ระหว่างรอให้ทนายของเชษฐ์จัดการเรื่องเอกสารหย่าร้าง พิมาลาก็เลือกที่จะพักผ่อนอยู่บ้านตากอากาศริมทะเลอย่างที่คุณป้ามนต้องการ หลังกลับจากโรงพยาบาลก็มีป้าวาดอยู่เป็นเพื่อน อีกฝ่ายดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี การมีป้าวาดคอยพูดคุยด้วย พาไปดูโน่นดูนี่ทำให้ความกังวลที่มีอยู่หายไปไม่น้อย เมื่อผ่านไปสองวันสีหน้ากับแววตาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งได้รับโทรศัพท์จากทนายของเขาความรู้สึกห่อเหี่ยวสิ้นหวังก็เริ่มกลับมากลืนกินอย่างช้าๆ ทำให้รอยยิ้มสดใสนั้นอันตรธานหายไปคล้ายกับเป็นเพียงหมอกควันสายหนึ่งเท่านั้น
ในเมื่อคนอยู่บ้านพักยังรู้เรื่อง ข่าวก็ต้องรู้ถึงหูคนเป็นแม่เช่นกัน คุณมนฤดีฮึดฮัดใส่สามีอย่างไม่พอใจ
“ดูลูกชายของคุณสิ รีบร้อนหย่ากับหนูเพียงจนตัวสั่นเชียว”
คุณเชิดเหลือบมองภรรยาคู่ชีวิตเล็กน้อย “เอาน่า เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ หนูเพียงจะได้มีความสุขสักที”
“คณไม่รู้อะไรเลย” คนเป็นภรรยาค้อนให้ “คอยดูเถอะ ฉันเชื่อแน่นอนว่าต้องมีสักวันที่ลูกชายคุณต้องเสียใจ”
“เจ้าเชษฐ์ก็ลูกชายคุณเหมือนกันนั่นแหละ” ได้แต่พึมพำเบาๆ อยู่ในลำคอ แต่เมื่อเมียรักตวัดตามอง เชิดก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆ
คุณมนฤดีคร้านจะพูดกับสามีอีกจึงเดินลิ่วๆ ไปหยิบเอาโทรศัพท์แล้วต่อสายหาลูกชายทันที “แกจะกลับมาคุยกับแม่ที่บ้าน หรือจะให้แม่ไปคุยกับแกที่โรงแรม”
เชษฐ์เหลือบมองพนักงานในห้องประชุมเล็กน้อย ก่อนจะปิดแฟ้มเอกสารลง “วันนี้พอแค่นี้ก่อน”
ทุกคนมองหน้ากันเล็กน้อยแล้วถอยออกไปด้วยความรีบเร่ง ทิ้งให้ผู้เป็นนายจับจ้องหน้าจอมือถือที่มีตัวเลขเวลาสนทนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ว่าไง จะให้แม่ไปหาแกเลยไหม”
“ผมจะไปหาแม่เองครับ”
เชษฐ์บอกแค่นั้นก็กดตัดสายทันที หลังจากนั้นก็ต่อสายหาทนายประจำตัว จัดการทุกอย่างเรียบร้อยถึงได้เดินกลับบ้านด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าเพียงเข้าบ้านมาได้นัยน์ตาคมกริบปะทะกับคุณนายมนฤดีที่นั่งอยู่ห้องโถงด้วยใบหน้าติดจะบึ้งตึง คนเป็นลูกจึงต้องสูดหายใจยาวๆ เพื่อเตรียมรับมือ
“แกจะหย่ากับหนูเพียงจริงๆ หรือ”
ได้ยินแม่ถามเช่นนั้นชายหนุ่มก็ยกยิ้มพูด “นี่คือสิ่งที่แม่ต้องการไม่ใช่หรือครับ แม่อยากให้ผมหย่ากับยัยนั่น ผมก็หย่าให้แล้วไง”
“ทั้งๆ ที่เมื่อคืนนี้แกนอนกับหนูเพียงน่ะหรือ”
คนเป็นแม่โพล่งออกมาอย่างรู้ดี เพราะเรื่องราวในบ้านพักนั้น ป้าวาดเป็นคนรายงานให้ฟังทั้งหมด
“แกทำร้ายหนูเพียงจนต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วไงนะ แกไม่ดูดำดูดี ไม่สนใจคนที่แกได้เป็นเมีย แถมตอนนี้ยังยอมหย่าอย่างนั้นหรือ”
“ก็แม่บอกให้ผมหย่าไม่ใช่หรือไงครับ”
“นั่นมันก่อนที่แกจะนอนกับน้อง!”
เชษฐ์หัวเราะแผ่วลึกในลำคอ “แม่...ผมได้ชื่อว่าเป็นสามีของยัยนั่นมาสองปีนะครับ ผมก็แค่ใช้สิทธิของตัวเองเท่านั้น มันจะได้สมจริงไงครับ ผมกับหนูเพียงของคุณแม่ จะได้เป็นสามีภรรยาที่หย่าร้างกันจริงๆ”
“นี่ลูก” คุณมนฤดีได้แต่นวดขมับ “ถ้าจะทำแบบนี้ทำไมไม่ทำตั้งแต่แรกฮะ ทำไมต้องมาทำตอนที่กำลังจะหย่ากันด้วย”
“ก็เพราะว่าต้องหย่านี่แหละผมถึงได้หลับหูหลับตาทำ”
“เชษฐ์!”
