“ครับมัม” เดรกรับคำมารดาที่มีสีหน้าเป็นกังวล
“เดี๋ยวแด๊ดจะให้คนออกตามหาอีกแรง” ครูซรีบบอกลูกชาย
“ขอบคุณครับแด๊ด” เดรกรีบออกตามหาแพรดาวอย่างรวดเร็ว ใจเขาร้อนเป็นไฟเพราะห่วงเธอกลัวจะมีอันตรายอะไรเกิดขึ้น
แพรดาวกำลังจะวิ่งออกไปจากทางเข้าหมู่บ้านของเดรก เธอต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเจอกับกลุ่มคนชุดดำที่ลงมาจากรถพอดิบพอดี เด็กสาวรีบวิ่งไปหลบอีกด้าน เธอยกมือขึ้นกุมหัวใจเอาไว้ ไม่ให้ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จำได้ดีว่าคนที่ลงมาจากรถนั้นคือคนที่ตามไล่ล่าเธออยู่
เธอค่อยๆ ชะโงกหน้าออกไปดูพบว่าพวกมันกำลังจะขึ้นรถ เท้าบางดันไปเหยียบอะไรบางอย่างที่อยู่ตรงนั้น พอโผล่ออกไปดู พวกมันก็เห็นเธอเข้าพอดี
“เฮ้ย! ลูกพี่ นังนั่นมันอยู่ตรงนั้น หาตั้งหลายเดือน มันโผล่ออกมาแล้ว” แพรดาววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เธอนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว ให้แคล้วคลาดปลอดภัย
ปัง ปัง ปัง...
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่อยากตาย” พวกมันยิงเหมือนไม่เกรงกลัวเงื้อมือกฎหมาย
“ว้าย! กรี๊ด!” แพรดาวกรีดร้องอย่างเสียงหลงเมื่อถูกกระชากขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เสียงปืนจะดังกระหน่ำอยู่รอบกายจนต้องยกมือขึ้นปิดหูตัวเองเอาไว้
“หนีออกมาทำไม ยายเด็กดื้อ”
“พี่เดรก” แพรดาวมองเขาอย่างรู้สึกผิด เสียงเจ้าบิวตี้เห่าอยู่ในรถบ่งบอกว่าดีใจที่เห็นเธอ
“แพรขอโทษ” เธอขอโทษทั้งเดรกและเจ้าบิวตี้
“ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งแกนะเจ้าบิวตี้ แต่ออกมาอันตราย”
“ออกมาอันตรายแล้วออกมาทำไม” เดรกดุเสียงเข้ม
“กรี๊ด!” เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ลูกน้องของเดรกยิงสกัดเอาไว้ และรถที่เธอนั่งอยู่กับเดรกก็พ้นวิถีกระสุน หนีออกมาได้อย่างรวดเร็ว
“รู้ไหมว่าอันตราย”
“แพรสำนึกผิดแล้วค่ะ”
“สำนึกผิดก็ดี”
“แต่แพรเบื่อ อยู่แต่บ้าน”
“อยู่แต่บ้าน เบื่อก็จริง แต่ปลอดภัย ออกมาตื่นเต้นแบบนี้ชอบเหรอ เกือบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าพี่ตามมาไม่ทันจะทำยังไง” เดรกพูดอย่างหัวเสีย เขาห่วงเธอแทบบ้า
“นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่คะ” เธอเอ่ยถามมองข้างทางอย่างตกใจ
“เราจะไปบ้านคุณยายกัน อีกไม่กี่วันจะแต่งงาน”
“แต่งงานเหรอคะ!” แพรดาวจำได้ว่าเธอแทบตะโกนออกไปสุดเสียง ทำไมมันถึงได้เร็วแบบนี้ล่ะ
แพรดาวยังรู้สึกงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เวลาช่างรวดเร็วเหลือเกิน ในที่สุดเธอก็ต้องแต่งงานกับเดรกจนได้ บิดามารดาของเขาเอ็นดูเธอยิ่งกว่าอะไร เมื่อหลีกเลี่ยงการแต่งงานไม่ได้ เธอจึงขอให้เขาจัดงานแต่งเงียบๆ พิธีเรียบง่าย เพราะจริงๆ แล้ว เธอกับเขาก็แต่งงานกันในนามเท่านั้น
ครอบครัวของเดรกเป็นครอบครัวใหญ่ เธอได้รู้จักคุณตากับคุณยายของเขา ท่านเป็นคนใจดีมีเมตตาและอบอุ่น ส่วนปู่และย่าของเดรกเป็นคนเฮฮาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ท่านเป็นฝรั่งที่พูดไทยได้คล่องจนเธอคลายความกังวลเรื่องภาษาไปได้มาก เนื่องจากภาษาอังกฤษของเธอช่างห่วยเสียนี่กระไร ตอนเรียนก็เรียนพอผ่านเท่านั้น แถมไม่ค่อยได้ใช้ด้วย ทำให้สื่อสารกับต่างชาติไม่เข้าใจ
เดรกเลือกที่จะจัดงานแต่งงานที่บ้านสวนของคุณตากับคุณยายแทนที่จะเป็นโรงแรมหรูหราเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว เธอพอจะรู้อยู่ว่าเขามีธุรกิจโรงแรม ถ้าจะจัดงานก็สะดวกสบาย แต่เขาก็เลือกทำตามที่เธอขอร้อง คือจัดงานเงียบๆ ในบ้านสวนแสนสงบและร่มรื่น
พี่สะใภ้ของเดรกคือแก้วกัลยา เธอเป็นคนน่ารัก ใจดี ช่วยเธอแต่งเนื้อแต่งตัวสวมชุดไทยในพิธีตอนเช้า แก้วกัลยาเก่งงานบ้านงานเรือน ดูแลบ่าวไพร่ให้จัดอาหารอย่างเรียบร้อย ส่วนน้องสะใภ้ของเดรกคือมะปราง เธออายุยังน้อย คนนี้คอยช่วยเหลือเป็นลูกมือของแก้วกัลยา และดูไปดูมาชัชวินทร์ สามีของมะปรางจะหวงภรรยาเอามากๆ ไปไหนมาไหนก็ต้องให้คนเป็นภรรยาอยู่ในสายตาโดยตลอด อีกทั้งคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ไม่ยอมไปไหน เธอมองแล้วอมยิ้มในความน่ารักของคนทั้งคู่ ดูเหมือนมะปรางจะเกรงใจสามี เมื่ออีกฝ่ายคอยทำหน้าดุ คอยปรามไม่ให้ทำอะไรอันตราย หรือระมัดระวังตัวเอง จนกระทั่งเธอได้ยินชัชวินทร์ดุเรื่องที่มะปรางซุ่มซ่ามเดินไปชนโต๊ะจนเป็นรอยช้ำ คนเป็นสามีรีบจัดการทายาให้ ในขณะที่คนถูกทายาถึงกับหน้าแดงด้วยความอาย ทั้งๆ ที่โดนบ่นโดนดุก็ยังหน้าแดง อาจเพราะคนบ่นคนดุเป็นห่วงสุดหัวใจนั่นเอง
รัชวินทร์ต่างจากชัชวินทร์โดยสิ้นเชิง ขานั้นออกจะเกรงใจเมียเอามากๆ แก้วกัลยาดูมีอำนาจทำให้สามีเกรง ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายออกจะเป็นคนใจดี เรียบร้อยอ่อนหวาน และดูเหมือนว่าคนที่ใครๆ ต่างเกรงใจเอามากๆ ก็คือคุณยายกิ่งแก้วอีกคน ญาติผู้ใหญ่ของเดรกอีกคนคือคุณป้าการะเกดกับสามีของท่าน เธอรู้จักบิดามารดาของเดรก แต่ไม่ได้สนิทกับคนในครอบครัวของเขานัก จึงไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับญาติพี่น้องของเขา แต่พิพัฒน์อาจจะสนิทชิดเชื้ออยู่บ้างและมากกว่าเธอ
พูดไปพูดมา ผู้ชายครอบครัวนี้โดยรวมเกรงใจเมียกันทั้งนั้น เธอสนิทกับคนในครอบครัวของเดรกเร็วมาก แค่ไม่กี่วันที่อยู่ด้วยกัน เธอก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของคนที่นี่ได้อย่างไม่น่าเชื่ออาจเป็นเพราะความเป็นกันเองและไม่ถือตัวของพวกเขา เธอถึงได้อยู่ที่นี่เหมือนเป็นครอบครัวตัวเอง
