“ตอนนี้คุณยังไม่ต้องคิดอะไรนะคะ รักษาตัวเองให้หายดีก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
“คุณพอจะบอกผมได้ไหมครับว่าผมเป็นใคร” เขาเอ่ยถาม
“ฉันก็ไม่รู้ค่ะ” ลินลดาจำต้องพูดโกหกออกไป
“แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นใคร”
“คุณโดนแก๊งอิทธิพลมืดตามล่าค่ะ คุณคงทำความผิดอะไรสักอย่าง ทางที่ดี ตอนนี้คุณต้องเก็บตัวให้เงียบที่สุด”
“ผม...”
“เชื่อฉันสิคะ รักษาตัวให้หายเสียก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน ฉันจะช่วยคุณเอง คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ทั้งเรื่องที่จะฟื้นฟูความทรงจำของคุณ ทั้งเรื่องที่คุณถูกตามล่า”
“คุณชื่ออะไรครับ ทำไมคุณถึงดีกับผมจัง”
“ฉันชื่อลินลดาค่ะ เรียกดาเฉยๆ ก็ได้”
“ครับคุณดา แล้วผมไม่รู้ว่าตัวเองชื่ออะไร” เขามีสีหน้าเป็นกังวล
“งั้นฉันเรียกคุณว่าพัฒน์ดีไหมคะ”
“ทำไมเรียกชื่อนี้ล่ะคะ”
“คุณหน้าเหมือนเพื่อนคนนึงของฉันน่ะค่ะ โอเคนะคะ ฉันเรียกคุณว่าคุณพัฒน์”
“ครับคุณดา”
“คุณอยากทานอะไรหรือเปล่าคะ ฉันจะจัดการให้”
“ผมไม่ค่อยหิวครับ”
“งั้นคุณคงอยากพักผ่อน นอนเถอะค่ะ ฉันไม่กวนแล้ว ฉันจะนั่งอยู่ด้านโน้น ถ้าคุณมีอะไรก็เรียกฉันแล้วกันนะคะ”
“ขอบคุณครับ” ลินลดาเดินไปนั่งมุมห้อง เธอยิ้มให้เขา ในขณะที่คนความจำเสื่อมเอาแต่นอนมองเพดานด้วยความกังวล เขาจำตัวเองไม่ได้ จำอะไรไม่ได้สักอย่าง จำไม่ได้แม้แต่ชื่อ จิตใจของเขากังวล มึนงงสับสนไปหมด
แพรดาวเผลอหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อได้สบตาคมเข้มของเดรกที่โต๊ะอาหาร เขากำลังนั่งรอเธออยู่ก่อนแล้ว เด็กสาวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ทำเป็นไม่แคร์กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น คราแรกอยากจะหนีหน้าเขา ไม่ลงมาทานอาหารด้วย แต่ก็กลัวจะโดนหาว่าขี้ขลาดตาขาว เธอเลยต้องเชิดหน้าทำเหมือนไม่แคร์เขา
“ระวังคอเคล็ดนะ” เดรกพูดลอยๆ
“เอ๊ะ!” เธอสะบัดค้อนเมื่อเห็นเขาว่าเธอ
“หิวแล้วนะ ให้ผู้ใหญ่รอไม่ดีนะ”
“อยากรอเอง” เธอทำปากยื่น ก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ กับเขา
“ต้องรอสิ เพราะเธอเป็นคนสำคัญนี่นา” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ เธอเบี่ยงหลบ แก้มแดง ทำตาดุใส่เขา แต่เดรกไม่มีท่าทีหวาดกลัว แต่แววตาพราวระยับที่ได้แกล้งคน
“หน้าแดงทำไม คิดอะไรกับพี่อยู่หรือเปล่า”
“เปล่าสักหน่อย ชิ! แพรไปสำคัญอะไรกับพี่เดรกตั้งแต่ตอนไหน”
“เธอเป็นว่าที่เจ้าสาวของพี่ ก็ต้องสำคัญสิ”
“ทำเหมือนเค้าอยากจะแต่งงานกับตัวเองงั้นแหละ” เธอเชิดหน้าใส่
“อยากไม่อยากก็ได้แต่งแน่ๆ แหละ มัมหาฤกษ์ให้แล้ว” แม่ของเขาเป็นคนไทย คุณยายก็เป็นคนไทย จึงถือเรื่องฤกษ์ยาม
“มัดมือชกชัดๆ”
“กินเยอะๆ นะ กอดแล้วมีแต่กระดูก”
“ใครอยากให้กอดกันเล่า”
“แต่งงานแล้วได้กอดแน่ๆ”
“อย่าเอาเรื่องแต่งงานมาขู่กันนะ”
“แต่งแล้วก็ได้กอดจริงๆ นี่นา”
“ทำไมต้องแต่งด้วย”
“แต่งงานกับพี่มันลำบากใจนักหรือไง”
“ใช่ค่ะ แต่งงานนะคะ ไม่ใช่เล่นขายของ”
“อย่างที่บอก เธอแต่งงานกับพี่เธอจะปลอดภัย พี่จะปกป้องดูแลเธอเอง และพี่จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายเธอได้”
“แค่นี้เองเหรอคะ” แพรดาวเอ่ยถามเสียงจริงจัง
“ใช่ แล้วยังมีเหตุผลอะไรอีกล่ะ” เขาเลิกคิ้วขึ้นถาม
“ช่างเถอะค่ะ แต่แพรมีเงื่อนไขในการแต่งงานครั้งนี้ ถ้าพี่เดรกไม่รับปาก แพรก็จะไม่แต่งค่ะ” เธอพูดจริงจังกว่าเดิม เดรกพอจะรู้นิสัยของแพรดาวอยู่บ้าง ว่าเธอเป็นคนเด็ดเดี่ยวแค่ไหน
“เงื่อนไขอะไร”
“แพรขอให้การแต่งงานของเราเป็นแค่ในนาม พี่เดรกต้องสัญญาว่าห้ามล่วงเกินแพรเด็ดขาด”
“ก็ได้ ถ้าเธอต้องการแบบนั้น พี่ก็จะไม่บังคับใจเธอ แต่ถ้าเธอสมยอม...”
“ไม่มีทางค่ะ” เธอรีบปฏิเสธทันควัน
“รู้สึกจะมั่นใจเสียจริงนะ” เขาเลิกคิ้วขึ้น
“มั่นใจสิคะ”
“สาวๆ ติดพี่กันทั้งนั้น”
“เสน่ห์แรงจริงๆ นะคะ แต่ไม่ใช่กับแพร” เธอย่นจมูกใส่เขา เดรกบีบจมูกอย่างเอ็นดูแกมหยอกล้อ
“ไม่ต้องมาบีบจมูกแพรเลย” เธอปัดมือเขาออก
“ดูจะมั่นใจเหลือเกินนะ ถ้าหลงเสน่ห์พี่ขึ้นมา อย่ามาร้องไห้แล้วกัน”
“ร้องไห้ทำไมคะ” เธอถามอย่างงุนงง
“ร้องให้พี่ปล้ำทุกคืนไง” พูดแล้วหัวเราะขำหน้าตาแตกตื่นของเธอ
“บ้า!” เธอเหวใส่หน้าแดงจัด
“กินข้าวเถอะ วันนี้พี่ให้เค้าทำอาหารเยอะแยะเลย ปลอบใจที่เพิ่งผ่านเรื่องหน้าสิ่วหน้าขวานมา”
“คุณลุงกับคุณป้าล่ะคะ”
“มัมกับแด๊ดต้องเดินทางต่ออีก จะกลับมาอีกทีอาทิตย์หน้า”
“ได้คุยกันแค่แป๊บเดียวเอง คุณลุงกับคุณป้าดูงานยุ่งนะคะ”
“ไม่ใช่เท่าแต่แด๊ดกับมัมนะที่งานยุ่ง ลูกชายก็งานยุ่งเหมือนกัน อยากหาเมียมาช่วยนวด มาให้กอด ยกน้ำเย็นๆ มาให้ดื่มเหมือนกัน” เดรกอ้อน
“แหวะ! อย่ามาทำเป็นพูดดีไปค่ะ มีสาวๆ นวดตัวให้ ยกน้ำให้ดื่มออกเยอะแยะไป”
“รู้ได้ยังไง”
“พี่เดรกเจ้าชู้จะตายไป”
“ตอนนั้นโสด แต่ถ้ามีเมียจะเลิกเจ้าชู้”
“แพรหิวแล้วค่ะ” พูดไปพูดมาวกกลับมาที่เธอทุกทีเชียว เลยต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง
“กินเยอะๆ นะ จะได้โตเร็วๆ” เขาตักอาหารให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ แต่แพรไม่ใช่เด็กนะคะ จะได้โตเร็วๆ มีแต่ออกข้างค่ะ”
“อะไรคือออกข้าง”
“อ้วนไงคะ พี่เดรกนี่ตามไม่ทันจริงๆ เหรอแกล้งคะ”
“ไม่ทันจริงๆ ศัพท์วัยรุ่นเกินไป”
“อ้อ... ลืมไป พี่เดรกแก่แล้ว”
“อะไรกัน พี่อายุยังไม่ถึงสามสิบนะ มาหาว่าแก่ได้ไง”
“นี่ยังไม่ถึงสามสิบเหรอคะ หน้าตานี่ไปสี่สิบแล้วนะคะ”
“โอ๊ย!” แพรดาวลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ เมื่อโดนดีดหน้าผากเข้าให้
“พูดว่าแก่อีกคำจะจับจูบให้ปากบวม”
“คำก็จูบสองคำก็จูบ ชอบใช้กำลังรังแกผู้หญิง แล้วมาดีดหน้าผากแพรทำไม เดี๋ยวก็เป็นรอยหรอก”
“ดีดหน้าผากยายเด็กปากเสีย หาว่าพี่แก่ พี่อายุห่างกับเธอไม่กี่ปีเอง เดี๋ยวเถอะ” เดรกเข่นเขี้ยว แพรดาวทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หันไปตักอาหารทานอย่างเอร็ดอร่อย
พอทานอาหารเสร็จเธอก็รีบออกมาหาสุนัขตัวโปรดทันที พอเห็นหน้าเจ้าบิวตี้เธอก็นึกถึงพี่ชายขึ้นมา สีหน้ายิ้มแย้มในคราแรกหมองลงถนัดตา ป่านนี้พี่ชายของเธอจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
“เจ้าบิวตี้ เราต้องตามหาพี่พัฒน์ให้เจอ” เธอลูบศีรษะของมันไปมา อยากพามันขึ้นไปนอนบนห้องด้วย แต่เดรกไม่อนุญาต เธอเลยต้องจำใจให้มันนอนที่พักที่เดรกให้คนจัดหาให้ แต่ดูแล้วเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ที่พักของเจ้าบิวตี้ออกจะดีกว่าที่บ้านตอนอยู่กับเธอด้วยซ้ำ
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ โปรดช่วยคุ้มครองพี่พัฒน์ด้วยเถิด” เธอยกมือขึ้นท่วมหัว
“ฉันสัญญาแล้วไงว่าจะช่วยตามหา” เสียงของเดรกทำให้แพรดาวหันกลับไปมอง เขามานั่งลงที่สนามหญ้าใกล้ๆ กับเธอ แพรดาวมองเดรกตรงๆ เมื่อก่อนเธอเกลียดขี้หน้าเขาที่สุด แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคนที่คอยช่วยเหลือเธอไปเสียทุกอย่างเช่นนี้
“เดี๋ยวจะพาไปทำเรื่องดรอปเรียน”
“แพรต้องเรียนจบช้าไปอีกเหรอคะนี่” เธอไม่อยากดรอปเรียน แต่อยากเรียนจบเร็วๆ
“มันจำเป็น จัดการเรื่องเรียนเรียบร้อยเธอก็พักกับพี่แบนี้แหละ ปลอดภัยที่สุด”
“แพรอยากไปเรียนจัง”
“อดทนอีกนิด เรียนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ชีวิตสำคัญกว่า ถ้ายังมีชีวิตอยู่ ยังไงก็ต้องได้เรียนแน่นอน”
“ค่ะ” เธอรับคำอย่างยอมจำนน
การอยู่ร่วมบ้านกับเดรกไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนักหรอก หากเขาจะไม่ยียวนกวนประสาทเธอแบบนี้ ข่าวคราวของพี่ชายเงียบหาย แต่หัวใจของเธอกลับสั่นระรัวไปด้วยความหวั่นไหวกับเพื่อนของพี่ชาย เดรกช่างหยอด ช่างแหย่และช่างแกล้ง แต่ทำไมก็ไม่รู้ ความรู้สึกเมื่อก่อนที่เกลียดขี้หน้าเขาจับใจ เมื่อโดนเขาว่า เขาแดกดัน กลับเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม