หลังจัดการเรื่องหย่าเรียบร้อย เชษฐ์ก็วุ่นวายอยู่กับโปรเจกต์ใหม่จนแทบไม่ได้กลับมานอนที่บ้านเลย ตอนนี้พอจัดการอะไรๆ เรียบร้อยเขาจึงกลับเข้าบ้าน แต่แปลกที่ ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความเงียบสงัดอย่างที่เคยแต่กลับไม่เหมือนเดิม คล้ายกับมันมีอะไรต่างไป
โดยเฉพาะเวลาเข้าห้องแล้วหยิบเอาเสื้อผ้ามาผลัดเปลี่ยน ปลายนิ้วที่สัมผัสเนื้อผ้า ทิศทางการจัดวาง กลิ่นหอม มันเป็นอะไรที่ไม่คุ้นเคย
คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยก่อนจะตะโกนเรียกคนรับใช้ ไม่นานก็มีคนหนึ่งโผล่หน้าเข้ามา
เชษฐ์ชี้ไปยังเสื้อผ้าที่เพิ่งผ่านการซัก “ทำไมกลิ่นเสื้อผ้า การจัดเรียงถึงไม่เหมือนเดิม” เขาคุ้นเคยกับความเป็นระเบียบเรียบร้อย เสื้อแต่ละตัวเรียงเฉดสีสะดวกต่อการหยิบจับและดูสบายตา แถมเวลาจับเสื้อผ้าจะได้กลิ่นหอมอ่อนจาง
อุ้มได้แต่ก้มหน้าก้มตาตอบ “ขอโทษค่ะคุณเชษฐ์ ตั้งแต่คุณเพียงมาอยู่ที่นี่เธอก็เป็นคนดูแลทำความสะอาดห้อง ซักรีดเสื้อผ้า จัดเตรียมทุกอย่างในห้องนี้ค่ะ”
“ว่ายังไงนะ!” ชายหนุ่มถึงกับคลึงขมับ “ฉันสั่งเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามพิมาลาก้าวเข้ามาในห้องนี้”
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ คือคุณเพียงขอเข้ามาจัดการตอนที่คุณเชษฐ์ไปทำงาน พวกเราไม่มีทางเลือกเลยจริงๆ อีกอย่างคุณเชษฐ์ก็จับไม่ได้ไล่ไม่ทันนี่คะ”
“ให้ตายสิ” กรามแกร่งขบกันดังกรอดๆ “สรุปว่าคุณพิมาลาดูแลทุกอย่างในห้องนี้สินะ”
“ค่ะ เธอจัดการทุกอย่างหมดเลย”
“ออกไป” เชษฐ์เอ่ยได้เพียงเท่านั้นก็หันมาจัดเรียงเสื้อผ้าอย่างที่จำได้ ทุกอย่างจึงกลับมาเป็นระบบระเบียบอย่างที่เคย เมื่ออะไรๆ เรียบร้อยก็ทำให้เขานึกไปถึงผู้หญิงที่เคยอยู่ร่วมบ้านกัน ดูเหมือนสองปีมานี้เขาจะไม่ค่อยเข้าใจอะไรเกี่ยวกับพิมาลามากนัก ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าไม่สนใจในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นหรือทำต่างหาก เขาไม่รู้เลยว่าระหว่างอยู่ที่บ้าน ผู้หญิงคนนั้นทำอะไร กินอยู่ยังไง ใช้เงินจากที่ไหน เพราะเขาแทบไม่เห็นเธอออกไปทำงาน แล้วก็ไม่เคยเห็นเธอออกไปช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว หรือไปพบใครเลยสักคน เธอเหมือนคนแปลกหน้ามากกว่าคนเป็นภรรยา แต่ไม่ว่ายังไงการหย่ากันถือว่าเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว ดังนั้นจึงปัดๆ ทุกความคิดเกี่ยวกับอดีตภรรยาให้หลุดออกไป อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ก็ลงมาเดินพักผ่อนอยู่ในสวน
