พวกเราก็ควรจะประจบเอาไว้”
“เหมือนคุณว่านจันทร์นะเหรอ ไม่ไหวหรอก คุณท่านทำท่าเหมือนจะฆ่าคนเชียวนะ อยู่เฉยๆ ดีกว่า” สาลี่ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“คราวนี้ก็ต้องดูให้นานก่อนสิ ไม่ใช่ด่วนสรุปเหมือนคุณว่านจันทร์ คราวนั้นฉันยอมรับว่าดูผิดก็ได้” ยุพินยอมรับหน้าตาเซ็งๆ
“พวกแกนินทาคุณๆ อีกแล้วเหรอ งานการไม่มีทำกันหรือยังไง” เสียงของพาใจทำให้ทุกคนสะดุ้ง ก่อนจะหันขวับไปมอง
“จะนินทาหรือจะสรรเสริญมันหนักหัวอะไรแก” สาลี่เท้าสะเอวจ้องประจันหน้า หมั่นไส้พาใจจนคันไม้คันมืออยากตบอีกฝ่ายให้หน้าหันนัก
“ฉันจะฟ้องคุณชบา” พาใจคอแข็ง อยากให้สาวใช้พวกนี้ยำเกรงตัวเองเหมือนยำเกรงชบาบ้าง แม้จะทำแค่ต่อหน้า เธอก็อยากได้ ลับหลังช่างหัวมัน เพราะเธอไม่รู้ไม่เห็น
“เชิญเลย ระวังเถอะจะตกกระป๋อง” ยุพินท้าเหยงๆ ไม่ชอบพาใจเหมือนๆ กับทุกๆ คนนั่นแหละ
“พวกหล่อนนั่นแหละระวังจะตกจากวิมาน อย่าวาดวิมานในอากาศให้มากนัก ดูอย่างคุณว่านจันทร์สิ มาอยู่ไม่ถึงอาทิตย์ก็ทำพวกแกตกจากวิมานลงมาไม่เป็นท่า เจ็บไหมล่ะ ตกจากที่สูงขนาดนั้น” พาใจลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ย ก่อนจะหัวเราะสะใจ
“ทำมาเป็นพูดดี แกก็คนใช้เหมือนกัน ทำไมไม่ทำงานทำการ” ชิดชมเท้าสะเอวมองอย่างหาเรื่อง คันไม้คันมือเหลือเกิน ถ้าได้ตบอีเวรนี่สักฉาดสองฉาด คงสะใจเป็นบ้า
“คุณชบาบอกว่าให้ฉันคอยควบคุม ไม่ต้องทำอะไร” พาใจลอยหน้าลอยตาพูดอย่างกวนๆ ยิ่งทำให้อารมณ์ของคนอื่นๆ พลุกพล่าน
“โกหก แกไปเลียแข้งเลียขาน่ะสิ น้ำหน้าอย่างแกจะมาคุมพวกเรา” สาลี่ตวาดแว๊ดๆ เวลาโมโหเสียงของเธอดังไปสามบ้านแปดบ้าน
“คุมได้ไม่ได้ ฉันก็มีอำนาจ พวกแกก็ทำงานไปสิ ใครพูดมากฉันจะฟ้องคุณชบา” พาใจยังไม่สนใจ คิดว่าคนพวกนี้ไม่กล้าทำอะไรเธอแน่นอน
“นังพาใจ ขอตบแกสักทีเถอะ หมั่นไส้มานานแล้ว” สาลี่ตรงเข้าตบพาใจฉาดใหญ่ เรียกว่าไม่ทันให้พาใจได้ตั้งตัวรับมือ เพียะ!!!!
“นี่แกตบฉันเหรอ” พาใจกุมแก้มตัวเองที่หันไปตามแรงตบ มองสาลี่อย่างคาดไม่ถึง
“เออ... ฉันจะตบแกให้หน้าแหกเลย อีหมาขี้เรื้อน อีคางคกขึ้นวอ อีนกสองหัว อีกปลาสองน้ำ อยากจะตบแกมานานแล้ว หมั่นไส้จริงเว้ย อีโธ่เอ๊ย! พอประจบสอพลอกับคุณชบาเข้าหน่อย ทำมาวางอำนาจ ก็ขี้ข้าเหมือนกันล่ะว้า” สาลี่เท้าสะเอวด่าอย่างหมั่นไส้
“เฮ้ย! ไม่ใช่แต่อีสาลี่ที่อยากตบแกนะโว้ย ฉันก็อยากตบแกให้หน้าแหกมานานแล้ว ปากหมาดีนัก” ชิดชมพูดขึ้น ก่อนจะพยักหน้าให้คนอื่นๆ รุมพาใจ
“นี่รุมเหรอ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะให้คุณชบาจัดการพวกแกแน่นอน” พาใจกรีดร้องเมื่อโดนรุมตบจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด
“นี่หยุดนะ ไม่หยุดฉันสาดน้ำใส่จริงๆ ด้วย” เดือนเพ็ญรีบห้าม แต่ไม่เป็นผล เธอเอาน้ำสาดจริงๆ ก่อนจะเตือนทุกคนเสียงดัง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวคุณท่านเรียกใช้จะโดนกันหมด” เดือนเพ็ญตะโกนห้าม มองอย่างระอาใจ
“แกหุบปากไปเลยนังเดือน ฉันขอตบนังคางคกขึ้นวอขี้ประสบนี่หน่อย วันนี้ต้องเอาเลือดหัวมันออกมาล้างตีนกู ไม่งั้นกูนอนไม่หลับแน่” สาลี่พูดเสียงแปร๊นชวนแสบแก้วหู
“แล้วพวกแกไม่ขี้ประจบเหรอ เป็นไงล่ะประจบผิดคน เลยตกต่ำแบบนี้ จะมาพาลหาเรื่องคนอื่นทำไม” พาใจพูดใส่หน้าหัวเราะเยาะเย้ยถากถาง โดนตบก็โดนตบ มันตบมาก็ตบกลับ มีมือมีตีนเหมือนกันโว้ย!
“จับนังนี่เอาไว้ ฉันจะตบมันล้างน้ำ ปากดีนักนะ” สาลี่สั่งเสียงเข้ม
เดือนเพ็ญคิดว่าห้ามไม่ได้แล้ว จึงรีบวิ่งไปตามชบา อย่างน้อยชบาก็จะหยุดพวกนั้นได้
“คุณชบาคะ พวกนั้นตบกันใหญ่แล้วค่ะ” เดือนเพ็ญรายงานเสียงหอบแฮ่กๆ เพราะวิ่งมาอย่างไม่คิดชีวิต
“ว้าย! นังเดือน นังบ้า” ชบาที่แอบดูพันศึกกับไพรหอมอยู่ที่ประตู ตกใจเสียหลักผลักประตูเข้าไปและล้มไม่เป็นท่า โดยมีเดือนเพ็ญที่โดนลากเข้ามาด้วยล้มทับลงไปด้วย
“ว้าย!!!” ร้องพร้อมกันอีกครั้ง เมื่อล้มลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัวทั้งสองคน
“มีอะไร!!!” เสียงกัมปนาทของพันศึก ทำให้ผู้มาใหม่ทั้งสองคนถึงกับตาลีตาเหลือกด้วยความหวาดกลัว พันศึกเป็นคนโมโหร้าย และน่ากลัวหากไม่พอใจอะไรหรือใคร ถึงแม้จะใจดีและเลี้ยงดูบ่าวไพร่อย่างดี แต่ก็ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเถียง ทุกอย่างที่ชายหนุ่มพูด คือคำประกาศิต!!!
