กว่าแพขนตาโค้งงอนของหญิงสาวจะขยับอีกครั้ง เวลาก็ล่วงเลยผ่านสองชั่วโมงมาแล้ว พอลืมตาขึ้นเธอก็เห็นใครบางคนนั่งหน้าขรึมอยู่บนเก้าอี้ เนื้อตัวของเขามีเพียงผ้าขนหนูพันเอวสอบเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ เธอจึงเบือนหน้าหนีจากร่างกายที่สมบูรณ์แบบของเขาแล้วค่อยๆ ประคองตัวเองพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมร่างขณะก้าวไปยังเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งไว้ แต่แค่ลงจากเตียง เสียงทุ้มห้าวก็ดังขึ้น “จะทำอะไร”
“แต่งตัวแล้วไปจากที่นี่ค่ะ ส่วนใบหย่าเดี๋ยวเพียงขอให้คุณป้าจัดการให้ จะต้องเซ็นเอกสารเมื่อไรเพียงจะเข้าไปหาคุณป้าเอง”
เชษฐ์ยิ้มมุมปาก รอยยิ้มของเขาทำเอามือของ พิมาลาสั่นเทาจนต้องกำไว้แน่น เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะค่อยๆเดินไปหยิบเสื้อผ้ามากอดไว้แน่น แต่ยังไม่ทันได้ปิดประตูห้องน้ำร่างกายบอบบางก็ถูกเหวี่ยงกลับขึ้นเตียง
“ว้าย!” กรีดร้องได้เพียงเท่านั้น ดวงตากลมโตก็พลันเบิกกว้าง เพราะตอนนี้ร่างกายทุกส่วนสัดถูกเขาขยับขึ้นมาทาบทับ ปลายนิ้วแข็งแรงที่กำลังลูบไล้ผิวแก้มอยู่ในขณะนี้ทำเอาต้องกลั้นหายใจ
เชษฐ์มองใบหน้าซีดเผือดของคนใต้ร่างตาไม่วาง
“เธอคิดว่าเราทำเรื่องนั้นกันจบจริงๆ น่ะหรือ คิดว่าคนเป็นผัวเมียกันเขาทำเรื่องนั้นแค่เข้าไปแล้วก็สลบไสลไม่ได้สติ ถ้าเธอคิดว่ามันจบแค่นั้นก็ปัญญาอ่อนแล้ว”
“คุณเชษฐ์” พิมาลาเม้มปากมองเขา
“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย แล้วอย่างนี้ยังคิดอยากได้ใบหย่าจากฉัน ไม่หน้าด้านไปหน่อยหรือ”
เมื่อถูกเขาตอกหน้าเช่นนั้น พิมาลาก็ได้แต่เบือนหนีพร้อมกัดฟันถาม
“แล้วคุณจะเอายังไง ต้องการอะไรอีก จะให้ทำยังไงคุณถึงจะพอใจแล้วยอมหย่าสักที”
“ก็ไม่ยาก”
เขาบอกขณะไล้ปลายนิ้วร้อนจัดไปตามพวงแก้มของเธออีกครั้ง “ก็แค่อย่าเป็นลมไปก่อนที่ฉันจะเสร็จเท่านั้น อ้อ! ระหว่างนี้ก็ช่วยให้ความร่วมมือด้วย ปากที่มีก็ครางสักหน่อย มันจะทำให้ฉันมีอารมณ์ทำกับเธอให้จบๆ ไปเร็วขึ้น ฉันว่าเธอน่าจะฉลาดพอที่จะรู้จักการทำให้ฉันอิ่มเอมนะ เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เรื่องบนเตียงระหว่างเราจบเร็ว เธอเองก็จะได้ใบหย่า ได้อิสรภาพอย่างที่ต้องการเร็วขึ้นไปอีกไง”
คนใต้ร่างนิ่งงันไปเล็กน้อย สุดท้ายก็ได้แต่พึมพำตอบกลับ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบทำให้จบๆ ไปเถอะค่ะ”
“ก็ดี ทำให้ดีอย่างปากว่าก็แล้วกัน”
เมื่อเขาเริ่มดึงผ้าห่มที่คลุมเรือนร่างออก ฝ่ามือร้อนผ่าวข้างหนึ่งก็ค่อยๆ ขยับไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอไม่หยุดหย่อน
พิมาลากำลังบอกตัวเองว่าอย่ากลัว ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว ถ้าหากเธอผ่านวันนี้ไปทุกอย่างก็จะจบลง ไม่ต้องทนอยู่ใกล้เขาให้ทรมานตัวทรมานใจอีก
ไม่ต้องกลัวเขา อีกไม่นานก็จะผ่านไป
ร่างกายที่แข็งขืนเมื่อครู่ค่อยๆ ผ่อนคลายลง ยอมให้ชายหนุ่มสัมผัส ยอมให้ลูบไล้ พิมาลาปล่อยตัวปล่อยใจให้เชษฐ์ลูบคลำอย่างที่เขาต้องการ
เขาใช้เวลาในการสร้างความเสียวซ่านให้แผดเผาเธอกับเขาไม่นานนัก แต่ในความรู้สึกของเธอกลับนานชั่วกัปชั่วกัลป์