ทว่าภาพที่เห็นกลับทำเอาชายหนุ่มต้องนิ่วหน้า เพราะตอนนี้อุ้มกับเอื้อย สองพี่น้องกำลังวุ่นวายอยู่กับต้นไม้ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา
“ทำอะไรกัน”
สองสาวสะดุ้งแล้วก้มหน้าก้มตาตอบ “ไม่รู้ว่าดอกไม้พวกนี้เป็นอะไร พวกเราก็รดน้ำดูแลอย่างดีตามที่คุณเพียงสั่ง แต่ว่ามันเหมือนจะไม่รอดเลยค่ะ”
“ไปตามคนสวนมาดูสิ”
“คือว่า คุณเพียงเป็นคนปลูก เป็นคนดูแลเองทั้งหมด คนสวนที่บ้านไม่มีใครเคยแตะต้องเลยค่ะ”
เชษฐ์พ่นลมหายใจทิ้งยาวๆ “ไปตามคนที่เชี่ยวชาญมาดูแล อย่าให้ดอกไม้ต้นไม้สวยๆ พวกนี้ตายเด็ดขาด”
“ค่ะ”
“แล้วบอกมาซิ ว่าคุณเพียงของพวกเธอเคยทำอะไรไว้บ้าง”
เมื่อเจ้านายถาม สองคนก็ผลัดกันรายงานชีวิตประจำวันของพิมาลาทันที “คุณเพียงเธอจะตื่นตีสี่ตีห้ามาเตรียมมื้อเช้า อาหารเช้า อาหารค่ำที่คุณเชษฐ์กินมาตลอดสองปีเป็นฝีมือเธอค่ะ บ้านทุกซอกทุกมุมเธอก็ช่วยพวกเราจัดการ ว่างๆ ก็อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ ไปตลาดสด เธอไม่มีเพื่อน ไม่เคยออกไปไหน ยกเว้นไปกับคุณผู้หญิงเท่านั้น”
ยัยนี่ใช้ชีวิตไร้รสชาติสิ้นดี ชายหนุ่มคิดในใจ
“นอกจากบ้านแล้วที่ไกลสุดก็คงเป็นโรงแรมค่ะ คุณเพียงทำขนมเอาไปฝากคนที่ทำงานในโรงแรมเป็นประจำ”
“ฮึ”
เชษฐ์ได้แต่ทำเสียงขึ้นจมูก ยัยนั่นทำขนมให้ทุกคนกินยกเว้นเขา แต่ว่าทำไมเขาถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ยิ่งฟังเรื่องราวที่อดีตภรรยาทำ ขมับก็พลันเต้นตุบๆ จนปวดไปหมด
“ถ้าเธอมีเวลาก็จะทำของอร่อยๆ ไปฝากคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายที่บ้านใหญ่ด้วยนะคะ”
ข้อนี้เชษฐ์แน่ใจว่าพิมาลาไม่พลาดโอกาสประจบประแจงพ่อกับแม่เขาแน่นอน
“อ้อ!” เอื้อยร้องดัง “รอสักครู่นะคะ” เอ่ยจบก็วิ่งปร๋อไปหยิบสมุดบันทึกในห้องครัวทันที มาถึงก็ยื่นให้พลางอธิบายเจื้อยแจ้ว “บัญชีค่าใช้จ่ายค่ะ เงินที่คุณเชษฐ์ให้ไว้ใช้จ่ายในทุกๆ เดือน คุณเพียงเธอบันทึกไวหมด ว่าวันหนึ่งใช้อะไรไปบ้าง เหลือเท่าไร ในนี้มีรายละเอียดทั้งหมดเลยค่ะ”
เชษฐ์เปิดดูพอผ่านๆ และเขาแทบไม่เคยเห็นพิมาลาใช้เงินในเรื่องส่วนตัวเลย ค่าเสื้อผ้า ของใช้ เครื่องสำอางของเธอไม่มีบันทึกไว้ และยอดเงินคงเหลือมันก็มากมาย คล้ายกับว่าเธอใช้เงินเพียงหนึ่งในสามที่เขาให้
ชายหนุ่มปิดสมุดบัญชีลงแล้วถามสองสาวอย่างอยากรู้ “คุณเพียงไม่เคยใช้เงินส่วนนี้ไปทำอย่างอื่นเลยหรือ พวกเสื้อผ้าของใช้ เธอเอาเงินจากที่ไหนไปซื้อ”
อุ้มสบตากับเอื้อยก่อนรายงาน “คุณเพียงใช้เงินส่วนตัวของเธอค่ะ”
