9| รู้สึกดีทั้งที่เป็นแค่เพื่อนกัน

1175 คำ
“ถอยออกไปไกลๆ” “กูกลัว” ฉันไม่อยากออกห่างประตูเลย ในห้องมืดไปหมดมองไม่เห็นอะไรเลย แต่เสียงตะโกนจากข้างนอกทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจมากถึงแม้ว่าน้ำเสียงมันจะไม่น่าฟังก็ตามเถอะ “หน้ามึงจะแหกเอา” “อย่าดุมากสิแค่นี้กูก็กลัวมากพอแล้วสัว” “ถอยไป อยากออกมาเร็วๆ ก็ถอยครับ” “มึงพูดเพราะทำไมกูขนลุก” “มึงจะเอายังไง” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดโพล่งขึ้นอีกครั้ง “เค ถอยแล้ว” ฉันยอมถอยห่างจากประตู มือก็กำมือถือแน่น ปัง! ฉันรีบยกมือปิดหูเพราะเสียงมันดังมาก หลังจากวางสายจากสัวไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงมันตะโกนเรียกชื่อฉันลั่นตึกไปหมดแล้วก็โชคดีมากๆ ที่ฉันยังไม่เป็นลมตายคาห้องยังมีแรงเหลือที่จะพอเปล่งเสียงให้เจ้าสัวได้ยินออกไป “เร็วๆ สิวะ” “ใจเย็นๆ ครับคุณหนู” ได้ยินเสียงพี่ไม้ด้วย กำลังมีคนมาช่วยฉันออกไปจากห้องมืดนี่แล้ว ปัง! เสียงดังครั้งสุดท้ายก็ปรากฏแสงสว่าง ฉันรีบวิ่งไปตรงนั้นพร้อมกับอ้าแขนให้เจ้าสัวทันที “กูไม่ตายแล้วสัว” ฉันพูดกับสัวแบบนั้นแล้วร้องไห้ออกมา “เออ ไหนล่ะผีกูไม่เห็นมีสักตัว” ฉันร้องไห้แล้วกอดมันแน่น “ปากดีไอ้บ้า มึงก็กลัวมั้ยล่ะผีอะ” ฉันสวนกลับ “จะปล่อยกูได้ยัง กอดนานไปละ” ลืมไปว่ามีพี่ไม้อยู่ด้วย ฉันรีบคลายอ้อมแขนออกจากคนตัวสูงแล้วก้าวถอยหลังรักษาระยะห่าง “ขอบคุณนะคะพี่ไม้ที่มาช่วย” “ไม่เป็นไรครับ คุณเกี๊ยวเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ” ฉันรีบส่ายหน้า สักพักไฟในห้องก็สว่างขึ้นจนทำให้ฉันต้องหยีตาปรับการมองเห็นให้คุ้นชิน “ไม่เจ็บค่ะ” ฉันตอบคำถามพี่ไม้แล้วหันมามองคนตัวสูงที่สภาพตัวมอมแมม “มองข้ามกูไปได้ยังไง” “อะไร” “ขอบคุณ หรือยัง” “หิวข้าว” ฉันเหนื่อยแล้วก็รู้สึกหมดแรงมาก ช็อกโกแลตที่กินเข้าไปไม่ช่วยให้ดีขึ้นเลยสักนิด ความกลัวดูดกลืนพลังงานฉันไปมากพอสมควร “งั้นก็ไป กินข้าวก่อนค่อยว่ากัน” เจ้าสัวไม่เซ้าซี้ฉันต่อมันไม่เคยปล่อยให้ฉันอดและต้องหิ้วท้องรอนานๆ ผิดกับฉันที่ปล่อยให้มันรอประจำ เจ้าสัวเป็นคนขับรถ ส่วนพี่ไม้ก็ขับตามมาด้วยห่างๆ ฉันเป็นคนรีเควสอาหารที่อยากกิน ขอแบบรวดเร็วไม่ต้องมานั่งปิ้งนั่งลวกด้วยตัวเอง แล้วก็จบที่ร้านอาหารไทย ต้ม ผัด แกง ทอด เจ้าสัวสั่งมาครบเต็มโต๊ะจนเลือกกินไม่ถูก “กินให้เต็มที่แล้วมาคุยกัน” ฉันตั้งใจกินจริงจังโดยไม่สนใจว่าเจ้าสัวจะคุยเรื่องอะไร คิดในใจว่าคงเป็นเรื่องทั่วๆ ไปนั่นแหละ คงหาวิธีแก้เผ็ดยัยพวกนั้นได้แล้วหรือเปล่า ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงฉันก็อิ่ม วางช้อนและส้อมลง “มีอะไรจะคุยว่ามา” “อิ่มแล้วหรือไง” “อือ อิ่มแล้ว” “เรื่องวันนี้ กูไม่โอเคแล้วกูก็ไม่ชอบด้วย” ฉันก็ไม่ชอบแล้วก็ไม่โอเคเหมือนกัน ครั้งนี้มันรุนแรงกับสภาวะจิตใจฉันมากๆ ฉันกลัวความมืดที่สุดในโลกเลย “กูก็ไม่ชอบ” น้ำเสียงของสัวเอาเรื่องและมีความโมโหปะปนจนทำให้ฉันกลัว "มึงโดนแกล้งกี่รอบแล้ว" ฉันนิ่งและเงียบก้มหน้านับนิ้วก็ไม่พอให้นับอีก "ตอบ!" คราวนี้ฉันสะดุ้งให้กับน้ำเสียงเกรี้ยวกราดของสัว "ไม่รู้" "เป็นเพื่อนแล้วแม่งอิจฉากันมากงั้นก็มาเป็นแฟนเลย" "ฮะ" "เป็นแฟน มาเป็นแฟนกู" ช็อก! ขอเป็นแฟนได้ฮาร์ดคอมาก ฉันไม่รู้ว่ามันคิดอะไรถึงพูดออกมาแบบนี้ “แล้วมึง คิดเหรอว่ามันจะดีขึ้น” ฉันถามกลับ “มึงก็ลองสิ ขนาดเป็นแค่เพื่อนกูยังหวงมึงขนาดนี้เลย” ก็จริง “ถ้ามันแย่กว่าเดิม” “ให้โอกาสกูหน่อยสิ ที่ผ่านมามึงก็เห็น” ฉันเลิ่กลั่กนะ เรื่องถูกแกล้งมันก็มีมาเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าไม่สู้แต่คนพวกนั้นไม่ยอมหยุดต่างหาก “เห็นอะไร ที่ผ่านมามึงทำตัวทรงผัวมากสัว” “ก็แค่กับมึง ไม่ได้เรี่ยราดสักหน่อย” เจ้าสัวเคยมีแฟน ความสัมพันธ์เหมือนวิ่งผ่านน้ำ บ่นกับฉันทุกวันไม่มีวันไหนเลยที่เห็นมันยิ้มมีความสุข “ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะสัว” “ก็ไม่ได้เล่นปะ” “ถ้าเธอให้ฉันเป็นเพื่อนเล่นอย่าเล่นเกินกว่านั้นได้มั้ย” เพลงนี้แวบเข้ามาในหัวฉันทันที ตอนนี้ฉันไม่มีใครสัวก็ไม่มีใคร เจ้าสัวเป็นถึงลูกชายมาเฟียมีทั้งราศีบารมีและอำนาจไม่มีใครกล้าแตะต้อง ทั้งเรื่องในอดีตและก็ปัจจุบัน เจ้าสัวไม่ชอบคั่วหญิง ไม่เจ้าชู้แล้วก็ขี้รำคาญพวกที่ชอบมากรี๊ดๆ ใส่ แล้วก็ผู้หญิงชอบอ่อยแรงๆ ด้วย สัวไม่ชอบเลยสักนิด “ขอคิดก่อนได้มั้ย” “ได้ งั้นคืนนี้กูไปนอนกับมึงด้วยดีกว่าจะได้ช่วยคิด” “ไม่ต้อง” “เผื่อไฟดับกูจะได้ต่อยผีให้มึง” ฉันยังมองไม่ออกเลยว่าถ้าเราสองคนเป็นแฟนกันมันจะเป็นยังไง “ไม่” “งั้นมึงไปนอนกับกู” ฉันถอนหายใจแล้วมองบน “ไม่ไป” “ผ้าเช็ดตัวแม่บ้านเตรียมไว้ให้แล้ว เสื้อผ้าด้วย ส่วนชุดนักศึกษาอยู่ในตู้รีดแล้ว” ฉันไม่ได้อยากมาหรอกนะแต่เพราะลมฟ้าลมฝนด้านนอกทำให้ฉันใจไม่ดีเลยไม่กล้ากลับห้อง ถ้าเกิดฟ้าผ่าไปดับขึ้นมาจะแย่เอา ของใช้ส่วนตัวของฉันถูกจัดเตรียมเอาไว้พร้อมทุกอย่างโดยคุณแม่บ้านที่ดูแลเพ้นเฮ้าท์นี้ “สัว” “อะไร” “ถ้าเราเป็นแฟนกัน มึงคิดว่าเราจะรักกันมั้ยวะ” “เป็นแฟนกันก็ต้องรักกันดิวะ” “รักกันยังไง” “รักกันจากสิ่งดีๆ ที่มีให้กันไง โง่ เรื่องแค่นี้คิดไม่ได้” ฉันยืนนิ่งแล้วคิดตาม ก็ใช่ แต่ว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกันไงฉันยังมองไม่เห็นเลยว่าจะรักกันได้ยังไง “ถ้าเธอไม่เคยที่จะรู้สึกเหมือนที่ใจฉันรู้สึก แค่เพื่อนเล่น ฉันก็เป็นให้เธอไม่ไหว จะได้พร้อมทำใจรอให้เธอบอกว่าเป็นเพื่อนกันเท่านั้น หยุดเล่นเกินเพื่อนเล่น” “กูไม่ได้โง่ ก็แค่คิดว่าถ้าวันหนึ่ง เราต้องเลิกกัน” “กูไม่เลิก แล้วก็จะตามรังควานมึงไปทุกที่ จำไว้ เกี๊ยวสมองน้อย” “ไอ้สัว ปากมึงนี่นะ” ฉันไล่ตีไอ้คนตัวสูงที่ชอบหลอกด่าแต่ก็ไม่เคยสู้ได้สักที _______________
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม