ร่างกายรึก็แข็งแรงทรงพลัง ฉันแอบเห็นเวลาคุณท่านออกกำลังกาย เซ็กซี่เป็นบ้า เวลาเหงื่อไหลเปียกแนบไปกับเสื้อผ้า ทั้งเซ็กซี่ทั้งน่าปล้ำ โอ๊ย... ถ้าคุณท่านเรียกไปรับใช้ถึงเตียง ฉันจะปรนนิบัติอย่างดี เรียกว่าถวายหัวเลยล่ะแก” คนพูดทำท่าเคลิ้มฝัน
“แกเช็ดน้ำลายบ้างนะ คุณท่านไม่สนใจคนใช้อย่างพวกเราหรอก ไม่อย่างนั้นที่พวกหล่อนไปยั่ว คุณท่านคงหน้ามืดปล้ำทำเมียกันไปหมดแล้ว” สาวใช้นามว่าสาลี่หัวเราะคิกคัก
“แกก็ด้วยแหล่ะนังสาลี่ ไปอาบน้ำยั่วที่หน้าต่าง คุณท่านยังไม่แลเลย” ชิดชมป้องปากหัวเราะเยาะเย้ย ทุกคนรู้ไส้รู้พุงกันหมด เพราะสาวใช้ทุกคนที่ทำงานที่นี่มีแต่คนอยากจะยั่วพันศึกให้หลงใหลกันทั้งนั้น แต่ไม่เคยมีใครทำได้สำเร็จสักราย เพราะเจ้าของบ้านหนุ่มหล่อ ไม่นิยมกินคนในบ้าน
“ปากแกน่าตบ” สาลี่ง้างๆ มืออยากจะตบชิดชมนัก มันชอบพูดดักคอรู้ทันไปเสียทุกเรื่อง ช่างน่าหมั่นไส้เสียเหลือเกิน
“ก็แกว่าพวกเราก่อนนังสาลี่” ชิดชมชี้หน้าตวาดเสียงดัง พอสุดท้ายก็กลับมาเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แม้แรกๆ จะเม้าท์เรื่องเดียวกันอย่างสนุกปาก
“พวกหล่อนเงียบก่อน พวกหล่อนคิดเหมือนฉันไหม” ยุพินชะงักมือที่หั่นเนื้อหมู มองทุกคนไม่วางตา ทำให้สาลี่กับชิดชมหยุดทะเลาะกันไปโดยปริยาย
“แกคิดอะไร” ทุกคนชะโงกหน้าเข้าไปถามด้วยความอยากรู้
“เด็กนั่นหน้าเหมือนใครสักคน คุ้นๆ ไหมวะ” ยุพินเอ่ยถาม มองกราดทุกคนก่อนจะวางมือที่หั่นหมูเอาไว้แบบนั้นอย่างไม่ใส่ใจมากนัก
“เหมือนใคร?” ทุกคนทวนคำถาม เริ่มคิดตาม จนหน้านิ่วคิ้วขมวด
“เหมือนคุณว่านจันทร์ยังไงล่ะ เห็นตอนแรกฉันตกใจนึกว่าฝาแฝด เหมือนฝาแฝดกันเลยล่ะ แต่เด็กไพรหอมนั่นเป็นแฝดน้องอายุห่างกันแฝดพี่หลายปี เด็กนั่นดูอ่อนหวานน่ารักมากกว่า คุณว่านจันทร์สวยจับจิตจับใจ ตอนเห็นครั้งแรกพวกเรายังตะลึงเลย จำไม่ได้หรือไง ตอนคุณท่านพากลับมาอยู่บ้านน่ะ” ยุพินตบเข่าฉาดใหญ่ เมื่อนึกออก
“เออวะ พวกฉันก็คุ้นๆ ได้ดูแว๊บเดียวคุณท่านก็พาขึ้นห้อง จนป่านนี้ยังไม่พาลงมาเลย” ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย ไพรหอมเหมือนว่านจันทร์ยังกับแกะ แต่แตกต่างกันที่อายุเท่านั้น
“ถ้าบอกว่าเป็นพี่น้องกันฉันเชื่อ”
“เป็นแม่ลูกกันฉันก็เชื่อ” อีกคนรีบพูด
“แม่ลูกอะไร คุณว่านจันทร์อายุใช่ว่าจะเยอะ ถ้าเป็นแม่ลูกกันจริง คงแรดร่าน มีผัวตั้งแต่สิบหกสิบเจ็ดล่ะแก” อีกคนป้องปากหัวเราะ
“หรือคุณท่านจะผิดหวังเรื่องคุณว่านจันทร์ เลยไปหาใครหน้าตาเหมือนกันมาทดแทนกัน” สมจิตรออกความเห็น เพราะตั้งแต่มาทำงานอยู่นี่ที่ ก็ไม่เห็นว่าพันศึกจะจริงจังกับใครเป็นพิเศษ ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ชั่วครั้งชั่วคราว อยู่กันวันสองวันก็แยกทางกันไป เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ผูกพันกันทั้งทางกายและทางใจ
“ไม่รู้ว่ะ แต่ตอนนั้นคุณท่านให้เกียรติคุณว่านจันทร์จะตาย พักก็คนละห้อง ไม่เห็นจะแตะเนื้อต้องตัวกันแบบนี้ แต่เด็กไพรหอมนั้นเล่นฟัดคาเตียงไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน ร้องครางกันแทบไม่อายฟ้าอายดิน ผีสางเทวดา แค่เดินผ่านฉันยังขนลุกเลย” สาลี่ลูบแขนไปมา ทำท่าสยิวกิ้ว
“นั่งนินทาเจ้านายระวังจะโดนดี” เดือนเพ็ญปรามแล้วส่ายหน้า เธอไม่ชอบยุ่งเรื่องเจ้านาย หรือนินทาว่าร้ายใคร จึงไม่ค่อยชอบจับกลุ่มพูดเรื่องไร้สาระ เธอมีหน้าที่ทำงานอะไรก็ทำสุดความสามารถ เรียกว่ารับผิดชอบกับงานที่ทำ
“จ้ะแม่คุณ แม่พระผู้ประเสริฐ” สาลี่หันมาแขวะเดือนเพ็ญ อีกฝ่ายไม่ว่ากระไร เดินไปจัดการกับข้าวของหลายอย่างให้เข้าที่เข้าทาง แม้เดือนเพ็ญจะไม่ชอบจับกลุ่มนินทาแต่ก็เป็นที่รักของเพื่อนๆ เพราะไม่เคยเอาเรื่องพวกนี้ไปฟ้องเจ้านาย แต่กลับเงียบ ไม่ปริปากขายเพื่อน
“ตอนนั้นคุณท่านเหมือนจะอกหัก แทบบ้าเชียวนะ คงคิดจริงจังกับคุณว่านจันทร์ แต่เธอก็หนีไปไหนไม่รู้” อีกคนพูดขึ้นอีก หัวข้อสนทนายังไม่พ้นเรื่องเจ้านาย
“แถมยังขโมยของไปอีก ได้ยินคุณชบาพูด” อีกคนพูดเสียงเบาลง เหมือนกลัวใครมาได้ยิน
“คุณชบาใส่ร้ายน่ะสิ อิจฉาคุณว่านจันทร์” ชิดชมเบ้ปากเมื่อพูดถึงชบา ไม่ได้ชอบอะไรนักหนา ทำตัวเหมือนพวกเป็นโรคประสาท มีพาใจคนเดียวที่คุยกับชบารู้เรื่อง อีกฝ่ายต้องการประจบชบาใครๆ ก็รู้
“แต่คุณท่านหลงเด็กนี่จริงๆ นะ เรียกว่าหลงจนโงหัวไม่ขึ้นล่ะ ฉันไปด้อมๆ มองๆ ดู เห็นคุณท่านอุ้มเด็กนั่นไปอาบน้ำทุกวัน แล้วก็พากันมากกกอดกันที่เตียงอีก เด็กนั่นพูดแต่ หย่าค่ะๆ ไม่ก็... พอแล้วๆ เหนื่อยแล้วๆ อะไรทำนองนี่” คนแอบฟังเล่าเป็นตุเป็นตะ ชวนให้คนฟังนึกตามเป็นเรื่องเป็นราว
“คุณท่านมักมากน่ะสิ ยิ่งเจอเด็กเอ๊าะๆ ยิ่งคึก”
“ถ้าเป็นฉันล่ะก็... จะบอกว่าเอาเลยค่ะคุณท่าน ยุพินยินดี เสียวจังค่ะ อิอิ” ยุพินหัวเราะคิกๆ เมื่อสาวใช้คนอื่นๆ ค้อนให้
“หน็อย... นังพิน ไม่เจียมกะลาหัว” สมจิตรจิ้มหน้าผากอีกฝ่ายจนหน้าหัน หมั่นไส้สีหน้าหื่นๆ แรดๆ ของมันนัก ลอยหน้าลอยตาพูดโต้งๆ ไม่อายปาก
“ไม่มีงานมีการทำหรือไง ถึงมานั่งสุมหัวนินทาเจ้านายกันแบบนี้” เสียงเฉียบของชบาทำให้วงนินทาแตกฮือ ทุกคนหันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ชบาเป็นหญิงสาวร่างอวบที่เข้มงวด สายตานั้นทำให้หลายคนเกรงใจและไม่ชอบ แม้จะพูดไม่มากแต่คำพูดคำจาจิกกัดฟังแล้วปวดไปถึงใจ
“ถ้ายังสุมหัวกันอีก ฉันจะหักเงินเดือน” ชบาพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนเดินจากไป ได้ยินในสิ่งที่สาวใช้พูดแล้วเส้นตึงไปหมด พันศึกกำลังหลงนังเด็กนั่น!!!
“เฮ้ย! พวกแกว่าแปลกไหม ทำไมวันนี้ด่าแค่นี้วะ ปกติด่ามากกว่านี้นี่นา” ชิดชมเกาหัว มองตามร่างของชบาออกไปด้วยความงุนงง
“แกอยากโดนด่าเยอะกว่านี้ก็ตามไปสิ” สาลี่ว่าให้ ถ้าให้ดีไม่ด่าเลยจะดีมากๆ ใครบ้างล่ะชอบโดนด่า แล้วด่าแต่ละที ชบาจิกกัดเสียแทบกระจุย
“ไม่เอาหรอก โดนคุณชบาด่าแล้วฝันร้ายไปสิบวันสิบคืน ปากคอของเธอเราะร้ายนัก ไม่ด่าเสียงแปร๊นๆ แต่ด่านิ่งๆ เจ็บไปถึงขั้วหัวใจ” คนพูดทำท่าสยองพองขน
“รีบทำอาหารเถอะ เดี๋ยวคุณท่านเรียกใช้จะโดนดุเอา” เดือนเพ็ญเตือนคนอื่นๆ เธอไม่ใคร่จะใส่ใจเรื่องชบาเพราะไม่เคยโดนชบาดุด่าแรงๆ นอกจากทำหน้าเคร่งๆ ใส่เท่านั้น อาจเพราะเธอไม่ชอบนินทาหรือสุมหัวกับใคร ทำเพียงแค่งานที่รับผิดชอบเท่านั้น จึงไม่มีช่องให้ชบาด่า
“นี่พวกแกเห็นนังพาใจหรือเปล่า” จู่ๆ สมจิตรก็ถามขึ้น
“ไม่เห็น คงจะไปเลียแข้งเลียขาคุณชบาอยู่มั้ง นังพาใจมันอยู่เป็น รู้จักอยู่ งานการหนักเบาไม่เอาอะไรสักอย่าง พูดแล้วก็อยากตบมันให้คว่ำนัก เวลามันทำตัวเป็นคางคกขึ้นวอ ฉันล่ะเกลียดขี้หน้ามันจริงๆ” สาลี่พูดแล้วเบ้ปาก
“แต่ฉันว่ามันอาจจะตกกระป๋องก็ได้นะ เราดูวี่แววไปก่อนดีไหม ถ้าคุณท่านหลงเด็กนั่นจนยกย่องออกนอกหน้านอกตา ค่อยว่ากัน” สมจิตรเสนอ
“แกจะประจบคนใหม่รึไง” ยุพินถามขึ้น แต่เธอเองก็ยึดสุภาษิตที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ใครที่มีอำนาจบารมีจะพึ่งพิงได้ ก็ต้องอยู่ข้างคนนั้น
“ก็คุณชบาน่าประจบหรือไง เห็นคุณท่านพาผู้หญิงมาไม่ได้ ทำท่าทำทางเหมือนจะฆ่าผู้หญิงพวกนั้น พวกแกก็น่าจะรู้ดีนี่นาว่าคุณชบาน่ะตกกระป๋องไปแล้ว ถ้าคุณท่านจะยกย่องจริงก็ยกย่องไปนานแล้ว พวกเราน่ะควรหาหลักยึด ถ้าคุณท่านจะตกลงปลงใจกับผู้หญิงสักคนและยกย่องเป็นเมียสมฐานะ