คนฟังได้แต่พยักหน้า เขาก็พอจะนึกออกว่าสมบัติเงินทองที่พ่อแม่ของพิมาลาทิ้งไว้มันมีมากมาย ไหนจะรวมค่าสินสอดเงินทองที่พ่อแม่ของเขาประเคนให้เธออีก มันคงเหลือกินเหลือใช้ไปตลอดชีวิต
“ไปเถอะ ฉันขอดูบัญชีเล่มนี้อีกสักหน่อย” เอ่ยไล่แค่นั้นสองพี่น้องก็ถอยออกไปเงียบๆ เชษฐ์จึงเปิดสมุดบัญชีพอผ่านๆ ดูจบก็เดินไปยังบ้านใหญ่เพื่อคุยกับพ่อแม่เรื่องขยายโรงแรมไปยังหัวหิน
แต่พอเข้ามาในบ้านก็เห็นแม่กำลังเช็ดทำความสะอาดของมีค่า หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะเป็นแหวนแต่งงานที่เขาเคยสวมให้พิมาลา
หยิบขึ้นมาดูได้ก็กวาดสายตาดูเครื่องเพชร เครื่องทองตรงหน้าด้วยแววตาเคร่งขรึม
คนเป็นแม่เบือนหน้าหนีราวกับไม่อยากเห็นหน้าลูกชายอีก
“นี่แหวนแต่งงานที่ผมให้พิมาลาไม่ใช่หรือครับ”
“ใช่” คนเป็นแม่บอกด้วยสีหน้าเฉยชา ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกับสายตาลูกชายเลยสักนิด แถมยังสาธยายออกมาไม่หยุด “เครื่องเพชร สร้อยทอง พวกนี้ก็เป็นสินสอดแกในวันแต่งงานกับหนูเพียง หลังจากเสร็จพิธีเพียงไม่กี่วัน หนูเพียงก็หอบทุกอย่างมาคืน ไม่ใช่แค่ของมีค่าพวกนี้หรอกนะ แม้แต่เงินยี่สิบล้นก็ยังส่งคืนมาทั้งหมด ทั้งๆ ที่พ่อกับแม่หว่านล้อมให้รับไป แต่กลับขอแค่แหวนแต่งงานวงเดียวติดตัว ตอนนี้แหวนก็ถูกส่งคืนมาแล้ว สรุปว่าหนูเพียงยอมแต่งงานกับแกโดยไม่เอาอะไรเลย อ้อแม่จะบอกให้นะเชษฐ์ ข้าวของที่แม่ซื้อให้ หนูเพียงก็แทบจะจ่ายเงินคืนทุกชิ้นเลยล่ะ จนแม่แทบจะขอร้องหนูเพียงถึงได้ยอมรับไป แต่ก็นั่นแหละ ที่ยอมรับก็มีแค่ของราคาไม่กี่พันบาท ดังนั้นเพื่อชดเชยทุกสิ่งทุกอย่างแม่ก็เลยยกบ้านพักที่หัวหินให้หนูเพียงไปแล้ว ต่อไปแกไม่มีสิทธิ์ในบ้านหลังนั้นอีกแล้ว”
“อะไรนะครับ” เชษฐ์จ้องหน้าคนเป็นแม่อย่างดุดัน “บ้านนั้นแม่บอกจะยกให้ผม แล้วทำไม”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” คุณมนฤดีตอบเสียงดัง “นับตั้งแต่แกหย่ากับหนูเพียง แกจะไม่ได้อะไรจากแม่อีก และแม่ก็จะเอาสิ่งที่เคยให้แกคืนมาทั้งหมด หลังจากนั้นก็จะเอาไปให้หนูเพียง”
“แม่”
เชษฐ์หลับตาลง พยายามระงับอารมณ์ขุ่นมัวเอาไว้ “ผมจะขายโรงแรมไปที่หัวหิน ผมจำเป็นต้องใช้ที่ดินของบ้านหลังนั้น”
คุณมนฤดีหัวเราะลั่น “เสียใจด้วยนะลูก แม่เพิ่งให้ทนายทำเรื่องยกบ้านหลังนั้นให้หนูเพียง ดูเหมือนว่าตอนนี้ชื่อผู้เป็นเจ้าของจะเปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นโครงการนี้ก็พับเก็บไปซะเถอะ” เอ่ยแค่นั้นก็หันมาเช็ดทำความสะอาดเครื่องเพชรอย่างอารมณ์ดี ผิดกับลูกที่เอาแต่ทอดถอนลมหายใจทิ้งไม่หยุด