อาหารเช้าแสนอร่อยของวันใหม่ผ่านพ้นไป ช่วงบ่ายจึงเป็นการเรียนรู้งานในสวนแบบคร่าวๆ โดยครูคนที่จะให้ความรู้ในวันนี้เป็นหนุ่มหล่อชาวสวนเจ้าของสวนปลายฟ้านั่นเอง แต่จะให้พูดเพียงคนเดียวก็คงจะเหนื่อยเกินไป เขาจึงแบ่งคนออกเป็นสามกลุ่มเพื่อความรวดเร็วในการศึกษา และสามารถเข้าถึงหนุ่มสาวชาวเมืองได้ทุกคนเมื่อมีข้อซักถาม และนี่คือเรื่องจริงที่ไอรักรับไม่ได้ นั่นคือกลุ่มของเธอดันได้ตาคู่อริแสนร้ายกาจคนนี้มาเป็นคนสอนกลุ่มแรก
“ฟังจากที่แกเล่าเมื่อคืน ฉันว่าเรื่องนี้แกก็ผิดเสียส่วนใหญ่นะ”
“แพรว แกเป็นเพื่อนฉันนะ!” ไอรักตอกย้ำความสัมพันธ์เมื่อเพื่อนเลือกที่จะเข้าข้างผู้ชายมากกว่าตนเอง ถึงมันจะจริงอย่างที่แพรวพราวพูด แต่ใครมันจะไปรับได้กัน
“เอ้า! ฉันคิดแบบคนกลางย่ะ แล้วไอ้น้ำที่แกกินเข้าไปนี่ฉันว่ามันไม่ใช่น้ำเปล่าแน่ๆ มันน่าจะเป็นพวกยาสมุนไพรของที่นี่ แบบว่ากินแล้ว…”แพรวพราวอมยิ้มมองหน้าเพื่อนเขินๆ “เออ กินแล้วรู้สึกแบบนั้นแหละ”
“ยังไงซะฉันก็ต้องรู้ให้ได้ว่าลุงคนนั้นอยู่ที่ไหน” ไอรักพูดขึ้นอย่างมาดมั่น
“เสียเวลา”
“ยังไง?” ไอรักถามขึ้น แพรวพราวไม่ตอบแต่เบี่ยงสายตากลับไปมองข้างหน้าแทน
นรินทร์พูดบรรยายความรู้แต่ทว่าสายตาของเขากลับมองมาที่สองสาวที่กำลังนั่งคุยกันโดยไม่ยอมสนใจคนรอบข้าง และเขาคงเผลอจ้องพวกเธอนานเกินไป จนแพรวพราวรู้ตัวและหันมาสนใจเขาแทน
“พื้นที่ว่างเปล่าตรงนี้เราใช้เป็นแหล่งให้ความรู้ของชาวปลายฟ้า ทุกวันศุกร์เราจะรวมตัวกันที่นี่เพื่อพูดคุยถึงปัญหาต่างๆ และช่วยกันแก้ไขปัญหาไปด้วยกัน การสื่อสารให้เข้าใจตรงกันนั้นนับว่าเป็นเรื่องสำคัญนะครับ หากเราเข้าใจแบบผิดๆ และสื่อออกไปเป็นวงกว้าง เนื้อเรื่องนั้นก็จะเปลี่ยนไปในทันที”
“แล้วทำไมปลายฟ้าถึงมีทุกอย่างรวมอยู่ในที่นี่ที่เดียวหมดเลยล่ะครับ”
คำถามมีขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างผู้ที่สนใจจะเข้ามาศึกษาจริงๆ นรินทร์ก็รู้สึกพอใจกับการเข้ามาของเด็กรุ่นใหม่ ไม่ใช่เพียงเข้ามาเพื่อพักผ่อนและทำโครงงานส่ง แต่หากมาดูงานจริง พื้นที่จริง และได้ลงมือทำด้วยสองมือของตัวเองจริงอีกด้วย
ชายหนุ่มเข้าสู่โหมดเจ้าของสวนแบบเต็มตัวโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของใครบางคนแอบมองอยู่ ไอรักนั่งฟังเขาอย่างตั้งใจ ถ้าตัดเรื่องนั้นออกไป นรินทร์ก็นับว่าเป็นผู้ชายที่น่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว
“มองมากไปเดี๋ยวเขาก็คิดค่ามองเอาอีกหรอก” แพรวพราวพูดล้อเพื่อนเมื่อนึกถึงตอนที่นั่งอยู่ในรถด้วยกันเมื่อวาน ถึงนรินทร์จะพูดเสียงเบาแต่คนนั่งเบาะหลังคนขับอย่างเธอย่อมได้ยินชัดเจน
“แพรว!” สีหน้าขัดเขินเกิดขึ้นบนใบหน้าสวย
“อะไรกัน ถ้าไม่ชอบเขาเหมือนกันจะเขินทำไม เอาจริงนะไอรัก ฉันว่าแกก็ต้องเกิดชอบเขาขึ้นมาบ้างแหละ เสียตัวไปแล้วก็ต้องทำอะไรบ้างสิ”
“จะให้ฉันทำอะไร ถ้าเขาไม่รู้ฉันก็แกล้งทำเป็นลืมก็ได้นี่ เรื่องพรรคนี้…”
“โอ๊ย! แกอย่ามานางเอกนักเลย ฉันเพื่อนแกนะไอรัก เธอไม่ใช่คนที่จะยอมใครได้ง่ายๆ ถ้าไม่มีใจให้เขาบ้าง แกรึจะปล่อยเลยตามเลยแบบนี้ เพราะแกรู้ไงว่าคนที่แกกำลังอ่อยให้เขาปล้ำเป็นคุณนรินทร์”
“อ่อยบ้าอะไร ฉันแค่เมาแล้วก็อาจจะเพราะไอ้น้ำขวดนั้นด้วย”
“มันก็ใช่ แต่แกลองกลับไปคิดตามที่ฉันพูดแล้วยอมรับใจตัวเองซะ ว่าแกก็สนใจเขามาตั้งแต่แรกเหมือนกัน”
“ไม่มีทาง!!!” ไอรักรีบปฏิเสธเสียงแข็ง
นรินทร์ยิ้มและหัวเราะเมื่อได้อยู่ท่ามกลางชาวปลายฟ้าที่เขารัก คำพูดถามไถ่ที่เหมือนครอบครัวทำเอาสาวหลายคนเพ้อฝันที่จะคิดไปไกลไม่ได้ แพรวพราวเหล่ตามามองไอรักยักคิ้วให้
“ฉันบอกแล้วว่าคุณนรินทร์น่ะน่ารัก”
“ไม่เลย ฉันไม่สนใจสักนิด” ไอรักส่ายหน้าปฏิเสธเสียงแข็ง
“ย่ะ แม่คนปากแข็ง” แพรวพราวเบื่อที่จะพูดต่อ เธอจึงเดินหนีเพื่อนสาวไปสนใจเก็บลูกมะพร้าวอย่างเอาเป็นเอาตายแทน
“ส้มหวานอร่อยนะครับ ชิมสิ”
นรินทร์ที่โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงทำเอาไอรักสะดุ้งตกใจจนต้องยกมือขึ้นทาบอก เธอหยิบกลีบส้มจากมือนรินทร์มาลองชิมอย่างที่เจ้าตัวโม้เอาไว้ ก่อนจะอดจะยิ้มอย่างพอใจไม่ได้ที่รสชาติมันดีเหลือเกิน
“ลองชิ้นนี้ดูสิครับ มาจากอีกสายพันธุ์นึง” นรินทร์ชูกลีบส้มอีกลูกให้ไอรักอย่างใจดี
“อี๊! นี่มันเปรี้ยว” ไอรักรีบคายส้มออกมาในทันที ใบหน้าสวยเหยเกเพราะรสชาติของมัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า สงสัยผมจะหยิบผิดมา นี่มันมะนาวนี่นา ว้า! แย่จัง ผมนึกว่าคุณจะรู้เสียอีก”
จะเข้ามาดีๆ สักครั้งกับเธอไม่ได้เลยรึไง ทำไมต้องมาคอยแกล้งกันอยู่เรื่อย แถมตอนที่เธอหยิบก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เห็นสีมันแปลกและชิ้นดูใหญ่ขนาดนั้น ใครจะคิดว่ามันเป็นผลมะนาว แสดงว่าที่นี่ต้องอุดมสมบูรณ์มากทีเดียวเชียว
“ผมไม่แกล้งแล้วก็ได้ เห็นคุณดูท่าจะไม่ค่อยชอบผมเลยมาชวนคุยด้วยเท่านั้นเอง” นรินทร์รีบแก้ต่างให้ตัวเองในทันที
ไอรักถึงกับชะงัก “หา...ฉัน…” ไอรักกำลังเข้าสู่ขั้นวิกฤติ
แพรวพราวเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินเข้ามาช่วย เธอโบกไม้โบกมือยิ้มร่ามาแต่ไกล “ไฮ...ทำอะไรกันอยู่คะ นี่แพรวได้เกลือมาจากป้าคนนั้นแล้วนะ ว่าจะเอามาลองจิ้มกับผลมะนาวดูว่าอร่อยจริงไหม ยัยไอ คุณนรินทร์มานั่งทานด้วยกันไหมคะ?”