เขาไม่ควรใจอ่อนกับสายเลือดของว่านจันทร์ ผู้หญิงโกหกปลิ้นปล้อน กระหล่อน ตอแหล...
“ไม่มีความสุขจริงๆ นะเหรอ” เขาเลิกคิ้วยียวน เธอสะบัดหน้าหนี ก่อนจะพูดเสียงแข็งๆ ใส่เขา
“ไม่มีเลยสักนิด” เธอไม่ยอมมองหน้าเขา
“จริงรึ เอาไว้วันหลัง ฉันจะอัดเสียงกระเส่าๆ ของเธอให้ฟัง คุณพันศึกคะ คุณพันศึกขา... เร็วๆ แรงๆ ลึกๆ ถี่ๆ อ๊า... โอ๊ย ไพรหอมจะขาดใจแล้ว ไพรหอมถึงแล้ว มีความสุขจริง มีความสุขเหลือเกิน คุณพันศึกต้องกระแทกไพรหอมให้ติดเตียงทุกวันคืนนะคะ” เขาทำเสียงล้อเลียนเธอ ปั้นเรื่องเป็นตุเป็นตะ จุดประสงค์อยากแกล้งให้เธออายเท่านั้น
“ไม่ใช่ หอมไม่ได้พูดแบบนั้นนะ” เด็กสาวเอามือปิดหูส่ายหน้าไปมาเพื่อปฏิเสธเป็นพัลวัน สิ่งที่เขาพูดน่าอายเหลือเกิน
“พูดสิ ฉันได้ยินกับหู” เขามีความสุขที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับเธอ ให้ตายเถอะ! ชอบให้เธอทำหน้างอนๆ ปากแดงๆ จมูกแดงๆ แก้มแดงๆ ยกเว้นตาที่เขาไม่อยากให้แดง เพราะไม่อยากให้ร้องไห้ มันจะบวมจนไม่น่ามอง เขาอยากให้ตาเธอใสแจ๋ว สวยหวานหยดย้อยแบบนี้
“หอมจะกลับห้อง” เธอรวบผ้าห่มแข็งใจพูดออกไป ทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจว่าจะลุกเดินไหวหรือไม่ มันเจ็บหน่วงไปหมด เธอร้องไห้อีกเมื่อคิดว่าตัวเองเสียตัวให้เขาไปแล้ว ต่อไปนี้เธอก็จะเป็นนางบำเรอเต็มรูปแบบ ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี ถูกเหยียบย้ำเหมือนมารดา เธอไม่อยากตกอยู่ในสภาพนี้
“ไม่ให้ไป ฉันอยากนอนกอด เอาไว้แบบนี้” พันศึกดึงร่างเปลือยมาแนบชิด ก่อนจะโอบกอดเอวคอดเอาไว้ ไพรหอมตัวหอมสมชื่อ กลิ่นของเธอทำให้เขาสดชื่น เหมือนสมุนไพรทิพย์ เอวของเธอเล็กนิดเดียว แล้วตรงนั้นที่เขาฝังตัวเข้าหา ช่างแคบเล็กแตะตอดรัดอะไรแบบนี้ แค่คิดว่าจะได้เชยชิมเธออีก เขาก็คึกคักลุกโชนจนแทบห้ามไม่อยู่
“มือของคุณ เอาออกไปสิคะ” ไพรหอมขู่เขาเหมือนลูกแมวขู่เสือ เขากลับชอบเสียงเล็กๆ ของเธอ พันศึกไม่เคยฟังเสียงของผู้หญิงคนไหนไพเราะจับใจเช่นนี้มาก่อน แม้ยามโกรธน้ำเสียงยังน่าฟัง หน้าผากเล็กๆ นั้นทำให้เขาอดใจไม่ไหวจุ๊บเบาๆ พอเธอเบี่ยงหลบเขาก็จูบหนักๆ ด้วยความมันเขี้ยว จนเธอหนีเขาไม่รอดก็ต้องยอมให้จูบซ้ำๆ จนฉ่ำปอด
“ไม่ออกจะทำไม” เขายียวนอยู่ข้างหู ไพรหอมไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีก อยากจับอยากจูบ อยากลูบอยากไล้บีบเคล้นคลึงอะไร ก็เอาตามที่สบายใจ เธอเองก็คงขัดไม่ได้ เขาแรงเยอะกว่า เขาเป็นเจ้าหนี้และเป็นซาตานชั่วร้ายที่เธอไม่อาจสู้รบปรบมืออะไรได้
“ว่าง่ายๆ ไม่ดื้อแบบนี้ ฉันชอบ”
“หอมมีสิทธิ์ต่อต้านคุณ มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรด้วยรึคะ” เธอถามอย่างน้อยใจ
“ไม่มี” เขาตอบแล้วหัวเราะชอบใจ “เธอผอมไปนะเด็กน้อย ต่อไปต้องบำรุงเยอะๆ กินให้เยอะๆ กว่านี้”
“ก็หอมจน จะให้อ้วนอวบเหมือนผู้หญิงของคุณได้ยังไงกัน”
“รู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงของฉันเป็นยังไง” เขาถามอย่างขบขัน เสียงงอนๆ ของเธอฟังดูเหมือนหึง แม้จะไม่ใช่ แต่เขาก็อยากคิดเอาว่ามันใช่
“ไม่รู้ไม่ชี้” เธอปิดปากเงียบเสีย ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีก
พันศึกกดจูบหนักๆ หัวเราะชอบใจเมื่อเธอไม่ขัดขืน แถมยังนอนนิ่งให้เขากอด แต่พอมองดีๆ เธอหลับไปแล้วนั่นเอง เขาใช้มือรองศีรษะเอาไว้ ชะโงกมองหน้าตาสวยหวานนั้นแล้วบังเกิดความรู้สึกหวงแหนสุดหัวใจ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมผู้ชายมากมายถึงต้องการจะครอบครองเธอ เรียกว่าจะทั้งหมู่บ้านอยากได้ตัวไพรหอม
ไม่สิ! ผู้ชายทุกคนเห็นหน้าเธอก็ต้องการเธอทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ตัวเขาเอง ที่เอาเรื่องแม่ของเธอมาอ้าง และหนี้สินอีกจำนวนหนึ่งมาข่มขู่เธอ
มือใหญ่ของพันศึกเกลี่ยผมเธอเล่นก่อนจะม้วนเป็นเกลียว ผมของไพรหอมนุ่มสลวย ล้อมกรอบใบหน้าหวานที่มองทีไรไม่อยากละสายตา เขาพลิกร่างเธอให้หันมาหา ก่อนจะเท้าข้อศอกมองเธอนิ่งๆ อยู่แบบนั้นอย่างไม่เบื่อหน่ายแม้สักวินาทีเดียว
ใบหน้าเรียวรูปไข่ ปากนิดจมูกหน่อย และกลิ่นหอมประจำกายตรึงอารมณ์ของเขาได้อย่างดีเยี่ยม เขาก้มลงสูดดมแล้วเผลอยิ้มชอบใจ กลิ่นกายของเธออ่อนหวานหอมละมุนละไม แตกต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยแนบชิด
“นี่พวกแกรู้ไหม คุณท่านหลงเด็กผู้หญิงคนนั้นมากเลยนะ” เสียงสาวใช้ในห้องครัวจับกลุ่มกันซุบซิบไม่เบานัก เรียกว่าหัวข้อสนทนาเป็นอะไรที่ชวนเม้าท์กันสนุกปาก
“แกรู้ได้ยังไง” อีกคนเอ่ยถาม มือก็เด็ดผักสำหรับทำกับข้าวไปด้วย
คนเล่าตบเข่าฉาดใหญ่ทำหน้าตาว่ารู้ดี ก่อนจะป้องปากเล่า ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นสักนิดเพราะเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ตามความเมามันของเรื่องที่กำลังสนทนากัน
“ก็คุณท่านไม่ยอมออกจากห้องเลยยังไงเล่า ฉันเป็นคนไปเสิร์ฟอาหาร แอบเห็นเตียงนี่ยับย่นเชียว เสื้อผ้าก็มีร่องรอยการถอดกระจัดกระจาย เกลื่อนไปทั่วพื้นเลยแก”
“ฉันเดินผ่านห้องคุณท่าน แอบได้ยินเสียงครางด้วย บางทีก็เสียงกรีดร้อง โอ๊ยฟังแล้วขนลุก” คนเล่าทำท่าขนลุกก่อนหัวเราะคิกๆ
“แกกลัวเหรอ” อีกคนแกล้งถามเสียงสูง
“เปล๊า อยากโดนคุณท่านจับกินบ้าง คิกๆ” คนตอบหัวเราะชอบใจ เพราะพันศึกทั้งหล่อ ทั้งรวย มีเสน่ห์เหลือร้าย ทำหน้านิ่งๆ ก็ทำให้สติสตางค์คนมองกระเจิงได้แล้ว แค่อีกฝ่ายปลายตามาหา ก็ทำเอาเก็บไปฝันถึงแทบเพ้อรำพัน
“อีโธ่เอ๊ย! น้ำหน้าอย่างแก คุณท่านไม่แลหรอก พวกหล่อนๆๆ ก็รู้ว่าคุณท่านไม่ยุ่งกับคนในบ้าน”
คนพูดตบเข่าฉาดใหญ่ ตัวเองก็เสียดายอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าพันศึกจะเป็นพวกสมภารกินไก่วัดสักนิด พวกหล่อนๆ ก็คงสะดวกสบายมีเงินใช้กันสบายใจเฉิบ เพราะแค่บริการถึงเตียงเหมือนพวกท่านเจ้าคุณสมัยก่อนที่มีเมียมากๆ มีข้าทาสบริวารเต็มบ้าน ข้าทาสหญิงรับใช้เอาเป็นเมียเสียหมด ถ้ามีลูกชายก็ยกย่อง เชิดหน้าชูตา ทองหยองใส่เต็มตัวเพื่อประดับบารมี ป่านนี้คงสบาย นั่งชี้นิ้วเป็นคุณนายที่หนึ่ง ที่สอง หรือที่สาม
“ก็ไม่แน่นะ ก็คุณชบาไง” อีกคนกระซิบกระซาบ
“ตอนนั้นคุณท่านเมา คุณชบาไปยั่ว แต่หลังจากนั้นก็ไม่เห็นคุณท่านยุ่งกับคุณชบาอีกเลย” คนตอบมีสีหน้าจริงจัง เหมือนกับว่ารู้ดีไปเสียทุกอย่าง
“ขนาดไม่ยุ่ง คุณชบายังชูคอวางอำนาจ และดูเหมือนคุณท่านจะให้สิทธิ์หลายๆ อย่างกับคุณชบา กดหัวพวกเราเหมือนหมูเหมือนหมา” คนพูดเบ้หน้า บ่งบอกว่าไม่ชอบชบาอย่างยิ่งยวด
“ก็คงรู้สึกผิด คุณชบาเข้ามาดูแลคุณแม่ของคุณท่านหลายปี”
“คุณท่านนะเหรอรู้สึกผิด” อีกคนพูดเหมือนไม่เชื่อ ส่ายหน้าไปมาแล้วกรอกตาอย่างระอา
“แกได้ยินแค่เสียงคราง เสียงกรีดร้อง ฉันน่ะไปแอบดูเชียวนะ แนบหูอย่างเดียวไม่มัน” สาวใช้อีกคนเปลี่ยนเรื่อง เพราะไม่อยากพูดถึงชบาอีก
“แกกล้าขนาดนั้นเชียว” อีกหลายคนทำตาโต คนแอบมองตบอกเบะปาก เชิดหน้าเหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป
“กล้าสิ” ยืดอกพูด หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
“แล้วแกเห็นอะไรล่ะ” สาวๆ ที่ยังร่วมวงเม้าท์แตก แทบถามเป็นเสียงเดียวกัน
“คุณท่านน่ะกระแทกเด็กนั่นจมเตียงเชียวล่ะ ทั้งเสียงหอบ เสียงคราง ฉันฟังแล้วท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด เตียงนี่แทบพัง คุณท่านดูจะหลงเด็กนั่นมากนะ ป้อนอาหารให้ถึงปาก ป้อนกับปากตัวเองนี่แหละ” พูดแล้วทำปากจู๋ ส่ายหน้าไปมาจนสาวๆ ในครัวหน้าแดง หัวเราะกันคิกคักเหมือนชอบใจ
“โอ๊ย... แค่ฟังแกพูดฉันก็สยิวแล้วล่ะ” คนบอกสยิวลูบแขนไปมา บิดขาเสียดสีกันด้วยความเสียวซ่าน
“คุณท่านหล่อจะตาย เกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นใครหล่อเท่านี้มาก่อน