“ถ้าจะหาผัวใหม่ให้เจ้าบิวตี้ก็รอให้มันคลอดลูกก่อน”
“อะไรกัน เจ้าบิวตี้ท้องแล้วเหรอคะ” เธอถามอย่างตกใจ
“ตอนนี้คงมีเจ้าลีโอตัวน้อยๆ อยู่ในท้องแล้วล่ะ”
“ตอนไหน ที่ไหน ยังไง ทำไมแพรไม่รู้” เธอถามเสียงหลง ได้ยังไงกัน เลี้ยงมาอย่างดี แต่ต้องไปโดนเจ้าสุนัขจอมหื่นของเดรกลวนลามจนท้อง
“ตอนไหน ก็คงตอนที่พวกมันปิ๊งกัน ที่ไหน อยากรู้ก็ไปแอบดูเอาเอง”
“บ้า แพรไม่ใช่พวกถ้ำมองนะ อีกอย่างบิวตี้ไม่ใช่พวกไวไฟ เจ้าลีโอของพี่เดรกขืนใจมันหรือเปล่า ใช้กำลังเหนือกว่าเพราะคิดว่าเป็นเพศที่แข็งแรงกว่า” เธอเหวใส่
“เห้อ... เธอพูดเหมือนไม่เข้าใจธรรมชาติของสัตว์”
“แพรยังไม่ยกเจ้าบิวตี้ให้เจ้าลีโอนะ พี่เดรกเองก็ไม่ได้สู่ขอ สินสอนทองหมั้นยังไม่เห็นสักสตางค์แดงเดียว”
“ยายเด็กจอมงก เดี๋ยวจะจัดให้เอาสักกี่กะรัตดีล่ะ”
“ชิ!” เธอสะบัดหน้าใส่เขา เกลียดขี้หน้าเขาพานไปถึงสุนัขของเขาจริงๆ
“ส่วนทำยังไงนั้น... ต้องไปศึกษาเอาเอง หรือถ้าอยากลองก็ทำกับพี่ก็ได้” เขายังกลับมาตอบประโยคที่ตอบค้างเธอเอาไว้แต่แรก
“ลามก”
“ก็เธอถามพี่ว่าทำยังไง”
“แพรไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะคะ” เธอเสียงดังใส่เขา หน้าแดงก่ำไปด้วยความอาย
“เจ้าลีโออาจจะเถื่อนๆ เจ้าบิวตี้ก็อาจจะเสียสาวครั้งแรก แต่ถ้าไม่ติดใจ คงไม่วิ่งตามก้นเจ้าลีโอต้อยๆ หรอก”
“เจ้าบิวตี้ไม่มีทางติดใจหรอก เจ้าลีโอต่างหากล่อลวง เมื่อกี้เจ้าลีโอวิ่งตามก้นเจ้าบิวตี้เข้ามาหาแพรต้อยๆ” เธอเถียงเขาคอเป็นเอ็น
“รู้ได้ยังไงว่าไม่ติดใจ อย่างเธอ... ถ้าได้ลองอาจจะติดใจพี่ก็ได้” เขาเดินเข้าหา เธอถอยหนี
“พี่เดรกถอยไปเลยนะ อย่ามาหื่นแถวนี้”
“คนก็เหมือนสัตว์นั่นแหละ หรือเธอตายด้านแล้ว”
“แพรไม่ได้รู้สึกอะไรสักหน่อย”
“จริงเหรอ งั้นมาพิสูจน์กัน”
“พิสูจน์ยังไง” เธอถามเหมือนอยากเอาชนะ ไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว เธอไม่กลัวเขาหรอก
“ถ้าพี่จูบเธอ กอดเธอ แล้วเธอไม่รู้สึกอะไร พี่จะยอมเชื่อว่าเธอตายด้าน”
“บ้า! ไม่เอาหรอกค่ะ” เธอผลักเขาออก เดรกกระตุกทีเดียวร่างเล็กก็เข้าไปอยู่ในอ้อมแขน เธอเงยหน้ามองเขาอย่างตื่นๆ สัมผัสของเขา ลมหายใจร้อนผ่าว และร่างกายแข็งแกร่งทำให้เธอใจสั่น หรือว่าจะจริง ‘เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น’ ทั้งๆ ที่เธอเกลียดขี้หน้าเขาจับใจ
“ทำไมล่ะ ไหนบอกไม่คิดอะไร”
