ตลอดสิบเดือนที่ผ่านมารสรินทร์เดินทางค่อนข้างบ่อย ในช่วงแรกปราชญ์มักพาเธอไปดูงานที่ภูเก็ตและเชียงใหม่ สลับกับกลับสิงคโปร์ตามลำพังราวเดือนละครั้ง แต่โดยมากจะอยู่ติดต่อทำธุรกิจในกรุงเทพฯ
จากการที่ได้ใช้เวลาร่วมกันทำให้เธอทราบได้ว่าปราชญ์เป็นคนที่จริงจังกับงานมาก เขาไม่เคยเสียเปรียบเลยสักครั้ง ยกเว้นเพียงกรณีเดียวที่ยอมอ่อนข้อให้ก็คือเรื่องหนี้สินของครอบครัวเธอ
ปราชญ์น่ารักและใจดีมาก เขาทำตามสัญญาที่ว่าจะทำให้เธอมีความสุข ไม่ใช่แค่เรื่องเงินทองหรือความสะดวกสบาย แต่เป็นเรื่องความสุขทางใจที่เด็กมีปัญหาครอบครัวอย่างรสรินทร์โหยหามาโดยตลอด
เธอไม่ค่อยอยู่บ้าน อ้างว่าต้องเธอเดินทางกับเจ้านาย จึงไม่ต้องทนเห็นบิดาและมารดาทะเลาะกัน ทั้งเรื่องที่คุณพ่อเคยเลือกที่จะทิ้งแม่และเธอไปอยู่กับผู้หญิงอื่น ทั้งเรื่องหนี้สินที่ต้องหาทางแก้ไข และพอปราชญ์เห็นเธอไม่สบายใจ ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็จะพยายามแก้ไขให้อย่างเร่งด่วน เรื่องผัดผ่อนการชำระหนี้ต่อไปเรื่อยๆ อีกนั่นก็เช่นกัน
รสรินทร์จำได้ดีว่าเขาต้องมีปัญหากับบิดา ไม่ใช่ว่าจำนวนเงินนั้นมากมายอะไร แต่เป็นการสร้างตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับลูกหนี้คนอื่นๆ เธอได้ยินเขาบอกกับบิดาว่าคุณมัทนาค่อนข้างหน้าบาง ไม่มีทางบอกว่าติดหนี้ใครแน่ๆ เรื่องบอกใครว่าตระกูลทิวานันท์ใจอ่อนยอมผ่อนผันให้ลูกหนี้จึงไม่มีทางหลุดไปถึงคนอื่น เขาหว่านล้อมอีกมากมาย เรียกได้ว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อเธอจริงๆ
ทว่าพักหลังมานี้ปราชญ์ไม่ค่อยว่าง เขากลับบ้านที่ต่างประเทศเกือบทุกสัปดาห์ พอเธอถามก็บอกว่าเป็นเรื่องงาน ไม่มีอะไรที่น่าสนใจไปมากกว่านั้น หากยังคิดถามต่อ เขาก็จะออดอ้อนด้วยคำหวานจนเธอลืมคำถามไปเอง
หลายเดือนก่อนมารดาเรียกรสรินทร์เข้าไปถาม บอกว่ามีคนเห็นว่าไปไหนมาไหนกับผู้ชาย และคนที่เห็นก็ยืนยันว่าเป็นคุณปราชญ์ นักธุรกิจหนุ่มจากสิงคโปร์ หลังจากแก้ตัวอยู่นาน มัทนาจึงยอมเชื่อว่าคนคนนั้นคืออธิคุณ นักธุรกิจที่เธออยากได้มาเป็นลูกเขย และที่บอกว่าเห็นปราชญ์ด้วยก็น่าจะเป็นเพราะเขานัดกันต่อหลังจากรับประทานอาหารเย็นกับเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว
รสรินทร์กลัวมารดาไม่เชื่อ จึงขออธิคุณให้ช่วยปิดบังความจริงด้วยอีกแรง ซึ่งเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก นอกจากเตือนเธอว่าวันหนึ่งปราชญ์ก็ต้องกลับไปอยู่กับครอบครัวที่สิงคโปร์ และเธอควรจะดูแลหัวใจของตัวเองให้ดี
เขาสละเวลาแวะมาหาเธอทุกสัปดาห์ที่ปราชญ์ไม่อยู่ แต่พอมาถึงแล้วเขามักจะนั่งเงียบๆ อยู่ในสวน หลายครั้งเธอเห็นเขาพูดคุยกับน้องสาวต่างมารดาที่เรียนอยู่ปีสามแล้ว เดาได้ว่าเป็นเพราะความสงสาร ไม่ใช่เพราะมีความรู้สึกพิเศษแต่อย่างใด
“คิดอะไรอยู่เหรอลูก” ศักดาเห็นลูกสาวคนโตนั่งเหม่อได้สักพักแล้ว แม้ไม่อยากทักก็จำต้องทัก เพราะภาพที่เห็นตำตาเมื่อหลายวันก่อนรบกวนใจเขาอย่างมาก
“เปล่าค่ะคุณพ่อ รินทร์แค่เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ ช่วงนี้งานค่อนข้างหนัก คุณแอนต้องเร่งโปรเจกต์น่ะค่ะ” แม้ปราชญ์จะใจดีกับเธอ แต่เวลาทำงานเขาค่อนข้างละเอียด แทบเรียกได้ว่าเรื่องมาก ต้องรอจนเลิกงาน เธอจึงจะได้ชายหนุ่มใจดีและน่ารักกลับคืนมาดังเดิม
“รินทร์ พ่อพอจะเข้าใจนะว่ารินทร์กลัวแม่ แต่พ่อไม่ชอบเลยที่รินทร์โกหกเรื่องของคุณปราชญ์”
“คุณพ่อ…” รสรินทร์หน้าซีด กลัวเหลือเกินว่าจะถูกดุ กลัวเหลือเกินว่าบิดาจะไม่อนุญาตให้เจอเขาอีก
“พ่อเข้าใจว่าแม่เป็นคนคุยด้วยยาก พูดตรงๆ ก็คือไม่ชอบคุณปราชญ์นั่นแหละ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะนะ รินทร์ ที่คุณปราชญ์เลื่อนชำระหนี้และละเว้นดอกเบี้ยให้ เป็นเพราะรินทร์ใช่ไหมลูก” ศักดากลัวเหลือเกินว่าลูกสาวคนโตของเขาจะทำเรื่องที่ไม่ควรทำ แต่จากที่เห็นสายตาของปราชญ์ที่มองมา เขาจึงคลายความกังวลลงไปได้บ้าง
“คุณพ่อ…”
“รินทร์คบกับคุณปราชญ์เหรอลูก”
“ค่ะ รินทร์คบกับเขา” รสรินทร์มองบิดาที่ทรุดตัวลงบนโซฟา และถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ถ้ารินทร์คบกับคุณปราชญ์จริงๆ พ่อก็สบายใจ ตอนแรกนึกว่าเขาดูถูกรินทร์ ให้รินทร์ต้องทำเรื่องที่ไม่อยากทำเพื่อชดใช้หนี้”
“ไม่เลยนะคะคุณพ่อ พี่ปราชญ์ เอ่อ คุณปราชญ์ดูแลรินทร์อย่างดีค่ะ สอนงานรินทร์ทุกอย่าง เราสองคนไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพ่อคิดนะคะ”
“อืม พ่อเห็นสายตาของคุณปราชญ์แล้วล่ะ แต่ยังไงเขาก็เป็นเจ้าหนี้เรา คบหากันไปคนคงมองไม่ดี แต่รินทร์ไม่ต้องห่วงนะ อาทิตย์หน้าทนายก็จะโอนเงินมรดกเข้าบัญชียัยบัวแล้ว พ่อตั้งใจว่าจะยืมเงินของน้องไปใช้หนี้ของคุณปราชญ์ก่อน สักครึ่งหนึ่งก็ยังดี หากหมดหนี้เมื่อไหร่ รินทร์ก็คงพาเขามาที่บ้านเราได้ ส่วนเรื่องแม่ พ่อจะช่วยพูดเอง”
“ขอบคุณ คุณพ่อมากนะคะ” รสรินทร์โผเข้ากอดบิดา เธอดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ เมื่อได้ยินว่าคุณพ่อจะช่วยจัดการปัญหาทุกอย่าง ทั้งคู่คุยกันต่ออีกสองสามคำ เธอก็ขอตัวไปออกจากบ้านเพราะคืนนี้เขาจะกลับมาไฟลต์ค่ำและเธอต้องไปสแตนด์บายรอที่คอนโดมิเนียม
“ดูแลตัวเองดีๆ นะรินทร์”
“ค่ะ” รสรินทร์ยิ้มกว้างก่อนออกจากบ้าน เธอไม่ได้เจอหน้าเขาหลายวันจึงคิดถึงมากเป็นพิเศษ อยากกอดแน่นๆ จะแย่อยู่แล้ว
หลังจากถึงคอนโดฯเธอก็เตรียมอาหาร จัดดอกไม้และจุดเทียนหอม เพื่อสร้างบรรยากาศโรแมนติกอย่างที่เขาชอบ วาดฝันว่าจะได้อยู่กับเขาสองคนตลอดคืน นึกไม่ถึงว่าพออีกฝ่ายเดินทางมาถึง กลับแจ้งว่าต้องออกไปสังสรรค์ข้างนอกกับลูกค้า
“รินทร์ไปกับพี่นะครับ พี่ไม่อยากอยู่ห่างจากรินทร์เลย แต่ลูกค้าอยู่ไทยแค่คืนเดียว ถ้าไม่ไปเจอหน้ากันหน่อยคงเสียโอกาสแย่” ปราชญ์กอดเธอหลวมๆ และคงจะทำมากกว่านั้นถ้าไม่มีนัดสำคัญรออยู่