“หยุดเดี๋ยวนี้!!! ถ้ายังไม่หยุดฉันไล่ออกทุกคน” เสียงเข้มดังราวฟ้าผ่า อีกทั้งยังดุดันทำให้บรรดาสาวใช้ที่ทะเลาะตบตีกันอยู่หยุดกึก ไม่ต้องบอกก็รู้ดีว่าเป็นเสียงใคร ทุกคนลุกขึ้นมายืนก้มหน้านิ่งตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองสบตาผู้เป็นประมุขของบ้านหลังใหญ่
“เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่ชอบเรื่องทะเลาะตบตี” เสียงของพันศึกไม่ได้ลดความน่าเกรงขาม แต่กลับเข้มกว่าเดิม สาวใช้ทุกคนพอมีสติก็กลัวโดนไล่ออก สะดุ้งกันไปตามๆ กัน พันศึกเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เด็ดขาดและไม่เคยพูดกลับไปกลับมา
“ฉันไล่ทุกคนออก ชบาประกาศรับคนใหม่” เสียงเด็ดขาดนั้นทำให้ทุกคนร้องไห้โฮ มองหน้ากับเลิกลัก ไม่คิดว่าเรื่องราวจะบานปลายขนาดนี้ เพราะความขาดสติแท้ๆ
“แต่คุณพันศึกคะ” ชบาเห็นสายตาของพาใจก็รีบพูด แม้จะหงุดหงิดที่มีเรื่องแบบนี้ แต่พาใจก็เป็นคนของเธอ อย่างน้อยก็คอยรองมือรองเท้ารับใช้ใกล้ชิด ทำให้เธอดูมีอำนาจขึ้นมาบ้าง
“มีอะไร” น้ำเสียงของพันศึกยังน่าเกรงขามเช่นเดิม เขาดูไม่สบอารมณ์มากๆ ที่โดนขัดความสุขถึงห้องนอน
“แต่พาใจโดนรุมรังแกนะคะ” ชบาพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ แม้จะเป็นคนเดียวที่กล้าพูดและแสดงความคิดเห็น แต่เธอก็ยังเกรงพันศึกอยู่มาก
“แล้วไง” เขาถามเสียงเคร่ง ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ตวัดสายตามองบรรดาคนใช้อย่างไม่สบอารมณ์ เรื่องการทะเลาะตบตีสำหรับเขานั้น มันน่ารำคาญยิ่งกว่าอะไร ทั้งรกหูรกตาและไร้สาระ
“ถ้าจะไล่ออก ก็ไล่สี่คนนั่นออก ยกเว้นพาใจค่ะ”
“ฉันไล่ออกหมด คำไหนคำนั้น เธอมีหน้าที่ไปทำตามที่ฉันสั่งก็พอ” พันศึกหมุนร่างสูงของเขาทำท่าจะเข้าบ้าน ก่อนจะประจันหน้ากับเด็กสาวที่เขาบอกให้รออยู่บนห้องนอน ไพรหอมกะพริบตาปริบๆ มองสภาพของสาวใช้พวกนั้นแล้วนึกเห็นใจ
“คุณพันศึกคะ ถ้าหอมจะขอ...” ไพรหอมกล้าๆ กลัวๆ อ้ำๆ อึ้งๆ บีบมือเข้าหากันแน่น เธอคิดไปต่างๆ นาๆ ว่าถ้าหากคนพวกนี้ตกงานอาจจะลำบาก หลายคนอาจมีภาระต้องดูแลส่งเสียครอบครัว และทำไปโดยไม่ตั้งใจเท่านั้น เธอเคยลำบากมาก่อน เข้าใจหัวอกของคนที่ลำบากและไม่มีงานทำเป็นอย่างดี
“ขออะไร?” พันศึกเลิกคิ้วขึ้น กอดอกมองร่างน้อยตรงหน้าด้วยตาเป็นประกาย หลายวันมานี้เขามีความสุขมาก ไพรหอมแตกต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เขาผ่านมา เธอน่ารักและเดียงสาน่าแกล้งและน่า... แค่คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็แตะลิ้นเลียริมฝีปาก เธอน่ากลืนกินยิ่งกว่าอะไร
ชบาถึงกับตาเหลือกเมื่อเห็นพันศึกมองไพรหอมด้วยสายตาปรารถนา เธอจิกมือกับกระโปรงชุดสวยของตัวเองจนแทบกระจุย เธอจะฆ่านังเด็กนี่หมกป่า ไม่เชื่อคอยดูสิ ถ้ามันยังเสนอหน้ามายั่วยวนพันศึกอีก จะหาว่าเธอใจร้ายไม่ได้นะ
“อย่าไล่พวกเค้าออกได้ไหมคะ” ประโยคสั้นๆ จากน้ำเสียงหวานประดุจระฆังแก้ว กับท่าทีซื่อๆ นั้นทำให้ทุกคนเบิ่งตากว้างยกเว้นพันศึก