“ไม่ได้คิดอะไรค่ะ แต่พี่เดรกเป็นผู้ชาย มาทำแบบนั้นแพรก็เสียหายสิ อย่ามาเจ้าเล่ห์ใส่แพรนะคะ แพรรู้ทันหรอกค่ะ”
“จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ฝึกเอาไว้ให้มันชินๆ” เขายักคิ้วให้เธอ เธอย่นจมูกใส่ ไม่อยากฝึกกับคนชีกออย่างเขาหรอกนะ
“พี่เดรกถอยไปไกลๆ เลยค่ะ อย่ามาใช้นิสัยแบบเจ้าลีโอ”
“จะบอกอะไรให้ ถ้าพี่ใช้นิสัยแบบเจ้าลีโอ เธอไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้แหละ” แพรดาวหน้าแดงเมื่อสบตากับเขา
“แพรจะฟ้องพี่พัฒน์”
“เอาเลย ตามสบาย ถึงเวลานั้นเจ้าพัฒน์ก็ยกเธอให้กับพี่เรียบร้อยแล้ว”
“พี่พัฒน์ไม่เคยบังคับแพร ถ้ารู้ว่าพี่เดรกข่มเหงแพร พี่พัฒน์ต้องไม่ยอมแน่ๆ”
“พี่บอกแล้วไงว่าจะไม่หักหาญน้ำใจของเธอ นอกเสียจากว่าเธอจะยอมพี่เอง”
“ไม่มีทาง แพรไม่มีวันยอม”
“แล้วพี่จะคอยดู”
“พี่เดรกชอบขู่แพร” เขาพูดแบบนี้บ่อยๆ เธอก็ใจสั่น อยู่ใกล้เขาแล้ว เธอกลับเผลอมองหุ่นของเขา รูปร่างของเขา ซิกแพ็กของเขาอย่างเผลอไผลทุกที แพรดาวตบหน้าตัวเองเบาๆ นั่นทำให้เดรกต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“หลงรักพี่แล้วเหรอ” เขาสบตาเธอ สายตาหวาดหวั่นของสาวน้อยทำให้เขามีกำลังใจที่จะรุกจีบเธอต่อให้สำเร็จ
“ไม่ได้หลงรัก” เธอพูดเสียงสูง หน้าแดงลามไปจนถึงใบหู
“โอ๊ย!” เดรกร้องเสียงหลงเมื่อเขาโดนบีบจมูกและดึงแรงๆ จากเคลิ้มๆ กลายเป็นตกสวรรค์ในทันที
“จะได้มีสตินะคะ” เธอสะบัดหน้าหนี เดรกมองตามไปอย่างคาดโทษ
มื้ออาหารเย็นเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และมักเกิดสงครามย่อยๆ ขึ้นทุกครั้ง เรียกว่าสร้างสีสันในการรับประทานอาหารให้ทั้งคู่โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“พี่เดรกแย่งของแพรทำไม แพรจะกินชิ้นนั้น” เธอมองไก่ทอดที่เขาตัดหน้าไปอย่างงอนๆ
“ดูสิ งอนตุ๊บป่องๆ เลย อยากกินชิ้นนี้จริงเหรอ” เขาขยับหน้าเข้ามาใกล้ เธอขยับหน้าหนี
“ไม่กินแล้ว”
“ให้กินก็ได้ แต่หอมแก้มฉันก่อน”
“แหวะ! ไม่เอาหรอกค่ะ” เธอหันไปทำท่าจะตักปลากะพงเขาก็ตามไปตักด้วย
“เอ๊ะ! พี่เดรกแกล้งแพร”
“ก็น่าแกล้ง”
“ว่าอะไรนะคะ”
“ก็จะตักให้ไง” เขาแหย่ ตักปลากะพงให้เธอเป็นการง้อ
“ไม่ต้องมาทำดีเอาหน้าเลย รู้หรอกว่าจะแกล้งแพร”
“อยากแกล้ง”
“แกล้งแพรมาตั้งแต่เด็ก ไม่เบื่อบ้างหรือไงคะ”
“ไม่เบื่อหรอก แค่เห็นหน้าก็ชื่นใจ”
“แหวะ! ไม่ต้องมาหยอด แพรรู้ทันหรอกค่ะ”
“อะไรกัน แพ้ท้องแล้วเหรอ ยังไม่ทันได้แต่งงาน นี่แค่มองตานะ”
“ไม่ใช่ปลากัดนะ” เธอค้อนให้เขา
“ตกลงจะได้กินข้าวไหมคะนี่ มัวแต่ชวนคุย”
“ปกติเวลากินข้าวพี่จะไม่คุย”
“เป็นคนมารยาทดีว่างั้น”
“เปล่า ไม่มีใครให้คุยด้วย”
“อ้าว... หลอกให้แพรเถียงเอาเป็นเอาตาย ไม่คุยด้วยแล้ว” เธอหันไปสนใจกับอาหารตรงหน้าแทน แต่ก็เผลอเหลือบๆ มองคนข้างๆ เหมือนกัน เขากำลังมองเธอทานอาหารอยู่ หน้าตาดูสนใจทุกอิริยาบถของเธอ
“พี่เดรกมองอะไรคะ”
“มองแพร”
“รู้แล้วว่ามองแพร มองทำไม มองแบบนี้แพรกินข้าวไม่ลงนะ”
“ไม่รู้ว่ามองทำไม แค่อยากมอง”
“พี่เดรกชอบพูดกวนๆ”
“ขอแค่ให้แพรพูดกับพี่ จะพูดยังไงก็ได้”
“ด่าก็ได้หรือคะ โรคจิต” เธอก็เพิ่งเห็นเขาในมุมนี้ อยู่ร่วมบ้านกัน เพิ่งรู้ว่าเดรกมีอะไรหลายอย่างที่เธอไม่เคยรู้ แม้เขาจะดูกวนอารมณ์ขนาดไหน แต่ไม่รู้ทำไม เวลาอยู่ใกล้ๆ กับเขาถึงได้ดูอบอุ่นปลอดภัย คำว่าปลอดภัยของเธอ คงหมายถึงเธอมั่นใจว่าเขาสามารถปกป้องเธอจากอันตรายได้ แต่เธอเองนี่แหละ ที่จะปกป้องตัวเองจากเขาได้มากแค่ไหน เค้าบอกว่า ระวังความคิดของตัวเอง มันจริงมากๆ ก็ตอนนี้เธอกำลังคิดแปลกแยกจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง จะเป็นไปได้ยังไงที่เธอบังเกิดความรู้สึกอ่อนไหวกับคนที่ที่ไม่เคยชอบหน้ากันขนาดนี้
“จะด่า จะว่าก็ตามสบายนะ แต่ถ้าด่ามากๆ หายใจไม่ทัน จะให้พี่ช่วยผายปอดก็ได้นะ”
“วกกลับมาเรื่องนี้อีกแล้ว”
“เรื่องอะไรเหรอ”
“พี่เดรก” เธออ่อนใจกับเขานัก
“กินข้าวเถอะ อย่ามัวทำท่าเหมือนจะกลืนกินพี่เลย” เอากับเขาสิ กวนอารมณ์ กวนทุกอย่าง กวนแม้กระทั้งหัวใจของเธอ...
แพรดาวแทบจะกรีดร้องเมื่อหนีออกมาจากบ้านของเดรกได้สำเร็จ ตลอดหลายเดือนเธอต้องอยู่แต่ในบ้าน หลังจากดรอปเรียนเดรกก็ไม่ให้เธอออกไปไหนมาไหน เพราะกลัวจะมีอันตรายเกิดขึ้น
เธอสะพายกระเป๋าเป้ขึ้นบนแผ่นหลังก่อนจะรีบวิ่งหนีออกมาจากบริเวณบ้านของเดรก ต้องใช้ฉลาดและความเจ้าเล่ห์กว่าจะเล็ดรอดสายตาลูกน้องของเดรกออกมาได้
อีกด้านหนึ่งเดรกอาละวาดใส่ลูกน้องเมื่อได้รับรายงานว่าแพรดาวหนีหายออกไปจากบ้าน...
“เฝ้ายังไงให้เธอหนีไปได้ พวกนายตั้งเยอะ แพรดาวเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว”
“ขอโทษครับคุณเดรก”
“มีอะไรกันเดรก เสียงดังเอะอะโวยวายลั่นบ้าน”
“แพรดาวหายไปครับ”
“หายไปได้ยังไง”
“เฝ้ากันอยู่ตั้งหลายคน ยังปล่อยให้หายไปได้”
“งั้นรีบไปตามหาน้องเลยเดรก อย่าเพิ่งพูดอะไรกันตอนนี้เลย”