่ต้องกังวลเรื่องสมบัติเงินทอง ดังนั้น...รบกวนด้วยนะคะ”
“หย่าอย่างนั้นหรือ”
สายตาที่เชษฐ์มองพิมาลาเยียบเย็นขึ้นเรื่อยๆ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาพูดเรื่องนี้ ผู้หญิงโง่เง่าปัญญาอ่อนที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไร้ประสิทธิภาพคนนี้ไม่รู้เลยหรือยังไงว่า เขาคิดเรื่องหย่ากับเธอเป็นร้อยๆ ครั้ง แต่ที่ไม่ทำก็เพราะพ่อกับแม่ขอไว้ ขอให้เขารักษาสัญญาบ้าๆ บอๆ ที่พ่อของเขารับปากพ่อของเธอเอาไว้ว่าตลอดทั้งชีวิตนี้ เธอจะได้อยู่ในตระกูลนามวรพันธ์ในฐานะสะใภ้ตลอดไป
เหอะ! แต่วันนี้เธอกลับเป็นฝ่ายมาเอ่ยปากขอหย่าอย่างหน้าด้านๆ มันไม่ตลกไปหน่อยหรือไง
ชายหนุ่มถึงกับต้องเอนหลังแนบพนักพิง มือข้างหนึ่งเคาะลงบนเอกสารแผ่นนั้น นัยน์ตาคู่คมฉายแววเอาเรื่องและน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็เลือกที่จะฉีกมัน
แควก!
เสียงกระดาษที่ถูกฉีกขาดเป็นสี่ส่วนนั้นทำเอาดวงตาของพิมาลาแดงก่ำขึ้นทันที นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่เธอกล้าใช้สายตาไม่พอใจมองเขา
“คุณเชษฐ์!”
เจ้าของชื่อขว้างกระดาษชิ้นเล็กๆ ใส่หน้า แม้มันจะบางเบาแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้สร้างความเจ็บปวดให้กับเธอนัก ร่างทั้งร่างนั้นสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้
“ทำไม?”
มุมปากของเชษฐ์โค้งขึ้น เขามองร่างสั่นๆ ของเธอเหมือนลูกหมาที่น่าสมเพชตัวหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก้าวมายืนตรงหน้าได้ก็ทิ้งสะโพกพิงขอบโต๊ะ นัยน์ตาดำเข้มมองร่างบอบบางของหญิงสาวที่เขาไม่เคยแตะต้องด้วยความเย้ยหยัน
พริบตาเดียวก็ขยับปลายนิ้วจิ้มลงบนหน้าผากมนแรงๆ
“จำใส่สมองกลวงๆ ของเธอเอาไว้นะพิมาลา ว่าคนที่มีสิทธิ์ขอหย่าได้มีแค่ฉัน คนที่จะเอาเอกสารขอหย่าเข้ามาในบ้านหลังนี้ได้ก็มีแค่ฉัน ฉะนั้นเธอต้องรู้จักเจียมตัวเอาไว้ด้วย ว่าฉันเป็นใคร เธอเป็นใคร ทีหน้าทีหลังถ้ามีเวลามาทำเรื่องไร้สาระพวกนี้ ฉันว่าเอาสมองไปคิดเรื่องที่มีประโยชน์จะดีกว่า”
พิมาลากัดปากสั่นๆ จนห้อเลือด ดวงตาแดงก่ำนั้นไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกแล้ว
“แล้วทำไมคุณถึงไม่หย่ากับฉันสักที”