“พี่ปราชญ์ไปคนเดียวไม่ได้เหรอคะ”
“ถ้ารินทร์ไม่อยากไป พี่แคนเซิลนัดก็ได้นะครับ”
เขาสอดมือเข้าใต้เสื้อตัวบางของหญิงสาว บีบเคล้นทรวดทรงคุ้นเคยอย่างคิดถึงและหวงแหน ยิ่งที่บ้านออกคำสั่งให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับรสรินทร์ หัวใจเขาก็ยิ่งเต้นแรงจนแทบคลั่ง อยากตีตราจองจำเธอให้อยู่กับเขาตลอดไป
ในฐานะแฟนชั่วคราว…
“แต่รินทร์ไม่อยากให้พี่เสียงาน งั้นรอรินทร์เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”
“ขอสักรอบก่อนออกจากบ้านไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ… พี่ปราชญ์อย่าแกล้งรินทร์สิคะ เอาไว้เสร็จธุระแล้วรินทร์จะตามใจทุกอย่างเลย ดีไหมคะ”
ปราชญ์ผละออกเนื้อตัวนุ่มนิ่มของรสรินทร์อย่างไม่เต็มใจ รีบอาบน้ำในขณะที่สาวสวยของเขากำลังแต่งตัว และสุดท้ายก็ต้องถอนหายใจอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นเธอยืนอยู่ตรงหน้า
“ไม่ชอบเหรอคะ” เธอมองเดรสเกาะอกสีขาวที่สวมอย่างไม่มั่นใจนัก
“ไม่ชอบ รินทร์แต่งตัวแต่งหน้าแล้วสวยเกินไป พี่กลัวคนอื่นมองรินทร์” ปราชญ์ดึงตัวเธอมากอดไว้แน่น รู้ดีแก่ใจว่าเหลือเวลาไม่มากแล้ว แต่เรื่องนี้จะแก้ไขยังไง เขายังหาคำตอบไม่ได้จริงๆ
“โธ่ พี่ปราชญ์จะไปสนใจคนอื่นทำไมล่ะคะ ในเมื่อสายตารินทร์มีไว้มองพี่ปราชญ์คนเดียว คิดถึงพี่ปราชญ์คนเดียวเลยนะคะเนี่ย”
“แฟนของพี่น่ารักที่สุดเลย” เขาหอมแก้มเธอแทบช้ำ กว่าจะออกจากห้องได้ก็เกือบห้าทุ่ม กว่าจะถึงคลับหรูก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว แต่กระนั้นเขาก็ยังกอดเธออย่างอ้อยอิ่งอยู่นานกว่าจะพาเดินเข้าคลับไป
ลูกค้าที่รออยู่เริ่มดื่มไปได้สักพักแล้ว ข้างกายแต่ละคนมีสาวๆ สวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นคอยชงเครื่องดื่มให้ เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นต่อเนื่องเพราะต่างฝ่ายต่างหยอกเย้ากันสนุกสนาน บรรยากาศเริ่มครึกครื้นตามจำนวนแก้วที่ดื่ม ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับการสังสรรค์ในยามราตรี
“ว่าไงคุณปราชญ์ รอบนี้พาใครมาด้วยเนี่ย”
“คุณรินทร์ครับ เป็นผู้ช่วยของผม แล้วก็…” ปราชญ์ยังแนะนำไม่ทันจบประโยค อีกฝ่ายก็ทำตัวเสียมารยาท เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“น่ารักจริงๆ แบบนี้หาได้ที่ไหนครับเนี่ย สเปกผมเลย ขาวๆ” นักธุรกิจในวัยห้าสิบปี มองรสรินทร์ราวกับจะกินเธอทั้งตัว ซึ่งเป็นสายตาที่ปราชญ์ไม่ชอบเอาเสียเลย
“ขอบคุณ คุณมนตรีมากนะครับที่ชมแฟนผม อยู่ไทยผมไม่เหนื่อยก็เพราะได้รินทร์นี่แหละครับคอยดูแล” คำตอบพร้อมรอยยิ้มของปราชญ์ ทำให้คนที่ถามคำถามไม่น่าฟังต้องหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะชมต่อไปด้วยว่าปราชญ์ยังเลือกได้ดีเหมือนเดิม
