พิมาลายืนตัวเปล่าเปลือยอยู่ใต้ฝักบัวมานานเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว เธอขัดถูร่างกายจนสะอาดสะอ้านแต่ไม่ใช่ว่ากลัวเขารังเกียจกลิ่นกายสกปรกๆ หรืออะไร ก็แค่อยากจะขัดล้างความเจ็บปวดจากคำพูดและการกระทำของเขาให้จางหายไปเท่านั้น หากแต่ต่อให้ขัดถูยังไงความเจ็บหัวใจก็ไม่หายไปสักที จึงทำได้เพียงทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าแล้วปล่อยให้สายน้ำเยียบเย็นชะล้างร่างกายไม่หยุด ทุกหยาดหยดสร้างความทรมานจนแทบหยุดหายใจ กระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูแรงๆ ใจที่กองอยู่กับตาตุ่มเมื่อครู่คล้ายถูกใครบางคนกระทืบซ้ำ และเสียงเรียกของเขาก็ทำเอาต้องกัดปากสั่นเทาไว้แน่น
“ออกมาได้แล้ว ต่อให้ล้างยังไงความโสมมในตัวของเธอมันก็ไม่หายไปหรอก”
พิมาลาเม้มปากแน่นก่อนจะแตะผนังพยุงร่างกายให้ลุกขึ้น ยืนตรงได้ก็หยิบเอาผ้าขนหนูมาพันกับอก ความสั้นของมัน ความเปลือยตรงหัวไหล่มนทำให้รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่จะทำยังไงในเมื่อมันมีให้เธอหยิบใช้แค่นี้
หญิงสาวเดินออกจากห้องน้ำด้วยขาสั่นระริก พอเห็นเขายืนพิงผนังโดยที่เสื้อสูทตัวนอกถูกถอดออกเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงทำให้ต้องรีบเบือนหน้าหนี
เชษฐ์มองคนนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้น “ฉันล้างแค่มือก็น่าจะพอ ว่าไหม”
พิมาลารู้ดีว่าเชษฐ์คงจะทำความสะอาดร่างกายหลังจากที่ผ่านช่วงเวลานั้นกับเธอแล้ว จึงไม่พูดอะไร ทำเพียงเดินไปหยิบผ้าอีกผืนซับผมยาวๆ ให้แห้งหมด พอเขาออกมาก็เดินไปนั่งบนเตียงอย่างว่าง่าย ดวงตากลมโตช้อนมองคนเช็ดมือพลางสูดหายใจแรง
“ถอดผ้าเช็ดตัวสิ ยังจะนุ่งมันอีกทำไม”
“คุณเชษฐ์ปิดไฟก่อนสิคะ” พิมาลาอายเกินกว่าจะเปลื้องผ้าต่อหน้าเขา ทว่าเชษฐ์กลับยกยิ้มว่า “จะรีบปิดไปทำไม เธอไม่คิดบ้างหรือว่าฉันสมควรมองประเมินผู้หญิงที่ฉันจะนอนด้วยบ้าง เผื่อมีแผลเป็นตรงไหนน่ารังเกียจฉันจะได้ไม่...”
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบประโยค หญิงสาวก็โยนผ้าขนหนูบนตัวทิ้ง ปล่อยให้เขาได้ทอดสายตาคมกริบมองร่างเปล่าเปลือยของเธอนิ่งนาน
พิมาลาจิกเล็บลงกลางฝ่ามือจนเจ็บเพื่อข่มกลั้นความทรมานจากสายตาของเชษฐ์อยู่สักพักถึงเอ่ยขึ้น “มองแค่นี้คงพอแล้ว ปิดไฟเถอะค่ะ เพียงไม่อยากเห็นหน้าคุณเชษฐ์อีก”
“ฉันก็เหมือนกัน”
เสียงทุ้มห้าวหลุดออกมาให้ได้ยินเพียงแค่นั้น ไฟฟ้าในห้องก็ดับลง ภายในห้องตกสู่ความมืดมิดจนน่าสะพรึงกลัว ยังดีที่แสงไฟจากด้านนอกยังสาดส่องเข้ามาให้เห็นแต่เพียงรางเลือน
ระหว่างก้าวเท้าเข้าใกล้ร่างเล็กบางของคนนั่งอยู่กับขอบเตียง เชษฐ์ปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด
พิมาลามองเห็นการกระทำของเขา แม้ไม่ชัดเจนในสายตาแต่กลับชัดในความรู้สึก เธอเม้มปากข่มกลั้นความหวาดกลัวแต่ว่าพอปลายคางถูกนิ้วร้อนๆ ของเขาวางทาบ เนื้อตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก็พลันสั่นระริกขึ้นมา
เชษฐ์โน้มใบหน้าลงมากระซิบข้างๆ หู “ไม่เอาน่า ผัวกับเมียจะนอนด้วยกันมันไม่ได้น่ากลัวสักหน่อย อย่าทำตัวสั่นเหมือนกำลังถูกฉันข่มขืนสิ ฉันว่าเธอควรจะดีใจจนยิ้มรับนะ เพราะอุตส่าห์ทนมาสองปี ในที่สุดก็ได้ตัวฉัน ได้เป็นเมียฉันอย่างที่ต้องการไง”
เห็นหญิงสาวช้อนดวงตาดำขลับมอง ชายหนุ่มก็พูดต่อ “แต่น่าเสียดายเพราะคำว่าเมียของเธอกับเมียที่ผู้หญิงคนอื่นเป็นนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว พวกนั้นอยู่สูง แต่เธอมันต่ำยิ่งกว่าโคลนตมซะอีก”
พิมาลาปัดมือของเขาทิ้งแล้วกัดฟันว่า
“จะทำอะไรก็รีบทำเถอะค่ะ ช่วยทำให้มันจบๆ ไปสักที”
มุมปากของคนฟังกดลงเล็กน้อย แล้วคว้าเอาต้นแขนของคนเปลือยเปล่ามาบีบไว้แน่น
“ฉันว่า...ฉันต่างหากที่ควรพูดประโยคนั้น ส่วนเธอ...สิ่งที่ควรทำมีเพียงอยู่นิ่งๆ แล้วอย่าอ้าปากพูดอะไรที่มันระคายหูจะดีกว่า”
เมื่อได้ยินเสียงเขากัดฟันพูดใส่ ร่างกายที่แข็งขืนของพิมาลาก็พลันอ่อนระทวยลง เธอปล่อยตัวล้มลงบนเตียงตามแรงผลักของเขา โดยไม่สนเลยว่าสองขากำลังแบะอ้าเปิดเปลือยเรือนร่างขาวเนียนให้เขามองเห็นทุกส่วนสัดชัดเจน
เห็นเขากวาดมองเรือนร่างพอผ่านๆ แล้วถอดเสื้อถอดกางเกงออกอย่างไม่เร็วไม่ช้าเช่นนั้น เจ้าของร่างเล็กบนเตียงก็ได้แต่เบือนหน้าหนี หลับตาทั้งสองข้างลงยอมรับชะตากรรมที่กำลังเกิดขึ้น
ทนไว้ แค่ครั้งเดียว ชั่วโมงเดียวทุกอย่างก็จบลง เธอจะได้รับอิสรภาพ ชาตินี้ ชีวิตนี้ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับเขาอีก
คุณเชษฐ์...ลาก่อนค่ะ พิมาลากระซิบในใจเพียงเท่านั้นก็รับรู้ถึงร่างกายสูงใหญ่ของเชษฐ์ที่ขึ้นเตียงมาทาบทับเนื้อตัว ไม่มีการจูบ ไม่มีการลูบไล้สร้างความซ่านเสียว มีแค่เพียงเรียวขาเล็กๆ ที่ถูกเขาจับแยกออก อะไรบางอย่างที่อุ่นร้อน ใหญ่โตถูไถโคนขาอ่อนขาวของเธอสักพัก หลังจากนั้นก็กระโจนจ้วงเข้ามาในร่างกายสุดแรง
“กรี๊ดดด!”
ตั้งแต่เขาถอดเสื้อผ้าออก พิมาลากลั้นใจรับความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นแล้ว ทว่าพอมันเกิดขึ้นจริงๆ กลับไม่สามารถแบกรับความทรมานจนแทบขาดใจนั้นได้ เธอหวีดร้อง ดิ้นรนหนี และในที่สุดเพียงเขากระแทกเอวสอบเข้าล้ำลึก ร่างกายบอบบางก็ทนไม่ไหว
เธอหมดสติไป ไม่รับรู้อะไรอีก ท่าทางอ่อนแรงคล้ายกับขาดใจไปแล้วทำเอาเชษฐ์ถึงกับชะงักงัน
“พิมาลา!” ชายหนุ่มกัดฟันเรียก ทุบกำปั้นลงกับที่นอนแรงๆ “บ้าเอ๊ย!”
ตะโกนลั่นได้แค่นั้นก็ต้องถอนกายออก ลุกจากเตียงมาคว้าเอาผ้าขนหนูที่พิมาลาโยนไว้พันเอวสอบไว้หลวมๆ หลังจากนั้นก็เดินไปเปิดไฟให้ส่องสว่างทั่วห้อง แต่พอหันไปเห็นเรือนร่างเปล่าเปลือยของเธอก็ถึงกับทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ ขณะมือยังขยับคลึงท้ายทอยไม่หยุด ยิ่งเหลือบสายตามองไปยับคนสลบไสลบนเตียงกรามร่างก็ยิ่งขบกันดังกรอดๆ ปกติ พิมาลาในสายตาของเขาก็น่าบีบคอให้ตายวันละหลายรอบอยู่แล้ว พอสลบไปทั้งที่กำลังทำเรื่องนั้นอยู่ เขาก็นึกอยากจะฆ่าเธอให้ตายขึ้นมาดื้อๆ ทว่าสุดท้ายก็ทำได้เพียงเดินไปหยิบเบียร์ในตู้เย็น ดึงสลักออกแล้วเทลงคอเพื่อดับความร้อนรุ่มที่ยังคุกรุ่นในร่างกายเท่านั้น แต่ไม่ว่ายังไงพอมองคนบนเตียง ร่างกายท่อนล่างของเขามันก็พลันตึงเครียดจนปวดตุบไปหมด สิ่งที่เขาต้องการมีแค่เพียงระเบิดทุกอย่างเข้าไปในร่างกายของพิมาลาจนหมดทุกหยาดหยด