แพรดาวนึกอิจฉาครอบครัวของเดรกอยู่มาก เมื่อก่อนครอบครัวของเธอก็เคยอบอุ่น อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พอบิดามารดามาจากไป เธอก็เหลือแค่พี่ชายคนเดียว ซึ่งตอนนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างก็ไม่รู้ แค่คิดถึงพิพัฒน์เธอก็รู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก เธออยากรู้ว่าพี่ชายของเธอเป็นอย่างไรบ้าง ทุกๆ คืนก่อนเธอจะเข้านอน เธอสวดมนต์อธิษฐานให้พี่ชายคนเดียวปลอดภัย
พิธีการผ่านพ้นไปอย่างอบอุ่น ญาติๆ ของเดรกเอ่ยแซวเจ้าบ่าวของเธออย่างน่ารัก กระเซ้ากันอย่างเฮฮา เธอเพิ่งเคยเห็นเดรกเขินก็วันนี้เอง เขาทำยังกับเขาจะเข้าหอกับเธอจริงๆ อย่างงั้นแหละ
อาหารในงานเลี้ยงแต่งงานแบบเรียบง่ายเน้นอาหารในท้องถิ่น แก้วกัลยาเป็นคนประยุกต์เมนูอาหารทุกอย่างออกมาหน้าตาสวยงามน่ารับประทาน แถมยังอร่อยถูกปากทุกคน เธอไม่เคยทานอาหารอร่อยแบบนี้มานานมากแล้ว คิดแล้วก็อยากจะอยู่ที่นี่ไปนานๆ
มีพิธีผูกไม้ผูกมือ ญาติผู้ใหญ่ต่างอวยพรให้เธอกับเขาอยู่กันอย่างซื่อสัตย์ มั่นคง ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร รักกันไปจนแก่เฒ่า มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง เธอถึงกับหน้าแดงเมื่อคิดว่าต้องมีลูกกับเดรกจริงๆ เขาเองก็ดูมีความสุขจนน่าหมั่นไส้ซะเหลือเกิน
“พี่เดรกไปอาบน้ำก่อนก็ได้ค่ะ” แพรดาวเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนออกไปจากห้องหอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พี่เป็นผู้ชาย เป็นสุภาพบุรุษ ต้องเสียสละให้ผู้หญิงก่อน” เขามองเจ้าสาวคนสวยด้วยแววตาอ่อนโยน
“พี่เดรกพูดเองนะคะว่าพี่เป็นสุภาพบุรุษ ตามที่ตกลงกันเอาไว้ พี่เดรกห้ามล่วงเกินแพรเด็ดขาด”
“พี่จำได้ ถ้าเธอไม่สมยอม” เขามองอย่างยียวนนิดๆ
“ชิ! ใครจะไปสมยอม” เธอสะบัดหน้าใส่เขา
“ก็ไม่แน่ เห็นหุ่นพี่แล้วอย่ากระโดดปล้ำพี่แล้วกัน”
“บ้า! ใครจะไปคิดลามกแบบนั้น” เธอค้อนให้คนหลงตัวเอง
“สาวๆ ทุกคนเห็นพี่ก็ระทวยกันหมดแหละ”
“แต่ไม่ใช่แพรแน่นอน” เธอเดินไปหน้ากระจก ก่อนจะเริ่มแกะผมของตัวเอง
“ช่วยไหม” เขายังป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ เอ่ยถามคนที่พยายามแกะผมอย่างทุลักทุเล
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
“ทำไมต้องทำเสียงปั้นปึงใส่พี่ด้วยล่ะ”
“เปล่าสักหน่อยนะคะ โอ๊ย!” เธอร้องเมื่อกิ๊ฟที่ติดผมดึงผมจนรู้สึกเจ็บ
“มาเถอะ ให้พี่ช่วย” เขาเดินมายืนอยู่ทางด้านหลัง ก่อนจะช่วย แพรดาทำท่าจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นเขาดึงออกอย่างเบามือ เธอจึงปล่อยให้เขาจัดการ เผลอเงยหน้าขึ้นสบประสานสายตากับเขาทีไร เธอก็สะเทิ้นอายทุกที