ต้องใช่แน่ๆ

1094 คำ
“ไปเว้ย” ณวัฒน์ขึ้นมาตามเอเดรียนที่ปลีกตัวขึ้นมายังเพนต์เฮาส์ชั้นบนสุดของโรงแรมตั้งแต่งานด้านล่างยังไม่จบ เมื่อตอนบ่ายณวัฒน์ไปรับเอเดรียนที่สนามบิน และภารกิจที่เร่งสะสางก็ทำให้เพื่อนของเขาไม่คิดจะพักผ่อนที่นี่ให้เสียเวลา เอเดรียนตั้งใจจะบินกลับลาสเวกัสทันทีหลังจากจบงาน แต่นี่ก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางแล้ว เจ้าตัวกลับนั่งนิ่งเป็นหุ่น “เลื่อนไปก่อน” เขาตอบสั้นๆ “แล้วจะกลับเมื่อไร” ณวัฒน์ขมวดคิ้ว ตอนขามาชวนให้อยู่สังสรรค์ด้วยกันสักวันสองวันก่อน เพื่อนรักก็ยืนกรานว่าจะกลับท่าเดียว แล้วจู่ๆ มากลับลำเสียอย่างนั้น “ไม่มีกำหนด” มือข้างหนึ่งเท้าคาง อีกข้างเคาะนิ้วอยู่บนโต๊ะไปเรื่อยๆ เป็นจังหวะ ขณะครุ่นคิดบางอย่าง “ไหนว่าต้องรีบกลับไปทำงาน” คำตอบของเอเดรียนยิ่งทำให้ณวัฒน์สงสัยเข้าไปใหญ่ จึงต้องถามให้กระจ่าง “กูรู้สึกว่าทางนี้มีเรื่องสำคัญกว่าที่จะต้องเร่งหาคำตอบให้ได้ ส่วนทางโน้นกูเพิ่งจะโทร.มอบหมายงานให้แมตต์ดูแลไปก่อน ไม่มีปัญหาหรอก งานเยอะก็จริง แต่เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว” “เรื่องสำคัญที่ว่า เกี่ยวกับเรื่องที่ทำให้มึงไม่อยู่รับแขกจนจบงานใช่ไหม” ณวัฒน์คาดเดา “อือ ไม่มีสมาธิจริงๆ” “ทำไมวะ เกลียดเด็กขึ้นสมองเสียจนได้ยินเสียงเด็กไม่ได้ แล้วก็กลัวว่าเด็กจะมาทำให้ทัศนียภาพของโรงแรมมึงเสียงั้นเหรอ มันมากไปนิดนะ” ณวัฒน์ตำหนิเพื่อน “มันมีมากกว่านั้นน่ะสิ กูรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้” “อะไรเหรอ” เอเดรียนลุกขึ้น เดินไปที่ผนังกระจก เขายกมือขึ้นกอดอกมองลงไปยังย่านการค้าท่องเที่ยวเบื้องล่าง สายตาหยุดนิ่งที่ร้านกาแฟสีขาวซึ่งแยกตัวออกมาอย่างเป็นเอกเทศ มันตั้งอยู่ริมสุดใกล้กับแม่น้ำ มองจากมุมสูงที่เขายืน มันมีขนาดแค่เหรียญสลึง แต่เขาก็เห็นได้ชัดเจน เพราะระหว่างโรงแรมของเขากับร้านกาแฟนั้นคั่นด้วยสนามหญ้าโล่งๆ ที่มีเก้าอี้ให้คนได้มานั่งเล่นชมวิว “เด็กผู้หญิงที่มากรี๊ดๆ วันนี้หน้าเหมือนเพชร ลักยิ้มก็เหมือน ยิ่งเวลากัดฟันแยกเขี้ยวร้องไห้ยิ่งเหมือน ตอนได้ยินเสียงกรี๊ดยอมรับโมโห แต่พอได้เห็นหน้า แข้งขากูอ่อนไปหมด” “เจมส์กลับมารายงานว่าไงมั่งล่ะ” “เท่าที่ถามๆ จากร้านค้าแถวนั้นได้ความมาว่าเด็กชื่อไข่มุก เป็นลูกสาวเจ้าของร้านกาแฟ เพิ่งจะมาเซ้งร้าน รีโนเวตเสร็จไม่กี่วันก็ขายของเลย” “อย่าเพิ่งว้าวุ่นใจ มึงต้องดูให้แน่ใจก่อนว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเพชรจริงหรือเปล่า” ณวัฒน์ตบไหล่เพื่อน “แต่กูก็สงสัยนะ ถ้าเป็นลูกของเพชร มึงว่าใครเป็นพ่อเด็ก” เอเดรียนกล้ำกลืนของเหลวลงคอ ใจคิดไปในแง่ที่ทำร้ายจิตใจที่สุดไปก่อน แต่คำพูดก็ติดอยู่ตรงริมฝีปาก นึกรังเกียจเสียงที่จะเปล่งออกไป “ลูกของผู้ชายคนอื่น” เป็นเสียงของณวัฒน์ “ไอ้สัตว์ เดี๋ยวกูต่อยปากแตกเลย” เอเดรียนกระโจนไปกระชากคอเสื้อเพื่อน เงื้อหมัดเตรียมชก “ใจเย็นเพื่อน ใจเย็นๆ นะ” ณวัฒน์กล่อม “มึงต้องมีเหตุผล ค่อยๆ คิดเป็นขั้นเป็นตอน เด็กคนนั้นผมสีอะไร ลักษณะยังไง” เอเดรียนปล่อยมือจากคอเสื้อเพื่อน แล้วตบแขนอย่างขอโทษ “สีน้ำตาลอ่อน ผิวขาว ปากแดง อายุราวๆ สองขวบครึ่ง” “ถ้าผมสีน้ำตาลอ่อน...” เขาเหลือบมองผมเอเดรียน “ก็ต้องเป็นลูกคนต่างชาติ เอ...ไม่มีบริษัทเอเจนซี่ไหนจ่ายงานให้เพชรทำตั้งแต่มึงให้โทร.ไประงับ แล้วเพชรก็ไม่ใช่คนที่จะคบผู้ชายคนไหนง่ายๆ เรียกว่าไม่เคยเลยดีกว่า ก็มีแต่แขกต่างชาติที่ไปรับนี่แหละที่จะเข้าถึงเนื้อถึงตัวได้ง่าย” เอเดรียนพยักหน้าตามสมมติฐานของเพื่อน “ต่างชาติๆๆๆๆ มึงมาเที่ยวคราวนั้นก็เกินสามปีกว่าแล้ว เด็กคนนี้อายุราวๆ สองขวบครึ่ง ถ้าไม่ใช่มึง ก็ต้องแขกต่างชาติคนก่อนหน้ามึง...” “พอ หยุด ถ้าไม่อยากถูกชกเข้าจริงๆ” เอเดรียนยกมือขึ้นห้าม แล้วหันไปมองที่ร้านกาแฟอีกครั้ง “ไม่มีคนก่อนหน้า” ณวัฒน์ชะงักไป อุทานใส่แผ่นหลังเพื่อน “มึง...” “อือ กูคนแรก” “ถึงว่า มึงถึงได้มีอาการเหมือนโลกถล่มแบบนี้” ณวัฒน์พึมพำ “มึงไม่ได้ป้องกันเหรอ” “มีครั้งเดียวที่ไม่ได้ป้องกัน สงสัยกูจะ ‘ชักช้า’” เอเดรียนได้ยินเสียงกลั้นขำของเพื่อน หันมามองก็เห็นหน้าอกมันกระเพื่อมขึ้นลง หัวไหล่สั่นจนเขย่า ก้มหน้าก้มตาหัวเราะไม่มีเสียง “แล้วคนอย่างมึงจะรักเด็กได้หรือ” “เด็กคนอื่นกูก็ยังไม่รักเหมือนเดิม แต่กูรักเด็กคนนี้ตั้งแต่เห็นเขา มันเป็นความรักที่บอกไม่ถูก มันมากมายมหาศาลอย่างที่กูไม่อยากจะเชื่อเลย” “ทั้งๆ ที่มึงก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่ลูกมึงหรือเปล่า? แม่ของเด็กจะใช่เพชรหรือไม่ก็ยังไม่รู้?” “มันเหมือนมีความผูกพันบางอย่างที่มากระตุ้นสัญชาตญาณความเป็นพ่อน่ะ สักวันมึงจะเข้าใจ ไอ้วัฒน์” “เออๆ คนไม่มีประสบการณ์จะไม่เถียง ตอนนี้ก็ดูหลังคาร้านเขาไปก่อนแล้วกัน ร้านพวกนี้จะเปิดประมาณสิบโมง มึงก็แอบไปส่องสิ” “การ์ดบอกว่าตอนเช้าแม่ของเด็กจะเอาลูกมาไว้ที่นี่ กลับมารับอีกทีตอนเย็น” “ทำงานหัวหกก้นขวิดแบบนี้คงไม่พลาดแล้วละ ยายเพชรแน่นอน” “เด็กวัยนี้เขาชอบเล่นอะไรเป็นพิเศษเหรอ” เอเดรียนถามเพื่อน ณวัฒน์นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง นึกถึงญาติๆ ของเขาที่มีลูกหลานวัยประมาณนี้ แล้วร่ายยาวออกมา “เด็กวัยนี้ก็ต้องเป็นของเล่นที่เสริมสร้างพัฒนาการ ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์แล้วก็จินตนาการ” “แล้วอะไรมั่งล่ะ บอกมาเลยสิ” เอเดรียนถามอย่างใจร้อน “แป้งโดว์ เลโก้ บัตรคำศัพท์ ตัวต่อบล็อกไม้” เอเดรียนฟังแล้วก็หยิบโทรศัพท์จะต่อสายหาเลขาฯ แต่พอเหลือบมองนาฬิกาก็นึกได้ว่าเลิกงานแล้วจึงวางโทรศัพท์ลง “มึงไปกับกู” เอเดรียนบอกแกมสั่ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม