“ฉันร้อนเงินนะคุณ ห้ามพูดเล่น” เธอแก้เขินด้วยการคว้าแก้วบรั่นดีเขา แต่พอเห็นสายตาดุๆ ก็นึกขึ้นได้ “ขอโทษค่ะ ลืมตัวอีกแล้ว กลับมาที่เรื่องของคุณต่อดีกว่า คุณว่าการหมั้นหมายคือคำสาปเหรอคะ”
“ครับ เป็นสิ่งที่ผมไม่ได้รู้เรื่อง ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ แต่ต้องทำตาม”
“แล้วคุณไลลาล่ะคะ เห็นแบบเดียวกับคุณหรือเปล่า”
“คุณว่าผมหล่อไหม ผมมีเสน่ห์หรือเปล่า คุณอยากได้ผมไหม” เขาถามเธอกลับเป็นชุด
“กะ..ก็ ใช่ค่ะ ทั้งหมดที่ว่ามา” ความเมาทำให้เธอพูดความจริงออกไปง่ายๆ
“ดี...” เขาบีบมือเธอ เธอตกหลุมพรางเขาแล้ว “นั่นแหละคือคำตอบ”
“คุณก็เลยมาหาความสบายใจ แก่ขึ้นร่วมปีอยู่บนเรือสำราญเหรอคะ”
เธอทำให้เขาหัวเราะอีกแล้ว “ครับ ผมชอบทะเล แล้วก็ช่างบังเอิญที่ชื่อผมเป็นภาษาละตินแปลว่าทะเล ทะเลให้ความรู้สึกของอิสระ ไร้ขีดจำกัด การเดินทางด้วยเรือสำราญมันสบายดีนะ มีทุกอย่างพร้อม เที่ยวไปเรื่อยๆ ชิลๆ ถ้าเรือแวะประเทศไหน อยากเที่ยวก็ขึ้นไป”
“ได้เมียทุกประเทศ” เธอต่อท้ายให้เขาทันที
เขาเอื้อมหยิบกุหลาบในแจกันบนโต๊ะมาตีหัวเธอ
“โธ่ นึกว่าจะหยิบมาให้ ฉันชอบดอกกุหลาบสีนี้”
“พูดแบบนี้สมควรได้ดอกไม้หรือ” เขาสวนกลับ ซึ่งเธอได้แต่หัวเราะ
เขามองใบหน้าที่แดงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเพราะแอลกอฮอล์หรือความเขินกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือเขาหลงใหลรูปปากของเธอเวลาหัวเราะ หลงใหลดวงตาของเธอเวลายิ้ม
เสียงหัวเราะของเธอพลิ้วผ่านร่างของเขาเหมือนเสียงดนตรี แรงสั่นสะเทือนแล่นพล่านไปทั่วร่าง ส่งให้เลือดเขาร้อนระอุจนอยากกลับโรงแรมเอาเสียตอนนี้
เธอเห็นเขาเอาแต่จ้อง จึงเสคว้ากุหลาบสีโอลด์โรสมาดูเล่น “อย่างนี้เรียกว่าความทุกข์ของคนรวยได้ไหมคะ คนระดับคุณก็ถูกหมายมั่นปั้นมือให้ใช้ชีวิตคู่กับคนระดับเดียวกัน ส่วนคนจนๆ แบบฉันก็ได้ผัวฐานะเดียวกัน หรือไม่ก็ต้องไปเป็นดาราถึงจะมีเศรษฐีไฮโซมามอง อ้อ อีกอย่าง ไม่ก็ไปเป็นเมียน้อย เป็นนางบำเรอของอาเสี่ยบ้ากาม”
“มันก็ไม่เสมอไป ถ้าเขาคนนั้นไม่ได้โดนสาป เขาก็คงจะใช้หัวใจเป็นตัวตัดสินได้”
“แม่พยายามเอาฉันไปประเคนให้เสี่ยตั้งหลายครั้ง ฉันยังกะล่อน เอาตัวรอดมาได้ มันก็อยู่ที่คนนะคะ ไม่มีใครเป็นนายเราได้ นอกจากใจเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละคน ยังไงฉันก็เอาใจช่วยคุณนะคะ”
เขามองเข้าไปในดวงตาสุกใสเหมือนดวงดาวที่ต้องมนตร์ตั้งแต่แรกเห็น ก่อนจะดึงเธอเข้ามาหอมหน้าผาก เพชรพลอยขืนตัว เขาจึงล็อกไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับลูบศีรษะทุยไปมา จากนั้นก็ใช้มือพันผมยาวนุ่มสลวยของเธอเล่น และอดไม่ได้ที่จะจับช่อหนึ่งมาดม
“คุณเข้มแข็งสมกับเป็นเพชรจริงๆ” เป็นคำชมที่ออกมาจากใจจริง
“แต่ฉันอยากเป็นลูกเป็ดที่ได้รับการทะนุถนอมมากกว่า” เธอบอกอยู่ข้างหูของเขา และทำตามใจตัวเองด้วยการกอดเขาตอบ
บอกไม่ถูกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้คืออะไร เกือบยี่สิบปีแล้วมั้งที่ไม่เคยมีใครกอดเธอแบบนี้ แต่ชายแปลกหน้าที่พบกันไม่ทันข้ามวันกลับมอบอ้อมกอดที่เธอโหยหาให้ เธอรับรู้ได้ถึงความอบอุ่น ความปลอดภัย และมันมีแรงดึงดูดอันมหาศาล
ผ่านไปสักพัก เธอก็ผละตัวออกมา ทำเสียงให้ร่าเริง “กอดแรกในรอบเกือบยี่สิบปีเลยนะคะ ถ้ามีลูกกับคุณไลลา คุณต้องเป็นพ่อที่อบอุ่นแน่ๆ เลย”
“คุณจะบอกว่าลูกจะเป็นโซ่ทองคล้องใจละสิ เฮอะ ผมมันคนบาป รักการมีเซ็กส์แต่ไม่ชอบมีเด็ก ไม่ชอบอะไรที่มาเกาะแข้งเกาะขา ถามนั่นถามนี่ซ้ำๆ นี่อะไรๆๆๆ โวยวายกรี๊ดกร๊าด หัวเราะเอิ๊กอ๊ากบ้าบอไร้สาระ เห็นแล้วอยากหักคอ นี่เป็นอีกเหตุผลที่ผมไม่ชอบเดินทางโดยเครื่องบิน เจอเด็กวิ่งบนเครื่องแล้วประสาทจะแดก” เขาใส่อารมณ์เต็มที่
เธอยักไหล่ “ฉันเฉยๆ กับคำพูดของคุณนะ ฉันไม่ใช่นางงาม เพราะฉันก็ไม่ชอบเด็กเหมือนกัน แต่ไม่ถึงกับเกลียดแบบคุณ น้องฉันไม่น่ารัก ตอนเด็กๆ ชอบแกล้งฉัน แล้วฉันก็คงไม่แต่งงานหรอก เพราะกลัวจะได้ผู้ชายเจ้าชู้อย่างพ่อ”
คราวนี้เธอคว้าแก้วบรั่นดีของเขามาเทลงคอ ก่อนทำตายิบหยี ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นเขายิ้มขำอยู่แค่ปลายจมูก เธอจึงฉวยโอกาสงับจมูกแหลมๆ ของเขาไปหนึ่งที เอเดรียนไม่ปล่อยให้เธอถอยหน้าออก เขาตรึงท้ายทอยเธอไว้ กดปากแนบลงใต้คาง วาดลิ้นโลมเล้าจนรับรู้ได้ถึงเนื้อตัวที่สั่นเร่า แขนเรียวกระชับรอบคอเขาแน่นขึ้นขณะที่เขาช้อนเธอขึ้นมานั่งบนตัก ริมฝีปากเริ่มลากเป็นทางลงมายังไหปลาร้า มือหนาลูบคลำอยู่เหนือเข่า เขาไล้เบาๆ ขึ้นมาตามหว่างขา
เพชรพลอยสะดุ้ง หายใจหอบรัวเมื่อรู้สึกว่านิ้วโป้งของเขากำลังเคล้นคลึงเนินนางอวบอูม เธอกดมือเขาไว้ให้อยู่นิ่ง เอเดรียนจึงดันสะโพกเบียดก้นของเธอให้รับรู้ถึงความปรารถนาที่ขยายใหญ่
“คุณทำให้ผมทุกข์ทรมาน” เขาบอกชิดแก้มนวล เธอได้ยินเสียงลมหายใจของเขาเป็นจังหวะเร่งเร้าเหมือนกันกับเธอ
“คุณทำตัวคุณเอง” เพชรพลอยบีบมือเขาผ่านกระโปรงที่ทำท่าจะรุกคืบอีกครั้ง
เธอเห็นลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงยามมองหน้าเธออยู่สักพัก
“เรารีบกลับไปลอยกระทงกันให้เสร็จๆ ดีกว่า” เสียงของเขาทุ้มพร่า นัยน์ตาพราวไปด้วยเสน่หาร้อนแรง