เมื่อก่อนเขาเหมือนพวกหมาบ้าเจอเธอทีไรก็หาเรื่องกันตลอด ชอบพูดแรงๆ ให้เธอโกรธ แล้วหัวเราะชอบใจ พี่ชายเป็นคนคอยบอกว่าเขาล้อเล่น แต่เธอไม่ชอบการล้อเล่นของเขาเลยสักนิด
“พี่เดรก แพรอึดอัด” เธอบอกเขาตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม
“อึดอัด?” เขาเลิกคิ้ว ทวนคำของเธอ คือไม่เข้าใจว่าเธออึดอัดอะไร อยู่กับเขาแสนจะสุขสบาย ถ้าลำบากตรากตรำอดมื้อกินมื้อก็ว่าไปอย่าง
“ใช่ค่ะ อึดอัด แพรอยากออกไปตามหาพี่พัฒน์ ไม่อยากอยู่เหมือนนักโทษแบบนี้”
“เหมือนนักโทษอย่างนั้นเหรอ พี่ขังเธอเอาไว้หรือไง” เขายกมือขึ้นกอดอกเหมือนผู้ใหญ่กำลังสอบสวนเด็กตัวเล็กๆ ที่กำลังทำปากยื่นเอาแต่ใจ
“ไม่ได้ขังก็เหมือนขัง พี่เดรกให้ลูกน้องคอยตามแพรตลอด”
“ให้คอยดูแลอยู่ห่างๆ ไม่ได้เดินตามตัวติดกันสักหน่อย” เขาแก้
“ก็นั่นแหละค่ะ แพรอยู่ในบ้านก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง”
“ที่ไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะอยากจะหนีออกไปว่างั้นเถอะ” เขาได้รับรายงานจากลูกน้องแล้วว่าที่เธอไม่ชอบให้ลูกน้องของเขาอยู่กันเยอะๆ ก็เพราะเธอเคยแอบหนีออกไปจากบ้านของเขา
“ยอมรับก็ได้ แพรจะไปตามหาพี่พัฒน์”
“บอกแล้วไงว่าให้คนออกตามหาแล้ว”
“แพรอยากไปเอง”
“ตอนนี้มันอันตราย เธอยังออกไปจากที่นี่ไม่ได้”
“แพรไม่อยากอยู่”
“ทำไม” เขาหรี่ตามอง
“ไม่อยากอยู่ก็คือไม่อยากอยู่นั่นล่ะคะ” เธอพูดเสียงสูง เฉไฉเมื่อเห็นเขามองมาอย่างจับผิด
“เพราะอยากหนีไป ไม่อยากแต่งงานกับพี่ว่างั้น”
“ใช่ก็ได้” เธอกระแทกเสียงใส่ ทำไมเขาชอบรู้ทันเธอนักนะ
“ยิ่งไม่อยากแต่ง พี่อยากจะแต่ง แต่งพรุ่งนี้เลยยังได้”
“พี่เดรกบ้า! อยากเอาชนะแพรด้วยวิธีการแบบนี้ทำไม”
“แล้วแต่จะคิด” เขายักไหล่
“เกลียดพี่เดรก”
“เกลียดให้มากๆ แล้วกัน”
“คนอะไรโรคจิต ชอบให้เกลียดหรือไง”
“เคยได้ยินไหม เค้าบอกว่าเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น” เขายื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหู เธอเบี่ยงหลบ
“อย่ามาฉวยโอกาสนะ” เธอทำตาเขียวใส่เขา
“ฉวยโอกาสอะไร ชอบคิดทะลึ่งนะเรา” เขาดีดหน้าผากเล็กๆ เบาๆ
“ดีดหน้าผากแพรอีกแล้ว แพรเปล่าคิดทะลึ่งนะ” เธอปฏิเสธเสียงสูง
“คิดสิ แค่พี่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ก็หาว่าฉวยโอกาส แสดงว่าคิดอะไรๆ กับพี่อยู่ตลอดเวลาใช่ไหม ยายเด็กลามก”
“เปล่าคิดสักหน่อย” เธอเถียงเขาควันออกหู
“เหรอๆๆ ไม่คิดก็ไม่คิดสิ” เขาเดินผิวปากจากไป ทิ้งให้เธอยืนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ที่เดิม
เดรกเป็นแบบนี้ทุกทีเขาชอบยั่วให้เธอโกรธมากๆ แล้วสุดท้ายก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หัวเราะขบขันแล้วทิ้งให้เธอโกรธอยู่คนเดียว แรกๆ เธอคิดว่าเขาจะโกรธเสียอีก ที่ไหนได้ เขาก็เถียงกับเธออย่างเอาเป็นเอาตาย สุดท้ายเขาก็ไม่ได้โกรธ ไม่ได้อะไรเลย พอเธอให้เหตุผลเพื่ออยากเอาชนะ เขากลับยอมแพ้ไปเสียง่ายๆ พอมาเจอกันอีกวันเขาก็เหมือนจำไม่ได้ว่าเคยเถียงเรื่องอะไรกับเธอไปบ้าง ไม่เหมือนเธอที่จำฝังใจ เรียกว่าแค้นฝังหุ่นในบางครั้ง มีหลังๆ นั่นแหละที่พี่ชายบอกว่าเดรกเป็นแบบนั้น เธอเลยเริ่มจะปล่อยวางและชินกับอารมณ์บ้าๆ บวมๆ แบบนี้ของเขา
ที่เธอเรียกเขาว่าอารมณ์บ้าๆ บวมๆ ก็เพราะมาดเขาไม่เหมือนนักธุรกิจอย่างที่เธอเห็นน่ะสิ เวลาอยู่กับเธออยู่กับพี่ชาย เขาก็เป็นอีกคนที่ติดดินแถมยังตลกได้ตลอดเวลาสิน่า
“เจ้าบิวตี้มาหาแม่มา” เธอเรียกสุนัขตัวโปรดของตัวเองเมื่อเห็นหลังไวๆ สัญชาตญาณบอกว่าเจ้าบิวตี้มีอะไรในกอไผ่ กระแสจิตของเธอมันแรงมาก
“เจ้าลีโอ ชิ!” เธอเกลียดขี้หน้าเจ้าของ ก็พานไปถึงเจ้าสุนัขตัวใหญ่รูปหล่อด้วยเหมือนกัน เธอเป็นคนรักสุนัขมากๆ ชอบเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ สุนัขของเดรกเป็นพันธุ์บางแก้วตัวใหญ่ เค้าบอกกันว่าพันธุ์สุนัขพันธุ์นี้สุดยอดแห่งความซื่อสัตย์ เจ้าลีโอนั้นขนยาวปานกลาง ปากแหลม หางเป็นพวง ลักษณะของมันว่ากันว่าเกิดจากสามสายพันธุ์ผสมกันคือ สุนัขป่า สุนัขจิ้งจอกและสุนัขไทย
“บิวตี้ เดี๋ยวนี้มีแฟนจนลืมแม่นะ” เธอค้อนให้สุนัขแสนรักในอ้อมแขน บิวตี้เป็นสุนัขพันธุ์บางแก้วที่พี่ชายเธอซื้อมาให้เป็นของขวัญวันเกิด เธออยากให้บิวตี้อยู่กับเธอไปนานๆ เพราะสุนัขถ้าเลี้ยงดีๆ ก็อายุยืน ดังนั้นจึงหวงมาก ไม่เคยปล่อยให้ออกไปคบค้าสมาคมกับสุนัขข้างนอก จะเรียกให้ถูกคือเธอสอนให้บิวตี้รักนวลสงวนตัวนั่นเอง
เจ้าบิวตี้มันออดอ้อนตามประสา ชอบยกขาให้เธอจับ และดูเหมือนเจ้าลีโอจะเดินตามเจ้าบิวตี้ต้อยๆ วันๆ หนึ่งบางทีเธอแทบไม่เห็นหน้าค่าตาเจ้าบิวตี้เลย ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนจะต้องมาคลอเคลียร์อยู่ใกล้ๆ สงสัยพอเจอผู้ชายก็ใจแตก เธอนั้นได้แต่ปลง
“อิจฉาหมาหรือไง” เสียงกวนอารมณ์ของเดรกทำให้เธอสะบัดหน้าใส่ เขาหัวเราะชอบใจเมื่อเจ้าลีโอกระโดดเข้าไปหาตะกายขาให้จับเมื่อเห็นเจ้านายเดินมาหา
“ไม่ได้อิจฉา แต่แพรสอนให้บิวตี้รักนวลสงวนตัว ผู้ชายมันไว้ใจไม่ได้ พี่เดรกทำให้เจ้าบิวตี้มีลับลมคมในกับแพร” เธอว่าอย่างโกรธๆ เดรกระเบิดหัวเราะออกมาเต็มๆ เสียง ก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“หัวเราะอะไร ส่ายหน้าใส่แพรทำไม” เธอทำปากยื่นใส่เขา คาดคั้นเอาคำตอบ
“เจ้าบิวตี้น่ะไม่ใช่แม่ชีนะ เธอเลี้ยงแบบปิดกั้น พอถึงฤดูผสมพันธุ์มันก็ต้องผสมพันธุ์ ถ้ามันมีผัวมีลูกจะได้หายเหงา นอนให้ลูกนอนดูดนมสบายใจเฉิบ” ดูเขาพูดเข้า อ๊าย... น่าตบปากที่สุด
“บ้า!” เธอหน้าแดงในคำพูดโต้งๆ ของเขา
“เหมือนเจ้านายมันนั่นแหละ ถึงเวลาก็ต้องมีผัวมีลูก โอ๊ย!” เดรกร้องเสียงหลงเมื่อโดนบิดเข้าให้จนเนื้อเขียว
“สมน้ำหน้า คิดแต่เรื่องทะลึ่ง”
“แต่ก็แปลกนะ” เขาลูบแขนป้อยๆ แกล้งพูดลอยๆ
“แปลกอะไร”
“เจ้านายมันน่ะมีแฟนได้ แต่พอมันกลับต้องเก็บเนื้อเก็บตัว มันก็มีชีวิตจิตใจ มีเลือดมีเนื้อเหมือนกันนะ”
“ใครบอกว่าแพรมีแฟน พี่เดรกอย่ามามั่วปรักปรำแพรนะ”
“ไม่มีจริงเหรอ ก็เห็นหนุ่มๆ ออกเยอะแยะมารับมาส่ง”
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าเพื่อนแพร” เธอเหวใส่เขา เดรกแอบซุกซ่อนแววตาบางอย่างเอาไว้ ไม่มีแฟนก็ดีแล้ว เพราะเขาไม่อยากให้เธอมีแฟน
“ไม่ใช่แฟนก็แล้วไปสิ ขึ้นเสียงกับพี่ทำไม”
“ไม่ต้องให้เจ้าลีโอมาเข้าใกล้เจ้าบิวตี้เลยนะ” เธอกอดเจ้าบิวตี้อย่างหวงแหน
“แต่พี่เข้าใกล้เธอได้ใช่ไหม” เขายื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่ริมหู
“ไม่ได้ค่ะ” เธอผลักหน้าเขาออก ทำให้เจ้าบิวตี้หลุดจากอ้อมแขนอย่างไม่ตั้งใจ
“พี่จะไปทำอะไรได้ ถ้าเจ้าลีโออยากเข้าใกล้เจ้าบิวตี้”
“พี่เดรกให้ท้ายเจ้าลีโอ” เธอมองตามเจ้าบิวตี้ที่ชักจะหลงแฟนมากกว่าเธอไม่วางตา วิ่งตามเจ้าลีโอออกไปเฉยเลย เจ้าลีโอก็เถอะ มาชอบลูกสาวเธอ แต่นิสัยยียวนเหมือนเจ้านายไม่มีผิด เดี๋ยวเถอะ ไม่ยกลูกสาวให้ซะเลย
“อิจฉาหมา”
“คอยดูจะหาแฟนใหม่ให้เจ้าบิวตี้ หมาพี่เดรกนิสัยเหมือนพี่ไม่มีผิด” เธอค้อนให้
“มันรักกัน อย่าไปขัดขวางมันเลยเดี๋ยวบาป เดี๋ยวกรรมตามสนองตัวเองหรอก” เดรกรู้ดีว่าเรื่องที่คุยกับเธอไร้สาระ แต่เขาก็อยากไร้สาระกับเธอคนเดียว ขอแค่ได้คุยได้เถียง เรื่องอะไรก็ช่าง เขาก็มีความสุขแล้ว
“ไม่กลัวหรอกค่ะ”
“หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ แต่ใจดำ”
“แพรสวย” เธอเชิดหน้าใส่
“ยายเด็กหลงตัวเอง อย่ามั่นหน้ามาก กล้าพูดออกมานะว่าตัวเองสวย” เขาจิ้มหน้าผากคนทำปากจู๋อย่างมันเขี้ยว เห็นปากสีกุหลาบแล้วอยากจูบให้ขาดใจเลยจริงๆ
“ไม่ได้หลงตัวเองค่ะ พี่เดรกยังชมเลยว่าแพรสวย” เธอเชิดหน้าใส่