เมื่อฝ่ามือแข็งแรงดึงผ้าเช็ดตัวออกจากเอวสอบ แล้วเริ่มจับขาของเธอแยกออกอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มห้วนก็ดังขึ้น
“มองหน้าฉัน แล้วห้ามหมดสติเด็ดขาด”
“ค่ะ” พิมาลากัดปากสั่นๆ รับคำ “รีบๆ ทำเถอะค่ะ เพียงอยากหลุดพ้นจากคุณเต็มทีแล้ว”
เขายิ้มเยาะ “เธอคิดว่าฉันอยากเอาเธอนักหรือไง ก็แค่ทำให้มันจบๆ ไปเท่านั้น”
เชษฐ์กัดฟันตอบแล้วค่อยๆ สอดแทรกร่างกายส่วนหนึ่งหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับคนใต้ร่าง เสียงกัดฟันกลั้นเสียงครางกระเส่าของเธอทำให้เขารู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยๆ ก็รู้ว่าตัวเองสามารถสร้างความเจ็บปวดให้พิมาลาไม่มากก็น้อย
ภาพที่เธอนอนครางยามเขากระแทกกระทั้นเข้าไปนั้น มันเป็นภาพที่จำติดตาเลยทีเดียว เพราะตอนนี้ร่างกายขาวๆ ของเธอแดงก่ำ เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามขมับนั้นทำให้เขาออกแรงครอบครองเธอบ้าคลั่งขึ้น
เขาอยากทำให้เธอทรมาน อยากให้เธอเจ็บปวดจนไม่อาจทานทนได้อีก แต่ทั้งๆ ที่คิดเอาไว้แล้วว่าหลับหูหลับตาครอบครองเธอแค่ไม่กี่นาทีเขาก็จะล้มเลิก ทว่าตอนนี้เกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่รู้จักพอ ยังต้องการครอบครองร่างเล็กๆ ของเธอให้ยาวนานขึ้นไปอีก
ดังนั้นตอนนี้จึงได้แต่จับร่างเล็กบางหันหลังให้
พิมาลากำลังกัดฟันข่มกลั้นความหวามไหว จนในที่สุดต้องถามออกมาเสียงสั่นเทา
“อีกนานไหมคะ เมื่อไรจะจบสักที”
เชษฐ์หลับตาลง ฝืนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ขณะกัดฟันตอบ “โทษที พอดีว่าร่างกายของเธอทำให้ฉันไม่มีอารมณ์ มันก็เลยช้าไปนิด” พูดได้แค่นั้นก็เอาแต่ลูบไล้แผ่นหลังเปล่าเปลือยของคนใต้ร่าง ปากหยักได้รูปไม่ยอมจูบไม่ยอมหอมตั้งแต่แรกนั้นเริ่มแต้มลงตามลาดไหล่เนียนซ้ำไปซ้ำมา สุดท้ายเขาก็ต้องจูบท้ายทอยเล็กของเธอแรงๆ ขณะที่มือข้างหนึ่งสอดลงไปใต้ร่าง เพื่อบีบบี้หน้าอกกลมขาว การได้ยินเสียงคราง เสียงหอบหายใจที่เต็มไปด้วยความวาบหวามนั้น ทำให้เชษฐ์ไม่สามารถอดทนอดกลั้นได้อีกต่อไป
เขาปลดปล่อยเข้าไปในร่างกายของเธอ เผลอตัวปล่อยทุกหยาดหยด กว่าจะรู้ตัวว่าเพิ่งทำเรื่องเลวร้ายสุดๆ ลงไป ทุกอย่างก็สายไป เขาเอาคืนกลับมาไม่ได้แล้ว
เมื่อรับรู้ว่าร่างกายสูงใหญ่ของเชษฐ์ล้มตัวลงนอนข้างๆ พิมาลาก็ประคองร่างกายที่ร้าวระบมลงจากเตียง เพียงปลายเท้าสัมผัสพื้นเย็นเฉียบร่างกายก็คล้ายกับถูกสาป เธอขยับไม่ได้เพราะความเจ็บปวดมันลามเลียไปทั่วตัว สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองทรุดลงกับพื้นแล้วปิดปากกลั้นเสียงร้องไห้เอาไว้ ทว่าต่อให้ปิดแค่ไหน เสียงสะอื้นกับหยาดน้ำตามันก็ยังหลั่งไหลออกมาไม่หยุดอยู่ดี
เชษฐ์ปรายตามองคนนั่งร้องไห้เล็กน้อยก่อนจะกัดกรามสั่ง “เลิกร้องสักที รำคาญ!”
พิมาลาเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ
คนบนเตียงจึงขยับไปหยิบเอาผ้าขนหนูมาพันเอวสอบเอาไว้ เรียบร้อยก็โน้มตัวลงมองร่างสั่นเทาของคนในผ้าห่มอย่างดูแคลน “จะคร่ำครวญทำไมนักหนา ฉันเอาแค่ครั้งเดียวมันคงไม่สึกเหรอหรอก รับรองว่าพอไปมีผัวใหม่เธอก็ยังสามารถหลอกผู้ชายหน้าโง่คนนั้นได้อยู่ดี แค่บีบน้ำตานิดๆ หน่อยเดี๋ยวมันก็เชื่อ”