หลังจากสนทนาเรื่องไร้สาระได้เกือบชั่วโมง ปราชญ์ก็ขยิบตาให้กับหญิงสาวที่เขามักบอกทุกคนไปว่าเป็นแฟน แสร้งขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการเรื่องบิลให้กับลูกค้าก่อนกลับบ้าน ยอมใช้เงินเล็กน้อยเพื่อสร้างความประทับใจ เพื่อที่จะได้คุยกันง่ายขึ้นในอนาคต
“คุณรินทร์คบกับคุณปราชญ์มานานหรือยังครับ” ชายหนุ่มชื่อก้องภพชวนรสรินทร์คุยอย่างมีมารยาทระหว่างรอปราชญ์กลับมาที่โต๊ะ
“ราวๆ สิบเดือนแล้วค่ะ”
“ก็ช่วงที่คุณปราชญ์เขาเริ่มโปรเจกต์ในไทยนั่นแหละ มาถึงก็มีแฟนเลย แต่คุณนี่นอกจากสวยแล้วยังเก่งอีกต่างหาก น่าเสียดายนะ ถ้าคุณปราชญ์กลับสิงคโปร์ไป คุณรินทร์คงเหงาแย่” นักธุรกิจที่แซวเธอแต่แรกท้วงเสียงอ้อแอ้ ท่าทางดูคุมสติของตัวเองแทบไม่ไหว
“จำได้ว่าปีก่อนเจอกันที่ฮ่องกง คุณปราชญ์ก็มีผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเก่งอยู่ข้างๆ แต่คนนั้นเขาเปรี้ยวกว่าคุณมาก ถ้าวันไหนคุณว่างแล้วบอกผมนะ ผมเองก็อยากได้ผู้หญิงที่สวยและเก่งมาช่วยงานเหมือนกัน”
“คุณมนตรีพอเถอะนะครับ ยังไงคุณรินทร์เขามากับคุณปราชญ์… คุณรินทร์อย่าถือสาคนเมาเลยนะครับ” ก้องภพพูดไม่ทันจบปราชญ์ก็มาพอดี เขายิ้มกว้างก่อนจะขอตัวพาแฟนสาวกลับไปพักผ่อน โดยไม่ได้สังเกตว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นในระหว่างที่ตนไม่อยู่ที่โต๊ะ
หลายวันที่เขาอยู่สิงคโปร์ นอกจากเรื่องงานแล้วยังมีเรื่องอื่นกวนใจแทบไม่ได้พัก เขาไม่แน่ใจว่าบิดาทราบได้อย่างไรว่าเขาคบหากับรสรินทร์อยู่
ท่านตะคอกหลายคำว่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน นอกจากจะคบหากับผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวไม่ดีแล้ว ยังใจอ่อนเรื่องหนี้สิน เลื่อนกำหนดชำระหนี้ให้นานถึงสิบเดือน หากเขายังแก้ไขไม่ได้ในเร็ววัน ธุรกิจในไทยอาจถูกเปลี่ยนมือให้พี่ชายคนรองมาจัดการดูแลแทน และนั่นหมายความว่าเขาต้องอยู่ห่างจากรสรินทร์
ไหนจะเรื่องที่มารดาเริ่มมีอาการป่วยและอยากอยู่ใกล้ลูกชายคนโปรดด้วยอีก
“คิดถึงรินทร์จังเลย อาบน้ำเป็นเพื่อนพี่นะครับ วันนี้พี่เหนื่อย อยากได้กำลังใจหอมๆ”
“ค่ะ พี่ปราชญ์” แค่ได้ยินเสียงออดอ้อนรสรินทร์ก็ใจอ่อนยวบ ลืมเรื่องไม่สบายใจทุกอย่างที่เพิ่งได้ยิน ทำหน้าที่ ‘แฟน’ อย่างเต็มใจ
จนกระทั่งทุกอย่างจบลงในช่วงใกล้เช้า เธอจึงค่อยได้สติ คิดถึงเรื่องที่ได้ฟังมาเมื่อคืนว่าปราชญ์ไปที่ไหนก็มักมีสาวสวยข้างกาย เธอรู้ว่าไม่ควรเชื่อคำพูดของคนอื่น แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้จริงๆ
อีกอย่างที่สำคัญคือเธอทำหน้าที่ผู้ช่วย แค่ดูเอกสารในมือก็รู้ได้ว่าโปรเจกต์ทุกอย่างใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ทั้งยังมีข่าวลือด้วยว่าพี่ชายของเขาอาจจะมาดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง และปราชญ์ก็คงจะถูกเรียกตัวกลับไป
ส่วนเธอก็คงจะถูกทิ้งไว้ตามลำพัง…