1
เสียงรถยนต์ที่แล่นมาจอดหน้าบ้านหลังเล็กๆ นอกชานเมืองของกรุงเทพมหานครทำให้แพรดาว ศิรประภา หญิงสาววัยยี่สิบออกมาดูด้วยความสงสัย เธอเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ใส่ชุดดำเปิดประตูรถลงมาเป็นโขยง แต่ละคนหน้าตาเหี้ยมโหดแลดูน่ากลัวแทบทั้งสิ้น สัญชาตญาณการเอาตัวรอดบอกว่าเธอห้ามเปิดประตูรับคนกลุ่มนี้เข้ามาอย่างเด็ดขาด
โครม!!! มันคือเสียงประตูที่ถล่มลงมาต่อหน้าต่อตาของเธอเพราะแรงบาทาของผู้มาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย บ่งบอกถึงความเถื่อนทรามอย่างชัดเจน
แพรดาวยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้กรีดร้องออกมา ทั้งหวาดกลัวและตกใจ เธอรวบรวมสติอันน้อยนิดเพื่อหนีออกทางประตูหลัง แต่ดูเหมือนจะช้าไปเสียแล้ว
“โอ๊ย!!!” ร่างเล็กของเธอลงไปกองอยู่กับพื้น เมื่อวิ่งหนีสุดแรงก็ปะทะกับร่างใหญ่ยักษ์ที่เดินมาขวางทางเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้ แพรดาวเบิกตากว้างเมื่อเห็นปืนในมือของมัน เธอลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่น ขากรรไกรค้างจนเอ่ยอะไรออกมาไม่ได้แม้แต่ประโยคเดียว แม้แต่การร้องขอชีวิต เสียงเจ้า บิวตี้สุนัขตัวโปรดที่เธอร้องเอาไว้ร้องเสียงดัง แต่มันอยู่ในกรงขัง เธอสวดมนต์ขอให้มันปลอดภัย อย่าให้พวกมันหันไปสนใจหรือทำร้ายเจ้าบิวตี้เลย
“พี่ชายสารเลวของเธออยู่ไหน” เสียงเหี้ยมของกัมปนาทลูกน้องคู่ใจของสุริยันต์ หัวหน้าแก๊งอิทธิพลมือตะคอกถามอย่างดุดัน
“พะ... พี่พัฒน์ไม่อยู่ค่ะ” แพรดาวเสียงสั่น เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลุดประโยคนั้นออกไปได้อย่างไรกัน
“มันไปไหน”
“มะ... ไม่รู้ พี่พัฒน์ไม่กลับบ้านนานแล้ว”
“ไม่เชื่อ บอกมาพี่ชายของเธออยู่ไหน ถ้าไม่อยากตาย” กัมปนาทดึงมีดออกมา นั่งยองๆ ลงตรงหน้าหญิงสาว แพรดาวหวาดกลัวจับใจ เธอนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครองเธอด้วย เพราะเวลานี้โอกาสรอดของเธอน้อยเต็มที
ปัง ปัง ปัง.... เสียงปืนที่ดังสนั่นไปทั่วบริเวณทำให้กัมปนาทดีดตัวลุกขึ้นอย่างระแวดระวังเพื่อเตรียมรับศึก เผลอผละออกจากร่างเล็กที่รีบม้วนตัวหนีอย่างรวดเร็ว เธอวิ่งหนีไม่คิดชีวิต
หลังจากนั้น เสียงปืนก็ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ บ้านไม้หลังเล็กๆ แถบชานเมืองพรุนไปหมดทั้งหลัง เกือบพังแทบไม่มีชิ้นดี
“อือๆๆ” แพรดาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกปิดปากลากไปขึ้นรถ เธอดีดดิ้นเพื่อจะไปหาสุนัขตัวโปรด
“พี่เอง” เสียงกระซิบดุดันแสนคุ้นเคยทำให้แพรดาวชะงัก
“พี่เดรก” เธอเรียกเขาอย่างดีใจ ในสถานการณ์เช่นนี้แม้จะไม่ค่อยลงรอยกันนัก แต่เขาก็คือคนที่สำคัญที่สุดที่เธอสามารถพึ่งพิงได้
“ตามมาเร็ว” เขารีบดึงร่างเล็กๆ ขึ้นรถกันกระสุนอย่างรวดเร็ว
“พี่มาได้ยังไง” เธอเอ่ยถาม
“นายพัฒน์ส่งข่าวให้พี่มาช่วยเธอ”
“พี่พัฒน์ติดต่อไปที่พี่เดรกเหรอ ทำไมไม่ติดต่อหาแพรล่ะ” แพรดาวรีบเอ่ยถาม หลายปีมานี้พี่ชายของเธอต้องไปทำงานไกลๆ และหายไปหลายวัน บางทีก็นานนับเดือน เธอเลยไม่ค่อยได้คุยกับพี่ชายสักเท่าไหร่
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้” เดรกกดเสียงเข้มอย่างระแวดระวัง
“ว้าย!” แพรดาวหวีดร้องสุดเสียงเมื่อลูกน้องของเดรกขับรถอย่างรวดเร็ว แซงซ้ายแซงขวาเรียกว่าหวาดเสียวเพื่อหนีออกจากบ้านหลังเล็กๆ
“ขับรถแบบนี้จะไปตายหรือไง” เธอตะโกนเสียงดัง เพราะไม่ชอบอะไรที่หวาดเสียวแบบนี้เป็นที่สุด
“หุบปากซะยายเด็กดื้อ ไม่เห็นหรือไงว่าพวกมันตามมา” เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วบริเวณ กัมปนาทขับรถตามกวดมาติดๆ ยิงถล่มมาไม่ยั้ง ยังไงก็ต้องเอาตัวเด็กสาวไปให้ได้
“ราล์ฟจัดการมันซะ” สิ้นคำสั่งของเดรก ราฟาเอลหักพวงมาลัยเข้าในซอยทางลัด ในขณะที่คนของกัมปนาทตามมาติดๆ เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง คนที่ไล่ลามาติดๆ เสียหลักพุ่งเข้าชนบ้านร้างข้างทางเต็มแรง
“ยอดเยี่ยมไปเลย” ราฟาเอลหัวเราะอย่างชอบใจขณะหันกลับไปมองสภาพรถทางด้านหลัง
“มันไหมยายเด็กดื้อ” เดรกหันมาถามน้องสาวของเพื่อนที่นั่งหน้าซีดอยู่ข้างๆ แถมยังตัวสั่นเหมือนเจ้าเข้า
“มันกับบ้าสิพี่เดรก หัวใจจะวายอยู่แล้ว” แพรดาวเหวใส่ แต่เขายังหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องตลกขบขัน เธอไม่ตลกด้วยหรอกนะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เจอแต่เรื่องหวาดเสียวไม่เว้นแต่ละวัน
“เธอต้องโดนพวกมันตามล่าอีกนาน จนกว่าพวกมันจะได้ในสิ่งที่ต้องการ”
“พวกมันเป็นใครแล้วต้องการอะไร พี่พัฒน์ไปเกี่ยวอะไรด้วย”
“พวกมันเป็นแก๊งอิทธิพลมืดที่พี่ชายของเธอไปพัวพันด้วย”
“ไม่จริง พี่พัฒน์ไม่ทำเรื่องผิดกฎหมายแน่นอน”
“พี่ชายเธอลักลอบเข้าไปในแก๊งของพวกมันหลายปีแล้ว ตอนนี้พวกมันอยากได้หลักฐานสำคัญที่พี่ชายเธอขโมยมา”
“หลักฐานอะไร”
“หลักฐานเอาผิดพวกมันไง”
“ทำไมพี่รู้ล่ะ”
“ก่อนที่นายพัฒน์จะติดต่อให้มาช่วยเธอ เขาพูดให้ฉันฟังบางส่วน แต่จู่ๆ เขาบอกว่ากำลังโดนตามล่า แล้วข่าวคราวก็เงียบหายไป” เดรกหน้าเครียดจัด เพราะไม่ได้รับข่าวคราวจากเพื่อนเลย
“พี่พัฒน์จะเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่รู้เหมือนกัน พี่ให้คนออกตามหาแต่ไร้ร่องรอย ไม่มีใครเห็นนายพัฒน์เลย แม้แต่เธอ” เขารู้ว่าเพื่อนไม่ได้กลับมาบ้านเป็นเดือนแล้ว ดังนั้นแพรดาวคงยังไม่เจอกับพี่ชาย
“พี่พัฒน์ไม่ได้ติดต่อมาเลย บอกไปทำงาน โอนเงินเข้าบัญชีมาให้” เธอเจอพี่ชายน้อยมาก อาศัยว่าอยู่บ้านแถบนั้นไม่มีโจรผู้ร้าย และข้างๆ บ้านก็มีน้ำใจ มีอะไรก็ไม่หวาดกลัวเพราะอยู่มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เพิ่งเจอเหตุการณ์น่าหวาดเสียว จนแทบเอาชีวิตไม่รอด
“ตอนนี้เธอต้องดรอปเรื่องเรียนไปก่อน”
“ดรอปทำไม”
“อยากตายหรือไง ไอ้พวกนั้นมันต้องการตัวเธอ มันจะเค้นที่อยู่ของนายพัฒน์ และคิดว่านายพัฒน์อาจจะฝากเอกสารสำคัญไว้กับเธอ
“บ้าเหรอไง พี่พัฒน์ไม่เห็นฝากอะไรไว้ เอกสารอะไรก็ไม่มี เจอหน้ายังไม่ได้เจอกันเลย” เธอเสียงดังใส่เดรก อัดอั้นตันใจที่จู่ๆ ก็โดนตามล่าบ้าบออะไรก็ไม่รู้ แพรดาวโวยวาย นึกน้อยใจพี่ชายที่ชอบหายตัวไป แค่ส่งเงินมาให้ เธอเองก็อาศัยอยู่ที่นั่นนานแล้ว จึงไม่ค่อยกลัวอะไรเวลาพี่ชายต้องให้อยู่บ้านคนเดียว
พี่ชายของเธอเป็นคนใจดี ส่งเสียเธอเรียนตั้งแต่พ่อแม่ตาย เธอจึงรักเขามากที่สุดและห่วงใยเขาสุดหัวใจ
“มันไม่เชื่อเธอหรอก ถ้าเธอไม่ดรอปเรียนไว้ก่อนก็เตรียมตัวตายได้เลย”
“อย่ามาขู่กันเลย แพรจะไปแจ้งความ”
“ตำรวจทำอะไรไม่ได้หรอก แล้วจะมีตำรวจหน้าไหนมาเฝ้าเธอตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง บ้านเธอก็ถูกยิงพรุนไปจนหมดแล้ว”
“จริงด้วย เจ้าบิวตี้ล่ะพี่เดรก เจ้าบิวตี้มันยังอยู่บ้าน ไปรับมันก่อน” เธอเขย่าแขนของเขา นึกถึงสุนัขตัวโปรดที่แสนรู้ยิ่งกว่าอะไรก็รีบเขย่าแขนของเดรกทันที เมื่อกี้เธอจะไปเอามันมาด้วย แต่เพราะเดรกชวนคุยเรื่องพี่ชายทำให้เธอลืมไปเสียสนิท
“อยากกลับไปตายหรือไงกัน”
“จะทิ้งเจ้าบิวตี้ได้ยังไงกัน มันจะอดตายนะ” เธอจำได้ว่ามันเคยกัดคนแปลกหน้าทำให้ต้องขังเอาไว้ในกรงตอนกลางวัน ตอนพวกคนร้ายบุกมา นี่ถ้าเจ้าบิวตี้อยู่นอกกรง มันจะไม่ยอมให้ใครมาทำอันตรายเธอเด็ดขาด
“น่ารำคาญฉิบ เอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อนเถอะ” เดรกพูดอย่างรำคาญจริงๆ พี่น้องคู่นี้เหมือนกัน รักหมายิ่งกว่าอะไร
“งั้นก็จอดรถเลย แพรจะลงตรงนี้”
“ยายเด็กดื้อ อยากตายนักหรือไงห๊ะ” เดรกสบถอย่างหัวเสีย อยากจะขยี้หัวตัวเองแรงๆ นัก ยายเด็กนี่ดื้อตลอด ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีๆ ก็ดื้อเหลือเกิน
“บ้านเมืองมีเขื่อมีแป แพรจะไปแจ้งตำรวจ และให้ตำรวจหาตัวพี่พัฒน์ให้เจอ กฎหมายมันต้องช่วยเราได้สิ” แม้พูดไปจะไม่ค่อยเชื่อถือนัก แต่อย่างไรเสียก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย