“แม่พูดจริงๆ แม่ชอบหนูไอ รินว่าน้องไม่น่ารักเหรอ ไม่ได้ดูเรียบร้อย แต่ก็ไม่ได้ก้าวร้าว”
เขาว่าคนเป็นแม่ลูกกันมักจะคิดเหมือนกัน นรินทร์ก็คิดเช่นนั้นจึงได้แต่มองไอรักอยู่คนเดียว จะว่าเป็นสบตาแล้วชอบก็ว่าได้ อาจเพราะไอรักดูเป็นสาวสวยที่ขี้เล่น ยิ้มง่าย และอะไรหลายอย่างในตัวเธอทำให้เขาอยากจะค้นหา ใช่ เธอเป็นผู้หญิงที่น่าค้นหาคนหนึ่งจริงๆ นั่นแหละ
“นั่นคนนะครับ ไม่ใช่สิ่งของจะหยิบเอามาง่ายๆ ได้”
“แล้วไง มันอยู่ที่แกว่าจะทำให้เธอหันมาสนใจได้รึเปล่า” ประไพกวาดตามองลูกชายตั้งแต่หัวจรดเท้า “แต่อย่างแก…คงไม่มีน้ำยาหรอก” เสียงเย้ยหยันของผู้เป็นแม่สร้างความฮึกเหิมในใจให้นรินทร์เป็นที่เรียบร้อย
คนอย่างนรินทร์ฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้!!!
“งั้นแม่เตรียมสินสอดรอได้เลยครับ” นรินทร์พูดอย่างท้าทาย
“เอาเถอะ ฉันรู้ว่าแกก็เก่งแต่ปาก เจ้าลูกไก่เอ๊ย!”
นรินทร์ถึงกับหยุดเดินและหันมาทำสีหน้าจริงจังกับแม่ “นี่ใคร นรินทร์ลูกแม่นะครับ ไม่ใช่ลูกไก่”
“อ๋อเหรอ” ประไพรหยักยิ้มอย่างท้าทาย
“แม่ไม่ต้องมาหว่านล้อมผมหรอก จริงๆ แล้วผมก็คิดจะจีบเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หึๆ”
คำพูดเฉลยของนรินทร์ทำให้ประไพรู้ว่าเกมส์นี้เธอเสียทีลูกชายตัวแสบจนได้ “แล้วแกก็ปล่อยให้ฉันพูดอยู่ได้นะ ไอ้เด็กแสบ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ก็แม่นิสัยยังไงทำไมลูกชายคนนี้จะไม่รู้ล่ะครับ แต่ผมขอชมแม่จริงๆ เพราะแม่ตาถึงมาก”
นรินทร์ยกนิ้วให้มารดา ก่อนจะเดินผละวิ่งไปนำกลุ่มที่อยู่ข้างหน้าแถว ประไพหยุดเดินพลางบอกให้คนงานไปทำอาหารกลางวันรอที่เรือนพักรับรองแทน ใช้ชีวิตมาจนอายุเข้าเลขสี่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก็มาก ลูกชายคนนี้ก็ยังเป็นเหมือนพ่อเขาไม่มีผิด…
ฉลาดเป็นกรด!
ไอรักยกมือป้องใบหน้ายามที่แดดส่องเข้ามากระทบตา บรรยากาศเย็นสบายของสายลมพัดผ่านผิวนวลทำให้หญิงสาวกระชับวงแขนโอบรัดตัวเองพลางลูบแขนไปมาแรงๆ นรินทร์ที่มองอยู่เกือบจะตลอดเวลาขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะยื่นชาอุ่นๆแก้วเล็กให้หญิงสาว ไอรักเงยหน้ามองเขาอย่างไม่ไว้ใจ
“ชาครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เธออดไม่ได้ที่จะต้องพูดกับเขา ถึงความอคติในใจจะมีอยู่มาก แต่ในความเป็นจริงเธอต้องพยายามแสดงออกให้เป็นปกติมากที่สุด
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ผมก็เดินแจกให้ทุกคน”
ไอรักสูดหายใจเข้าลึกๆ กับความกวนประสาทของชายหนุ่มตรงหน้า มารยาทที่ควรมีมันใช้ไม่ได้กับคนป่าเถื่อนเช่นนรินทร์
ไอรักยิ้มและพูดขึ้น “ค่ะ! ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ”
หญิงสาวกัดฟันกรอดเดินหนีไปสงบสติอารมณ์ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มองดูเพื่อนๆ ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปตามมุมต่างๆ ของสวนอย่างรู้สึกอิจฉา นี่ถ้าเธอไม่ลืมพกกล้องมาก็คงได้ถ่ายรูปสวยๆ สักรูปแล้ว
แชะ!
นั่นไง ยังตามมาอีก
“สวยครับ” นรินทร์ยกกล้องขึ้นอีกครั้ง “จะสวยกว่านี้ถ้าคุณไม่บังมันอยู่” ไอรักขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ก่อนจะหันไปมองข้างหลัง
พระอาทิตย์ที่ขึ้นเต็มดวงแล้วสวยมากจริงๆ ตัดกับหมอกจางที่ขึ้นเป็นชั้นๆ ดูราวกับภาพวาด เอ๊ะ! แต่เดี๋ยวก่อน นี่เขากำลังหาเรื่องเธออีกแล้วใช่ไหม?
“แล้วคุณมาถ่ายอะไรตรงนี้ล่ะ มุมอื่นฉันก็ไม่ได้บัง คุณก็ถ่ายได้นะคะ คุณนรินทร์”
ไอรักเน้นชื่ออีกฝ่ายอย่างชัดเจน เพื่อให้เขารู้ว่าตอนนี้เธอเริ่มจะหมดความอดทนเต็มทีแล้ว แพรวพราวยกกล้องขึ้นแอบถ่ายคนสองคนที่กำลังจะโต้เถียงกันด้วยสีหน้าเอาเรื่อง แต่เอ๊ะ! สีหน้าเพื่อนเธอคนเดียวต่างหากที่เอาเรื่อง ทั้งสองคนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่นะ
แพรวพราวรีบสาวเท้าเดินเข้ามา จังหวะเดียวกับที่นรินทร์ยกยิ้มมุมปากและเดินสวนเธอไป ไอรักหลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เห็นใบหน้าเพื่อนสนิทของเธอจ้องมาด้วยแววตาสงสัย
“ดูแกกับคุณนรินทร์จะสนิทกันแปลกๆ นะ ว่าไงเพื่อน หืม?”
ไอรักไม่เคยมีเรื่องที่ปิดบังเพื่อนสนิทอย่างแพรวพราวได้จริงๆ ไม่มีสักเรื่องที่เพื่อนสนิทคนนี้จะไม่รู้ แล้วจะให้เธอพูดอะไรออกไปดีเล่า ในเมื่อเธอเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรนรินทร์ถึงชอบมายุ่งวุ่นวายกับเธอนัก หรือว่าเขาจะรู้แล้วว่าคนที่นอนกับเขาเมื่อคืนเป็นใคร? แต่ถ้าหากเขารู้ว่าเป็นเธอก็น่าจะพูดอะไรให้มากกว่านี้สิ
“อย่างเช่น” แพรวพราวเปลี่ยนสีหน้าแสดงความเป็นห่วง “เมื่อคืนแกร้องไห้ทำไมทั้งคืน และรอยตามตัวแกมันมาได้ยังไง ไอรัก?” แพรวพราวพูดเข้าประเด็นหลักเสียจนใบหน้าเจ้าของเรื่องเบิกตากว้าง
“ทำไม?”
“ทำไมถึงรู้ทั้งที่ฉันเมาใช่ไหม? แกคงลืมไปว่าต่อให้ฉันเมาแค่ไหนฉันก็เป็นคนตื่นง่าย และตั้งสติได้ดีมาก ดีจนตื่นขึ้นมาเช็ดตัวให้คนป่วยอย่างแกได้”
“แพรว!” ไอรักถึงกับเรียกชื่อเพื่อนรักขึ้นด้วยความตกใจ
“ฉันคงจะนอนต่อถ้าไม่ตื่นมาได้ยินแกละเมอร้องไห้ และฉันคงจะนอนต่อถ้าไม่เห็นว่าตัวเพื่อนของฉันมีแต่รอยดูดเต็มตัว ว่ายังไงล่ะไอรัก ฉันว่าคืนนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ”
แล้วเรื่องทุกอย่างก็ไม่ใช่ความลับของเธอคนเดียวอีกต่อไป…