คนเป็นลูกพ่นลมหายใจทิ้งแรงๆ “แม่ยังต้องการอะไรจากผมอีก แม่บอกให้ผมหย่าผมก็จัดการแล้วไง อีกครึ่งชั่วโมงทนายจะมาที่นี่ ผมจะเซ็นเอกสารหย่าต่อหน้าแม่ ดังนั้นช่วยอยู่เป็นพยานด้วยนะครับ หลังจากนั้นแม่ก็บอกทนายให้เอาเอกสารไปให้ยัยนั่นเซ็นก็แล้วกัน ฝากบอกเธอด้วยว่าผมแถมเงินให้สิบล้าน ถือว่าเป็นเงินที่ผมซื้ออิสรภาพของตัวเอง”
ดวงตาของคนเป็นแม่แดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ “ลูกจะทำแบบนี้จริงๆ ใช่ไหม”
“ครับ”
“ดี...สักวันลูกจะต้องเสียใจ แล้วถ้าวันนั้นมาถึงก็อย่ามาอ้อนวอนขอร้องแม่ เพราะแม่จะไม่มีวันช่วยลูกเด็ดขาด” กัดฟันพูดแค่นั้นก็เดินไปนั่งเชิดหน้าอยู่บนโซฟา รอกระทั่งทนายมาถึงลงนามเป็นพยานให้ลูกด้วยสีหน้าไม่พอใจ ผิดกับลูกชายที่เซ็นชื่อแต่ละครั้ง สีหน้าแววตาล้วนเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย พอเห็นใบหน้าระรื่นของลูกชาย คุณมนฤดีก็แทบอยากจะเอาเอกสารที่วางอยู่ฟาดหน้าไปหลายๆ ที
ทว่าสุดท้ายก็ทำได้เพียงฮึดฮัดจากไปเท่านั้น ทิ้งให้คนเป็นลูกได้แต่มองตามหลังด้วยแววตาหนักอึ้ง ที่พยายามปิดบังเท่าไร มันก็ยังเผยออกมาอยู่ดี
จัดการเอกสารเรียบร้อยเชษฐ์ก็ได้แต่ย้ำบอก
“ไม่ว่ายังไง เงินนั้นก็ต้องมอบให้พิมาลาให้ได้ ต่อให้เธอไม่ยอมรับ นายก็ต้องทำให้สำเร็จ”
“ได้” เมธัสในวัยสามสิบแปดปีรับคำ ซึ่งอีกฝ่ายเป็นทั้งทนายและก็พี่ชายคนสนิทที่รู้จักกันมานานนับสิบปี “ฉันจะจัดการทุกอย่างแทนนายเอง แต่ว่าฉันขอถามอะไรสักอย่างเถอะ นายแน่ใจแล้วนะว่าจะไม่เสียใจทีหลัง”
“ก็แค่หย่ากับผู้หญิงที่ไม่รัก จะเสียใจไปทำไม”
เมธัสพยักหน้า แต่แววตานั้นเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ “ก็ดี ฉันจะทำอย่างที่นายต้องการ”
“ขอบคุณ”
ชายหนุ่มเอ่ยแค่นั้นก็ละสายตาจากเอกสารตรงหน้าพลางยิ้มถาม “ไวน์หน่อยไหม โอกาสดีๆ แบบนี้ ฉันว่านายควรจะฉลองให้ฉันสักหน่อย”
เมธัสเก็บเอกสารลงกระเป๋าแล้วมองคนที่กำลังเดินไปหยิบไวน์กับแก้วด้วยแววตาหนักอึ้ง มุมปากยกยิ้มน้อยๆ พลางคิดในใจ ฉลองบ้าอะไร หย่ากับเมียที่อยู่ด้วยกันมาสองปีมันไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด เพราะต่อให้ไม่มีความรักมันก็ยังเหลือความผูกพัน
ทนายหนุ่มได้แต่หวังว่า เจ้านายที่เขาเห็นเป็นน้องชายคนนี้จะไม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เพราะว่าหลังหย่ากันแล้วคงไม่มีอะไรหวนกลับมาง่ายๆ อีก
ทันทีที่เชษฐ์ยื่นแก้วไวน์ให้ เมธัสก็ได้แต่รับมาจิบด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังสามารถรับรู้รสชาติของมัน ผิดกับคนที่กำลังจิบด้วยแววตานิ่งสงบกลับไม่ได้รู้รสชาติใดๆ นอกจากความบาดขมที่ไหลผ่านลำคอ
เมธัสดื่มเป็นเพื่อนเจ้าของบ้านเพียงแก้วเดียวก็ขอตัวกลับ แต่ก่อนไปก็ยังไม่ลืมบอก “พรุ่งนี้บ่ายสาม คุณเพียงจะเข้ามาเซ็นใบหย่าที่บ้านใหญ่ ถ้านายอยากพบเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะไม่มีพันธะใดๆ ต่อกันก็รีบมา”
มุมปากของเชษฐ์โค้งขึ้น “ชาตินี้ ฉันกับผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีวันได้พบกันอีก”