โสดไม่ไหว หัวใจคลั่งรัก 11

1284 คำ
“อืม! ก็ต้องเคยสิ ฉันไม่เก็บไว้ให้หยากไย่ขึ้นอย่างแกหรอก เอางี้นะ ตอนนี้แกรู้สึกยังไงบ้าง แบบเอ่อ…ตรงนั้นน่ะ รู้สึกเจ็บ แสบ หรืออะไรบ้างไหม ยังไงดีล่ะ คือปุ๋งปิ๋งแกน่ะมีเลือดออกไหม” เธอพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติแล้วถามออกไปในที่สุด ในขณะที่คนถูกถามก็ส่ายหน้าแทนคำตอบด้วยความประดักประเดิด “โอเค งั้นก็มีความเป็นไปได้ว่าแกยังไม่โดนเจาะไข่แดง แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะไอ้เยื่อบางๆ ของแกมันอาจจะขาดไปตั้งแต่ตอนแกเรียนพละแล้วก็ได้ ฉะนั้นเราต้องป้องกันไว้ก่อน แกต้องกินยาคุมฉุกเฉินเดี๋ยวนี้เลย แกต้องไปซื้อยาคุมกับฉันเดี๋ยวนี้เลย” เจติยาว่าพลางดึงมือเพื่อนให้เดินออกไปด้วยกัน “เดี๋ยวเจ แกคิดว่าผู้ชายคนนั้นเขาเป็นคนวางยาฉันเหรอ” พริบพราวรั้งแขนเพื่อนพลางถามหน้าเครียด “ไม่รู้ ตอนนี้เรายังตัดใครออกไปไม่ได้ทั้งนั้น ทุกคนคือผู้ต้องสงสัย ยังไงเราก็ต้องตามหาตัวไอ้สารเลวนั่นให้เจอ แต่ตอนนี้ปัญหาแรกที่เราต้องจัดการก่อนคือตัวแก ถ้าเมื่อคืนแกเกิดโชคร้ายพลาดท่าเสียทีไปแล้ว แกมีโอกาสท้องได้เลยนะเว้ย” พริบพราวหน้าซีดเผือด ไม่ต่างกับเธอเองที่กระวนกระวายด้วยความร้อนใจ เพียงแค่คิดว่าโอกาสนั้นอาจเป็นของเธอ แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะทันได้ออกไปก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “อ้าว! พี่พราวพี่เจมาอยู่นี่เอง ตามหาตั้งนานแน่ะ เขาเรียกรวมตัวพนักงานที่ห้องประชุมใหญ่นะพี่” จิตตาน้องในแผนกเดียวกันออกมาตาม ทำเอาสองสาวหันมองหน้ากันอย่างกำลังคิดหนัก “รู้ไหมว่าเรื่องอะไร สำคัญมากไหม เอ่อ…ถ้าพี่สองคนไม่เข้าจะเป็นไรไหมอะ” เจติยาลองหยั่งเชิง “เปิดตัวท่านประธานคนใหม่น่ะ สำคัญพอไหมพี่ เอาเป็นว่าแล้วแต่พวกพี่แล้วกัน หนูไปละ ยังไม่อยากโดนไล่ออกอะ ไปนะพี่” ถึงแม้ว่าเรื่องของพวกเธอจะสำคัญ แต่เรื่องปากท้องก็ทิ้งไม่ได้เหมือนกัน แน่นอนว่าไม่มีใครอยากโดนไล่ออกในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ สุดท้ายทั้งคู่จึงพากันเดินคอตกเข้าห้องประชุมอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนอุปสรรคจะเยอะเหลือเกิน เพราะจนแล้วจนรอดยาคุมที่ว่านั่นก็ยังไม่ได้ซื้อสักที เมื่อเพื่อนของเธอถูกท่านประธานคนใหม่เรียกไปพบเป็นการส่วนตัว ทำให้เธอต้องตัดสินใจออกไปซื้อตามลำพัง “นี่ยัยตัวแสบ แกหายไปไหนมาทั้งวัน แล้วทำไมเพิ่งเปิดโทรศัพท์ ลืมไปแล้วรึไงว่าแกต้องกินยาคุมน่ะ” หลังจากได้ยาคุมมาเธอก็พยายามโทรหาเพื่อน แต่รายนั้นกลับปิดเครื่อง กระทั่งติดต่อได้เธอจึงโวยลั่นด้วยความโมโห “พอดีวันนี้ฉันยุ่งทั้งวันเลย โทษทีนะแก” ได้ฟังคำแก้ตัวของเพื่อน เจติยาถึงกับขมวดคิ้วก่อนซักเพื่อนต่อ “แล้วนี่แกอยู่ไหน ฉันจะได้เอายาไปให้ แกต้องรีบกินนะ ชักช้าเดี๋ยวมันจะไม่ทันการ” “ฉันว่าคงไม่ต้องกินแล้วแหละ คือฉัน…” ได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้น เธอก็โกรธจนควันออกหู “บ้าไปแล้วเหรอ ถ้าท้องขึ้นมาจะว่ายังไง นี่แกคิดอะไรอยู่ฮะพราว ให้ตายสิ! อย่าบอกนะว่าแกจะปล่อยให้ตัวเองท้อง เพื่อจะได้แต่งงานกับผู้ชายคนนั้นน่ะ” “โอ๊ย! ไปกันใหญ่แล้ว ใครเขาคิดแบบนั้นกันเล่า ที่ฉันบอกว่าไม่ต้องกินเนี่ย เพราะว่าเมนส์ฉันมาต่างหากเล่า เพิ่งมาสดๆ ร้อนๆ เลยเนี่ย” “เอ้า! แล้วทำไมเพิ่งบอกเล่า ปล่อยให้ฉันพล่ามไปตั้งเยอะ มันเหนื่อยนะไม่รู้รึไง” เจติยาโวยลั่นอีก “ก็แกเอาแต่พูดๆๆ พูดไม่พักเลย แล้วจะให้ฉันแทรกขึ้นตอนไหนไม่ทราบคะคุณเจติยา แต่ก็ขอบใจแกมากนะเจที่คอยเป็นห่วงฉันทุกเรื่อง นี่ถ้าไม่มีแกอยู่ข้างๆ ฉันแทบไม่รู้เลยว่าชีวิตฉันจะเป็นยังไง รักแกนะเจ” “ฉันก็รักแก...พราว” หลังจากวางสายเธอก็มานั่งพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อปัญหาของเพื่อนถูกตัดทิ้งไปแล้ว คงเหลือก็แต่ปัญหาของตัวเองที่ยังไม่รู้ว่ามันจะไปในทิศทางไหน ก็ได้แต่หวังว่าเธอจะไม่โชคร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว หลายวันต่อมา วันนี้เป็นอีกวันที่เธอยังคงมาทำงานตามปกติ คงมีแค่พริบพราวกระมังที่วันนี้เงียบหายจนดูไม่ปกติ ทำให้คนรักเพื่อนเริ่มกังวล “ไปไหนของมันเนี่ย หรือว่าไม่สบาย” คนที่ออกมาชงกาแฟถึงกับชะงักมือที่กำลังกดปุ่มเครื่องชงกาแฟ แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวออกไปจากห้องนั้น ก็ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาของพนักงานกลุ่มหนึ่งที่พากันเข้ามาดื่มกาแฟในช่วงพักเหมือนกับเธอ ซึ่งมันก็ไม่ได้น่าสนใจนักในสายตาของเจติยา ถ้าเพียงแต่หัวข้อสนทนาในครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพื่อนเธอโดยตรง “นี่พวกแก ฉันมีเรื่องจะเมาท์ ได้ยินข่าวลือเรื่องท่านประธานคนใหม่รึยัง” คนที่ทำท่าจะเดินออกไปในคราแรกถึงกับชะงักเท้าแล้วค่อยๆ ขยับกลับเข้าไปแบบเนียนๆ เพื่อฟังที่คนเหล่านั้นคุยกันต่อ “ถ้าเป็นเรื่องที่เขาลือกันให้แซ่ดว่าท่านประธานเป็นมาเฟียละก็ ไม่พ้นสายข่าวอย่างฉันหรอกย่ะ” คำว่ามาเฟียของสายเมาท์ทำเอาคนแอบฟังถึงกับหูผึ่ง “จริงเหรอแก แล้วมาเฟียจะมา Take over ธุรกิจเครื่องสำอางเนี่ยนะ มันไม่ดูแปลกๆ เหรอวะ” เสียงจากวงสนทนายังคงมีผลให้คนแอบฟังต้องคิดตาม “ไม่แปลกหรอก ถ้าธุรกิจนั้นเป็นแค่ธุรกิจบังหน้า เอาไว้ชุบตัวฟอกตัวให้ขาวสะอาดเพื่ออำพรางธุรกิจมืด หรือไม่ก็...ที่นี่อาจจะถูกเปลี่ยนให้เป็นแหล่งผลิตของผิดกฎหมายในไม่ช้านี้ก็ได้” ในขณะที่สายเมาท์คิดกันไปเป็นตุเป็นตะ สายเก็บข้อมูลก็กำลังกระวนกระวายจนมือไม้สั่นด้วยความเป็นห่วงเพื่อน “แล้วพวกเราจะพลอยซวยไปด้วยไหมวะ ฉันได้ข่าวว่าถ้าใครทำให้เขาไม่พอใจถึงขั้นสั่งอุ้ม กลายเป็นคนสาบสูญเลยนะเว้ย โอ๊ย! น่ากลัวอะพวกแก” คนแอบเก็บข้อมูลได้ยินประโยคนี้ถึงกับตาโต ใช่...มันน่ากลัว โดยเฉพาะกับเพื่อนรักของเธอ “แต่จะว่าไปก็น่าเสียดายของอยู่เหมือนกันเนอะ หล่อล่ำขนาดนั้นดันเป็นของต้องห้ามไปซะได้ ไม่งั้นละก็...แม่จะแทะโลมด้วยสายตาซะให้เข็ด” “จริงแก รูปร่างหน้าตาน่าแทะโลมมาก ทรงอย่าง bad แบบนั้น...สเปกเลย หนูอยากโดนอุ้มๆ แต่ขอเป็นอุ้มขึ้นเตียงนะ ไม่เอาอุ้มฆ่า...” บรรดาสาวขาเมาท์ยังคงนินทาเจ้านายคนใหม่อย่างสนุกปาก ต่างกับคนแอบฟังที่ดูจะไม่สนุกด้วยสักนิด เมื่อในหัวดันจินตนาการไปว่าเพื่อนรักกำลังจะถูกอุ้มฆ่า พลันสมองก็สั่งการให้เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาเพื่อนทันที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม